อ่านสรุป บทที่ 491 การโจมตีอย่างต่อเนื่อง จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 491 การโจมตีอย่างต่อเนื่อง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ท่านผู้เฒ่าสั่นสะท้านทันที พูด...พูดอย่างไร?
กล่าวว่าในปีนั้นเขาใส่ร้ายขุนนางฝ่ายบุ๊นแปดคนนั้นอย่างไรน่ะหรือ?
กล่าวว่าเขาร่วมมือกันกับโฮ่วเฟยของฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปทำร้ายคนน่ะหรือ?
หากกล่าวออกมาจริง ๆ แล้วละก็ การถูกเนรเทศทั้งตระกูลน่ะถือว่าเป็นโทษสถานเบาแล้ว นี่คือโทษมหันต์ประหารเก้าชั่วโคตรเลยเชียวนะ!
มั่วสี่ส่งเสียงหึเย็นชาหนึ่งเสียง "การที่ท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างไรมารยาทเช่นนี้นั้นก็ช่างมันไปก็แล้วกัน ใต้เท้าเซียวเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงต่อคนในตระกูลของข้า ท่านใส่ร้ายป้ายสีเขาอย่างไร้เหตุไร้ผลเช่นนี้ เช่นนั้นท่านก็พูดมาให้กระจ่าง!"
ฮ่องเต้พยักพระเศียร ตรัสอย่างเย็นชาว่า "ทหาร ใช้เครื่องมือลงโทษทรมาน"
ตอนนี้ท่านผู้เฒ่านั้นย้ายก้อนหินลงมาทับเท้าของตนเองแล้วจริง ๆ เขาอยากที่จะตีริมฝีปากใหญ่ ๆ ของตนเองเสียจริง หากรู้เช่นนี้ก่อนแล้วละก็ ประโยคสมควรตายนั้นคงจะไม่พูดออกมาหรอก!
ในตอนนั้นเอง ขันทีผู้หนึ่งผลักเก้าอี้ไม้ออกมาแล้ว ก่อนจะมัดท่านผู้เฒ่าเอาไว้ทางด้านบน
หลังจากนั้นมีองครักษ์สองคนถือไม้ใหญ่ขนาดเท่าแขนเอาไว้อยู่คนละไม้ ก่อนจะตีไปยังบั้นท้ายของท่านผู้เฒ่าอย่างสุดแรงเกิด
การตีบั้นท้ายอย่างน้อย ๆ ก็เป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดที่ผิวเนื้อ
อย่างหนักก็คือบาดเจ็บจนถึงกระดูก ช่วงล่างพิกลพิการ แม้ไม่ตายแต่ก็ถือว่าเป็นคนพิการคนหนึ่งเหมือนกัน
"อา!"
"อา!"
ท่านผู้เฒ่าร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด!
ทว่าเขากลับมิอาจยอมรับได้!
เพื่อเก้าชั่วโคตร มิอาจยอมรับได้!
อย่างไรเซียวเฉวียนก็มิใช่คนธรรมดา จึงไม่เปิดไพ่ตามหลักการ
เขาเห็นท่านผู้เฒ่าไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมเปิดปาก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงสาวเท้าก้าวไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว กล่าวกับฮ่องเต้ว่า "ฝ่าบาท เขาอ่อนแออ้อนแอ้นมิแข็งแรง เคยมีเรื่องราวเช่นนั้นจริงพ่ะย่ะค่ะ ทว่าเรื่องนี้กระหม่อมเองก็มีความผิดด้วยเช่นเดียวกัน ถูกต้อง ข้าใส่ร้ายเขา"
อะไรวะ!
ท่านผู้เฒ่าบันดาลโทสะจนจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว เซียวเฉวียนยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!
หลบก็หลบไม่พ้น!
เซียวเฉวียนกลับเอาโทษฐานหลอกลวงองค์เหนือหัวมาเพื่อต้องการที่จะลากเขาลงน้ำ!
ภริยาของเหล่าผู้มีอำนาจต่างก็ชะงักนิ่งไปทันที เบิกตากว้างจ้องมองด้วยความไร้เดียงสา
คนเหล่านี้มิสำคัญ ต่างก็ล้วนเป็นเครื่องมือเท่านั้น เซียวเฉวียนคำนับ "ข้าใส่ร้ายเขาก็เพื่อคดีวันไหว้พระจันทร์ของขุนนางฝ่ายบุ๊นแปดท่านเมื่อหลายปีก่อน"
ฮ่องเต้หันพระเศียรกลับมาเล็กน้อย ทอดพระเนตรมองมั่วสี่ "เจ้ารู้เรื่องนี้?"
