อ่านสรุป บทที่ 476 เนรเทศ จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 476 เนรเทศ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เสียงนี้ฟังแล้วรู้สึกหนาวสะท้าน ทั้งยังดูไม่พอใจเอามาก ๆ ด้วย
“ใครกัน?”
ฉินหลังขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเปิดม่านหน้าต่าง
เงาดำรูปร่างสูงสง่าสามร่างยืนขวางอยู่กลางถนน ดูน่าเกรงขามท่ามลางความมืดมิด ความประกายทางแววตาคล้ายจะมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“เซียวเฉวียน?”
ฉินหลังจ้องเขม็ง คนที่อยู่ตรงกลางใช่เซียวเฉวียนใช่ไหม?
ซ้ายและขวาคือไป๋ฉีและเหมิงเอ้า พวกเขามีสีหน้านิ่งสงบ แววตาเยือกเย็น
พอเห็นท่าทางที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายจิตสังหารของทั้งนายและบ่าว ฉินหลังก็ถึงกับไม่สบอารมณ์ “ข้าเผลอไปล่วงเกินใต้เท้าเซียวตรงไหนไม่ทราบ?”
“ดึกดื่นค่อนคืน ใต้เท้าเซียวขวางทางข้าเช่นนี้มีเรื่องอันใด?”
เขารู้ดี เซียวเฉวียนไม่เกี่ยวข้องกับกวีสมุทรคุนหลุน ไม่เคยเห็นเซียวเฉวียนอยู่ในสายตา
อายุแค่นี้ เขาฉินหลังจะสู้ไม่ได้เชียวหรือ?
ฉินหลังคิดเยอะ เขาสู้ไม่ได้จริง ๆ นั้นแหละ
ฉินหลังสะบัดพัด ‘พรึ่บ’ และแกว่งไปมา “ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าถูกเนรเทศไปรัฐไป๋ลู่ ซึ่งข้าไม่ใช่คนทำ แต่เป็นเพราะจ้าวจินไหล บีบบังคับให้ฝ่าบาทลงโทษเจ้า”
ฉินหลังสะบัดพัดไปมา เดินออกมาจากเสลียงไม่เร็วไม่ช้า จากนั้นก็คลี่ยิ้มบาง ๆ “จ้าวจินไหลมันฆ่าตัวตายไปแล้ว ใต้เท้าเซียวจะมาหาความโชคร้ายจากข้าได้อย่างไร?”
“ที่ข้ามาครานี้ก็เพื่อศิษย์แห่งชิงหยวน”
เซียวเฉวียนมีอำนาจ มีความหยิ่งยโส เป็นคนซื่อตรง
นายและบ่าวมีอำนาจข่มเหงผู้อื่น ทำให้ฉินหลังต้องก้าวถอยหลังอยู่เงียบ ๆ
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่เกี่ยวข้องกับกวีสมุทร แต่พลังการต่อสู้ของไป๋ฉีและเหมิงเอ้าไม่เป็นสองรองใคร ดูจากท่าทีเหี้ยมโหดของทั้งสามคนแล้ว ฉินหลังมีความระแวดระวังมากขึ้น “อ่า? ศิษย์? ข้าจำได้ ช่วงนี้ข้าไม่ได้ล้วงเกินใครนะ?”
“เจ้าต้องจำเสิ่นฉีได้แน่นอน” ทันทีที่เซียวเฉวียนโพล่งออกไป สีหน้าของฉินหลังก็เปลี่ยนไปทันที เดิมทีเซียวเฉวียนมาเพื่อนคนผู้นี้
“ที่ข้ากลับมาครานี้ ประเด็นหลักคือเข้ายึดชิงหยวน ศิษย์แห่งชิงหยวนที่ได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าต้องดูแลอย่างทั่วถึงแน่นอน”
ฉินหลังเคร่งเครียดอยู่ในใจ มิน่าล่ะ ฮ่องเต้ถึงได้ถามเรื่องของเสิ่นฉีกับตน
ดูท่าที่เซียวเฉวียนปฏิบัติต่อเว่ยเจียนกั๋วอย่างตรงไปตรงมาก่อนหน้านั้น กระทั่งไปส่งเซี่ยวเฟิง ความจริงแล้วเซียวเฉวียนและฮ่องเต้เป็นพวกเดียวกัน!
แย่แล้ว!
“เจ้ามาฆ่าข้า?”
ฉินหลังขมวดคิ้วแน่น เซียวเฉวียนยิ้มเยาะเย็นชา เสิ่นฉีตายแล้ว ฆ่าฉินหลังไปก็ไม่มีประโยชน์
เซียวเฉวียนหยิบหนังสือยอมรับโทษฉบับหนึ่งออกมา และหยิบโคลนสีแดงกล่องหนึ่งออกมา “มานี่มา ประทับลายนิ้วมือ”
ด้านข้อเท็จจริง ถูกเขียนไว้อย่างครบถ้วน
ทั้งกระบวนการฆ่าและแรงจูงใจของฉินหลัง รวมถึงวิธีฆ่าท่านปู่และท่านย่าผู้น่าสงสาร วิธีการใส่ร้ายความผิดให้กับเสิ่นฉี สุดท้ายก็การใช้อำนาจในทางที่ผิดโดยการเนรเทศเสิ่นฉีไปอยู่เกาะจูเสิน
ฉินหลังมองตัวอักษสีขาวและสีดำ ซึ่งมันไม่ต่างกันสักนิด!
