บทที่ 485 ยืดได้หดได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 485 ยืดได้หดได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ใบหน้าของเว่ยเป้ยปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มและความกดอากาศต่ำจนน่าตกใจ แต่มีเพียงเซียวเฉวียนที่มองเห็นน้ำตาซึมๆ ในดวงตาของเด็กคนนี้ ใช่ เว่ยเป้ยโมโหจนแทบจะร้องไห้อีกแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ !
มาที่ต้าเว่ยนานแล้ว นอกจากฉินซูโหรว เว่ยเป้ยเป็นคนที่ร้องไห้เก่งที่สุด เซียวเฉวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดชังเล็กน้อย กล่าวอย่างชักช้าใจเย็น "ถูกต้อง ข้าคิดว่าเจ้าไม่มีทางจะเป็นจ้วงหยวน
”ฮึ......” เว่ยเป้ยเกือบจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว แต่เขาก็ฝืนกลบเสียงร้องลงไป “เจ้า...... เจ้า...... เจ้าเอาอะไรมาพูด!”
เซียวเฉวียนคิดว่าเว่ยเป้ยจะส่งคำด่าประเภทสะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมาได้ แต่เว่ยเป้ยสะอึกสะอื้นมาตั้งนาน สุดท้ายแค่ เจ้าเอาอะไรมาพูด อย่างเด็กผู้หญิงที่ชอบร้องกัน
ฮ่าๆๆ!
เซียวเฉวียนหัวเราะแทบจะกระจายอยู่ในใจ!
เว่ยเชียนชิวปิดล้อมทุกด้านเหมือนเป็นถังเหล็ก คนอื่นๆ ไม่อาจจะบุกรุกเข้าไปได้
ตอนนี้ เซียวเฉวียนค้นพบจุดอ่อนของเว่ยเชียนชิวได้แล้วในที่สุด!
เว่ยเป้ยน่าสนใจมาก โอ้ เทพเจ้าทรงโปรดมาให้ความช่วยเหลือเซียวเฉวียนแท้ๆ !
เซียวเฉวียนลบล้างความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเว่ยเป้ย ถึงอย่างไร คนที่มีจิตใจแบบเด็กๆ ไม่จำเป็นต้องถือเป็นศัตรู
เว่ยเป้ยได้รับการปกป้องดีเกินไปจากเว่ยเชียนชิว นิสัยของเขาจึงเรียบง่ายมากกว่าพวกลูกหลานอื่นๆ ของตระกูลชนชั้นสูง
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉวียนไม่เคยเห็นลูกหลานจากตระกูลที่ไหนมาร้องไห้แบบนี้เพราะแมวตัวหนึ่งมาก่อน
”เอาล่ะ วันนี้เจ้ามาสร้างความวุ่นวายในลานบ้านของข้า เพราะเจ้าจะมาอวดสถานะและความสามารถ เจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นจ้วงหยวนได้อย่างแน่นอน จึงกล้าที่จะอวดดี” เซียวเฉวียนยิ้มเล็กน้อยและพูดด้วยสีหน้าอันเมตตา “อาจารย์จะออกบทโคลงคู่ ถ้าเจ้าตอบคู่ได้ถูก อาจารย์ก็จะปล่อยเจ้าไป
”แต่ถ้าตอบคู่ออกมาไม่ได้ วันนี้เจ้าก็ต้องเก็บกวาดลานบ้านนี้ให้ข้า”
“เอาก็ได้! คิดว่าข้ากลัวเหรอ? มาเลย!”
ท่าทางที่ไม่ยอมแพ้ของเว่ยเป้ย ทำให้เว่ยอวี๋ยิ้มเยาะ "ข้าว่าเจ้าจะไหวหรือ? เหล่าเซียวเป็นนักศึกษาศิลปศาสตร์คะแนนยอดเยี่ยม เป็นจ้วงหยวนงวดที่แล้ว ระดับอย่างเจ้า คิดจะมาเล่นโคลงคู่งั้นหรือ?
”เก่งกว่าเจ้าก็แล้วกันนา!”
เว่ยเป้ยกลอกตา คนที่ไม่ได้รับการศึกษามากที่สุดในโลกคือเว่ยอวี๋ ใครจะมาเยาะเย้ยเขาก็ได้ แต่ยังไม่ถึงคิวของเว่ยอวี๋ก็แล้วกัน!