"หม่อมฉันมิทราบเพคะ ข้ากับใต้เท้าเซียวมิได้ร่วมมือกัน เป็นท่านผู้เฒ่าผู้นี้ที่มิรู้ว่ากระไรดีหรือไม่ดี" การที่มั่วสี่กล่าวออกมาเช่นนี้จึงจะสามารถลดโทษฐานหลอกลวงองค์เหนือหัวให้ได้ต่ำมากที่สุดแล้ว
"เจ้ารู้หรือไม่?"
พระเศียรของฮ่องเต้ทรงหันกลับมาเล็กน้อยอีกครั้ง สบตามองไปยังองค์หญิงต้าถงพระขนิษฐภคินี [1] ของตนเอง
"กราบเรียนฝ่าบาท มิทราบเพคะ" องค์หญิงเองก็ส่ายพระเศียรไปมาเช่นเดียวกัน นางคือผู้บริสุทธิ์จริง ๆ วันนี้นางเป็นเจ้าภาพจัดแจงงานเลี้ยง แต่จู่ ๆ กลับเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น นางเองก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
"พระนางมั่วสี่กับองค์หญิงถือเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ ท่านผู้เฒ่าผู้นี้เข้าไปในบ่อน้ำพุร้อนโดยพลการก่อนจะพุ่งชนพระนาง เป็นข้าที่ประมาทเลินเล่อแล้ว เดิมสตรีที่ข้าจัดแจงเอาไว้มีคนของผู้อื่นอยู่ด้วย ผลสุดท้ายเขาเห็นพระนางมั่วสี่เข้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะลงมือโดยตรงทันที"
อ้างอิงจากวิธีพูดของเซียวเฉวียนแล้ว เซียวเฉวียนต้องการที่จะใส่ร้ายท่านผู้เฒ่าแล้วจริง ๆ ผลสุดท้ายแผนการดำเนินมาถึงครึ่งทางกลับถูกมั่วสี่ที่จู่ ๆ ก็พุ่งเข้ามาทำให้ผิดแผนไปหมด
หากจะกล่าวว่าเป็นการใส่ร้าย มันก็คือการใส่ร้ายเหมือนกันนั่นแหละนะ
หากจะกล่าวว่ามิได้เป็นการใส่ร้าย นี่มันจะมิได้เป็นการใส่ร้ายป้ายสีได้อย่างไร
ว่าไปว่ามาแล้ว เซียวเฉวียนไร้ความผิด ผู้ที่มีความผิดกลับเป็นท่านผู้เฒ่า
ท่านผู้เฒ่าอยากที่จะร้องไห้ออกมาเสียงดัง ๆ จริง ๆ เซียวเฉวียนมิใช่คนแล้วจริง ๆ ด้วย!
เขาเหมือนกันกับเว่ยเชียนชิวในตอนก่อนหน้านี้ มิได้เอาเจ้าหมอนี่ไปไว้ในสายตา ผลสุดท้ายนี่เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกเท่านั้น แต่กลับขุดหลุมให้เขาเสียแล้ว!
"ฝ่าบาท นี่คือหลักฐานของคดีวันไหว้พระจันทร์พ่ะย่ะค่ะ"
เซียวเฉวียนที่ตระเตรียมการเอาไว้มาตั้งนานแล้ว ส่งมอบหลักฐานหนาปึกกองหนึ่งไปให้
ทางด้านบนคือคำให้การและพยานบุคคลที่ในสองสามวันมานี้เซียวเฉวียนสั่งการให้คนไปสืบหามา
"เจ้าจะทำสิ่งใดกันแน่!" ท่านผู้เฒ่ากระวนกระวายแล้ว ก่อนจะพุ่งไปคำรามใส่เซียวเฉวียน เรื่องราวล้วนผ่านไปตั้งหลายปีเช่นนี้แล้ว เหตุใดเซียวเฉวียนจึงต้องทำเช่นนี้!
เขาได้ยินมาว่าแปดคนนี้ล้วนเสียชีวิตในสงครามของรัฐไป๋ลู่ ในเมื่อตายก็ตายไปแล้ว เหตุใดจึงจะต้องพลิกกลับเอาออกมาอีก!