“ความผิดบาปนี้ได้รับการตรวจสอบจากฝ่าบาทมาแล้ว เจ้าะไม่ยอมอีกหรือ?”
นัยน์ตาของเซียวเฉวียนเย็นยะเยือก “ประทับลายนิ้วมือเถอะ ประทับเสร็จข้าจะได้ไปส่งเจ้าที่เกาะจูเสิน”
ฉินหลังตัวสั่น เขายอมตายแต่เขาไม่ยอมไปเกาะจูเสิน!
“ข้าไม่เคยทำเรื่องนี้ !ข้าไม่เคยทำ!”
ก่อนตายฉินหลังยังเถียงอยู่เลย
เซียวเฉวียนไม่ว่างฟังเขาพูดจาไร้สาระ จึงโพล่งออกไปตรง ๆ “ช่วงแรกที่เจ้าทำร้ายเสิ่นฉี ก็เพื่อบุตรชายของตัวเอง ฉินหลัง เจ้าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าก็จะจับตัวบุตรชายของเจ้าไปเกาะจูเสินแทน”
“เจ้ากล้า!” ฉินหลังขมวดคิ้วแน่น “ข้าเป็นแค่คนของเว่ยเจียนกั๋ว!เป็นหัวใจของเขา!เจ้าเป็นขุนนางขั้นสี่ กล้าแตะต้องข้า?”
“เจ้าไม่กลัวเว่ยเจียนกั๋วจะสร้างปัญหาให้เจ้าหรือ?”
เมื่อคนทั่วไปได้ยินคำว่า ‘เว่ยเจียนกั๋ว’ ก็พากันกลัวจนหัวหดหมด เซียวเฉวียนกลับดูถูก ท่าทางไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน “ข้าเป็นเช่นนี้ โลกใบนี้มีใครที่ข้าต้องกลัวอีกหรือ?”
ประโยคนี้มีเลศนัย พอได้ยินฉินหลังก็ตัวสั่นงันงก หมายความว่าอย่างไร? เซียวเฉวียนเคยสัมผัสกับกวีสมุทรคุนหลุนมาก่อนอย่างนั้นหรือ?
มิเช่นนั้น เขาจะกล้าพูดโอ้อวดเช่นนี้หรือ?
“ขอรับ ขอรับ...” มือของสิบหกรับหนังสือยอมรับบทลงโทษอย่างสั่นเทา “ขอบคุณ!ขอบคุณใต้เท้าเซียว!”
“อาฉีต้องดีใจมากแน่ ๆ”
สิบหกตัวสั่นระริก อาฉีฝันกว่าอยากล้างความไม่เป็นธรรม ด้วยความจนปัญญาจึงถูกขังอยู่บนเก้าจูเสิน ก่อนหน้านั้นทุกคนต่างรู้สึกว่าอาฉีเพ้อเจ้อ คาดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้ล้างความไม่เป็นธรรม!
“เซียวเฉวียน!เจ้ากล้าเนรเทศข้า?”
ฉินหลังเบิกตากว้าง แม้ว่าเขาจะสู้แม่ทัพฉินเซิงไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นขุนนางขั้นสาม!
เขาคือหนึ่งในหัวใจหลักของเว่ยเจียนกั๋ว!
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมานรเทศข้า!”
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเนรเทศข้า!”
“เมื่อก่อนจ้ายังเป็นลูกเขยของจวนฉิน !มีชีวิตเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง!” ฉินหลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เซียวเฉวียนตรงไปตรงมา ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน กระทั่งพูดจาสะเปะสะปะ “ตอนนี้เจ้าประสบความสำเร็จแล้ว จึงอยากเนระเทศข้าใช่หรือไม่?”
“เจ้าจะสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องของพี่น้องข้า”
“อ่อ? เจ้าหมายถึงฉินเซิงหรือ?” เซียวเฉวียนส่งเสียงไม่สบอารมณ์ “ไอหยา เจ้าโชคดีที่มีพี่ชายที่แสนดี หากไม่ใช่เพราะเขา ตระกูลฉินจะมีทางหนีทีไล่ไหม?”
“ว่าไงนะ?” ฉินหลังไม่เข้าใจ
“ตระกูลฉินนอกลู่นอกทาง ท่าทางของพวกเขาฟื้นฟูตระกูลฉินจนสร้างผลงานได้?” เซียวเฉวียนขมวดคิ้วแน่น “ตระกูลฉินมีแค่ฉินปาฟางและฉินเซิงที่คล้ายหงส์ในหมู่กา รุ่นหลังไม่สู้รุ่นต่อไป”
ฉินหลังกลัวเปรียบเทียบเขากับฉินเซิงที่สุด เขาโกรธจัด “หุบปาก!ดูกลวิธี!”
ฉินหลังเหงี่ยงหมัดออกมา เซียวเฉวียนถอยหลังหนึ่งก้าว เหมิงเอ้ารุดขึ้นหน้า ใช้หน้าอกที่แข็งแกร่งขวางหมัดของฉินหลังไว้
“ผลั่กะ”
เหมิงเอ้าก้มหน้าลง หมัดนี้เหมือนปุยฝ้าย เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างดูถูก “แค่นี้?”
“เจ้า....เจ้ากำลังดูถูกข้า?”
ฉินหลังโกรธจนตัวสั่น ในใจเต้นตึกตัก....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...