ถูกเขาย้อนกลับมาซะยกหนึ่ง เว่ยอวี๋ร้อนใจขึ้นมาสุดๆ "โอ้! เจ้า! เหล่าเซียว! รีบออกโคลงเร็ว! เอามันให้ตายไปข้าง!"
"ได้"
เห็นเว่ยอวี๋โกรธจัด เซียวเฉวียนก็กระซิบว่า "ข้าจะระบายความแค้นให้เจ้าเอง!"
”เอาเลย!” เว่ยอวี๋พยักหน้าด้วยโทสะ ให้ตายเถอะ ในสังคมยุคใหม่ เขาเรียนไม่เก่ง แต่ไม่มีใครหัวเราะเยาะเขา ตอนนี้มาอยู่ในยุคโบราณ เด็กตัวกระจ้อยร่อยก็กล้ามาหัวเราะเยาะเขา!
"ออกคู่ที่ยากที่สุดเลย!"
เว่ยอวี๋โกรธจนควันจะออกจมูก เซียวเฉวียนยิ้ม การจัดการกับเว่ยเป้ยไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก
เซียวเฉวียนลูบหัวของเซี่ยวเฟิงอย่างสบายๆ "จวิ้นอ๋อง โปรดฟังให้ดี ท่อนแรกของข้าคือ ’ซ่างโกวเหวยเหล่า เซี่ยโกวเหวยเข่า เหล่าเข่าถงเซิง ถงเซิงเข่าเต้าเหล่า’ (แปลว่า ตะขอหันขึ้นบนคืออักขระเหล่า ตะขอหันลงล่างคืออักขระ เข่า แก่สอบนักเรียน นักเรียนสอบจนถึงแก่)”
อา?
อย่างที่คาดไว้ เว่ยเป้ยเง็ง
ไม่เพียงแต่เว่ยเป้ยเท่านั้นที่เง็ง แต่นักเรียนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เง็ง
นี่เป็นยอดโคลงอมตะในประวัติจีนฮวาเซี่ย ในช่วงราชสมัยยงเจิ้ง มีนักเรียนวัยชราผู้หนึ่ง มีความรู้พอสมควร แต่ด้วยไม่มีผู้หนุนหลังและมีนิสัยซื่อตรง ไม่ยอมให้ของขวัญซื้อใจขุนนางคุมสอบ สมัครสอบ 12 ครั้งสอบตกมาทุกครั้ง
แต่เขาก็ยังไม่ท้อใจและยังคงสมัครสอบต่อไป ขุนนางคุมสอบพอเห็นชื่อเขาก็ไม่พอใจอย่างยิ่งทั้งโยนข้อสอบของเขาทิ้งไป และแต่งโคลงครึ่งท่อนมาเยาะเย้ยเขา “ซ่างโกวเหวยเหล่า เซี่ยโกวเหวยเข่า เหล่าเข่าถงเซิง ถงเซิงเข่าเต้าเหล่า”
ความหมายนั้นเสียดแทงรุนแรง นักเรียนวัยชราได้ยินก็รู้สึกสะเทือนใจมาก ด้วยความโมโหจึงเปล่งเสียงลั่นสวนโคลงท่อนล่างเพื่อตอบโต้ “เอ้อหรึนเฉินเทียน อีหรึนเฉินต้า เทียนต้าหรึนฉิง หรึนฉิงต้าอวีเทียน” (แปลว่า อักขระ ‘เอ้อ’ ซ้อน ‘หรึน’ เป็นอักขระ ‘เทียน’ / อักขระ ‘อี’ ซ้อน ‘หรึน’ เป็นอักขระ ‘ต้า’ / ท้องฟ้าใหญ่ ‘หรึนฉิง’ / น้ำใจคนใหญ่เท่าท้องฟ้า)
โคลงท่อนล่างนี้เปิดโปงพฤติกรรมที่ฝืนระเบียบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทุจริตในการตัดสินผู้มีความสามารถด้วยน้ำใจคนของขุนนางคุมสอบ พอผู้คุมสอบได้ฟังถึงกับเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวจนพูดอะไรไม่ออก
เซียวเฉวียนใช้โคลงคู่นี้เพื่อเยาะเย้ยเว่ยเป้ยที่จะอาศัยสถานะของเขาเพื่อไปสอบคัดเลือกขุนนาง
แต่เว่ยเป้ยคงฟังไม่เข้าใจว่านี่เป็นการเสียดสี และกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดคิดถึงโคลงท่อนล่าง