บุคคลที่กระทำผิดก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่กลับวางมากมีเหตุผลและไร้ความกลัว กล่าวคำมิละอายได้เช่นนี้เลยหรือ!
"ข้าต้องการคำขอโทษของท่าน!"
ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงสามารถทราบได้ว่าจะต้องตามหาใครเพื่อเอาหลักฐานและจะต้องตามหาใครเพื่อจะเอาคำให้การด้วยเช่นเดียวกัน
ฮ่องเต้พลิกหลักฐานที่เซียวเฉวียนถวายให้แต่ละหน้า ๆ ไปมา ท่านผู้เฒ่ายังคงไม่ถอดใจ ส่ายศีรษะ "ฝ่าบาท! เรื่องนี้ข้ามิได้เป็นคนทำ ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเรื่องนี้มันผ่านไปนานมากขนาดนั้นแล้ว คำให้การกับพยานเหล่านี้ถือเป็นหลักฐานมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!"
พระหัตถ์ของฮ่องเต้หยุดชะงักนิ่งไปทันที
เขาหยิบคำให้การแผ่นหนึ่งออกมา "คำพูดของบุตรีเจ้าไม่ถือว่าเป็นหลักฐานด้วยอย่างนั้นหรือ?"
นัยน์ตาของท่านผู้เฒ่าเบิกกว้างทันที เขาสบตามองเซียวเฉวียนด้วยความหวาดหวั่นอย่างไร้เทียบเทียม เพราะเหตุใดกันนะ?
ในคราแรกบุตรีของเขาก็คือโฮ่วเฟยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขากับบุตรสาวสมคบคิดกันทำเรื่องนี้ขึ้นมา ตอนนี้บุตรสาวกลับขายเขาเสียแล้ว?
มิผิด
เซียวเฉวียนตามหาโฮ่วเฟยพระนางนี้พบ ทั้งก็บันทึกปากคำมาแล้วด้วย
นางยังได้ลงตราประทับมือทางด้านบนด้วยเช่นเดียวกัน
แถมเรื่องนี้เป็นมั่วสี่ที่ทำแทนเซียวเฉวียนอีกด้วย
บัดนี้คนในตระกูลของท่านผู้เฒ่าเหลือน้อยนัก เหลือเพียงหลานสาวที่ชื่อว่าจูเอ๋อร์ผู้เดียวเท่านั้น
มั่วสี่นำหลานสาวผู้นี้มาบีบบังคับให้โฮ่วเฟยผู้เฒ่ายอมรับผิด
ฮ่องเต้ส่งพระสุรเสียงขึ้นจมูกเย็นยะเยือกหนึ่งเสียง "ว่านโหลว เจ้าทราบความผิดของตนเองแล้วหรือยัง?"
ที่แท้ท่านผู้เฒ่าก็มีนามว่าว่านโหลว บุตรีของเขาก็คือพระชายาว่านที่ได้รับการเอ็นดูอย่างลึกซึ้งเป็นมากที่สุดในปีนั้น เป็นช่วงเวลาที่แสนจะรุ่งโรจน์
"จะมิยอมรับโทษก็ได้ จะไม่คืนความบริสุทธิ์ให้กับแปดท่านนี้ก็ได้เช่นกัน" เซียวเฉวียนสายตาเย็นชา "วันนี้ท่านปฏิบัติต่อพระนางมั่วสี่เช่นนี้ เช่นนั้นก็ลากเก้าชั่วโคตรของท่านให้ฝังตายไปพร้อม ๆ กันเลยเถิด!"
เซียวเฉวียนใช้อำนาจคุกคามเขาอย่างบาตรใหญ่เช่นนี้ ฮ่องเต้กลับทรงฟังอยู่อย่างนิ่งเฉย สีพระพักตร์เห็นชอบ
เก้า เก้าชั่วโคตร?
บุตรชายและสะใภ้ของว่านโหลวตายไปแล้ว ทว่าหลานสาวของเขาจะตายไม่ได้นะ!
พระชายาว่านยอมรับผิดทำให้เขาหวาดกลัวจับใจแล้ว "ข้ายอมรับ! ข้ายอมรับ!"
คิดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้จะตรัสถามออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า "ยอมรับ? เจ้าผิดที่ตรงไหน?"
[1] พระขนิษฐภคินี หมายถึง น้องสะใภ้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...