โคลงคู่นี้จะว่าไม่ยากก็ไม่ยาก แต่จะว่ายากมันก็ยาก
โคลงคู่ท่อนบนมีตัวอักษรที่สำคัญที่สุด "เหล่า" และ "เข่า" ความแตกต่างระหว่างสองตัวนี้คือขีดตะขอสุดท้าย ตัวหนึ่งหันขึ้นบน อีกตัวหนึ่งหันลงล่าง ซึ่งเป็นโคลงคู่ฉีกอักขระ
โคลงท่อนล่าง เอ้อหรึนเฉินเทียน หมายถึงเอ้อ+หรึน=เทียน(ท้องฟ้า), อีหรึนเฉินต้าหมายถึง อี+รึน=ต้า(ใหญ่), เทียนต้าหรึนฉิง(น้ำใจคนอันยิ่งใหญ่), หรึนฉิงต้าอวีเทียน(น้ำใจคนใหญ่เท่าฟ้า) คล้องจองกับอักขระ "เหล่า" และ "เข่า" ซึ่งดูประณีตแยบยล ทั้งเหน็บแนมเสียดสี ทำให้ผู้คนครุ่นคิดได้อย่างลึกซึ้งยิ่งนัก
เว่ยเป้ยทนก้มหน้าแบบนี้ได้ แต่จ้าวซิ่นทนไม่ได้ "จวิ้นอ๋อง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าวันนี้เรามาที่นี่เพื่อวางอำนาจเขา ข้ายังไม่ได้ล้างแค้นให้กับพ่อของข้าเลย......"
“ล้างแค้นอะไรกัน?” เว่ยเป้ยพูดอย่างอ่อนแรง “ข้ายังคิดโคลงท่อนล่างไม่ออกเลย เจ้าตอบโคลงท่อนบนนี้ได้ไหมล่ะ แล้วข้าจะล้างแค้นให้เจ้า”
"ข้า......"
จ้าวซิ่นทำหน้าเหมือนกินอึ ข้าก็ทำไม่ได้!
แต่จ้าวซิ่นมาที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่เพื่อมาตอบโคลงกลอนอะไร แต่มาเพื่อหาเรื่องตีกัน!
เพื่อให้มีโอกาสได้ชนะมากขึ้น เขาจึงอุตส่าห์ไปลากเว่ยเป้ยมาด้วย
แต่แล้วเว่ยเป้ยมาอวดความเท่เพียงไม่กี่วินาทีแค่นี้เหรอ?
”รีบมาช่วยข้าเก็บกวาดลานบ้านนี้กันเถอะ!”
เว่ยเป้ยถอนหายใจยาว พลางเก็บกวาดลานบ้านไป พลางคิดว่าคงขายหน้าต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
ที่พระราชวัง
องค์จักรพรรดิอดอั้นไม่อยู่จนพ่นน้ำชาออกมาเต็มปาก "เขาทำแค่นี้ก็จัดการเว่ยเป้ยซะอยู่หมัดแล้วเหรอ?"
“ขอรับ จวิ้นอ๋องไม่สามารถตอบโคลงได้ ยังมีหน้าหาเรื่องต่อไปได้ซะที่ไหน” ขันทีหม่ากงกงยิ้มตาหยีและพยักหน้า "ยังมีเรื่องแปลกปลาดกว่านี้อีกมากมายในตอนหลัง"
"อะไร?"
”เซียวเฉวียนมอบหน้าที่การดูแลของชิงหยวนให้กับเจ้าอ๋องของเรา”
ต่อไปนี้ เซียวเฉวียนก็ไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองอีกต่อไป งานของเขาก็มอบให้กับคนที่ไว้ใจได้ไปจัดการหมด
“ให้เว่ยอวี๋? มอบให้เขา?” องค์จักรพรรดิแทบไม่เชื่อหูของพระองค์ มอบมันให้หมูตัวหนึ่งยังดีกว่ามอบหมายให้น้องชายที่ไม่น่าเชื่อถือคนนี้เสียอีก!
”เซียวเฉวียนต้องการอะไรกันแน่?” องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว พระองค์ไม่เข้าใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...