เข้าสู่ระบบผ่าน

ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 495

ผนึกจูเสิน!

คนเช่นฉินหลังที่เคยพบเห็นโลกกว้าง รู้ถึงการมีอยู่ของผนึกจูเสิน เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดมันจึงปรากฏออกมากระทันหันเช่นนี้?

ผนึกสีแดงขนาดใหญ่หมุนวนอยู่บนท้องฟ้า คลื่นทะเลโหมซัดสาดและคลื่นซัดสูงตระหง่านเสียดฟ้า

ฉินหลังตะลึง ท่ามกลางพายุกรรโชกแรงและคลื่นที่ซัดสาดเสียดฟ้า เขากลัวจนทำอะไรไม่ถูก

ไม่ไกลจากตรงนั้น มีผู้หนึ่งลอยอยู่เหนือผืนทะเล ทันทีที่ผนึกจูเสินปรากฏขึ้น เขาก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน

ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาได้รวดเร็วเช่นนี้ มีเพียงชิงหลงเท่านั้น

เขามองดูเหตุการณ์ฉากนี้ด้วยความดีใจเล็กน้อย ผนึกจูเสินมีรอยแตกร้าว!

เพียงแต่รอยแตกนี้มีขนาดเล็กมาก เล็กจนแทบไม่สะดุดสายตา และเป็นรอยแตกที่ตำแหน่งด้านข้างนิดหน่อยเท่านั้น

เสียงของผนึกจูเสินที่แตกร้าวราวกับเสียงของกระดิ่งลม เปรียบเสมือนฝนเดือนมีนาคมในฤดูใบไม้ผลิที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ ดุจหยาดน้ำค้างจากเทพเจ้าเหนือสวรรค์ทั้งเก้า ตกลงสู่โลกและร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน

ไพเราะน่าฟังและชวนให้หลงใหลอย่างที่สุด

มีเพียงรอยแตกร้าวเล็ก ๆ และเสียงที่เบาเพียงเท่านั้น ชิงหลงกลับมองเห็นและได้ยิน!

เขาดีใจแทบบ้า!

หนึ่งพันปีที่ผ่านมา ผนึกจูเสินแข็งแกร่งประดุจหินผา แน่นหนาทนทานไม่อาจทำลายได้ บรรพบุรุษของชิงหลงพยายามทำทุกวิธีทาง ถึงขั้นเซ่นไหว้ตัวเอง แต่ก็ไม่อาจทำให้ผนึกจูเสินสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย

วันนี้!

มันแตกแล้ว!

แม้จะเป็นเพียงรอยแตกที่น้อยนิด แต่มันคือจุดเริ่มต้น!

เพียงผนึกจูเสินแตก ชาวคุนหลุนก็จะหลุดออกจากการคุมขังของผนึกจูเสิน!

ไม่ว่าชาวเทือกเขาคุนหลุนหรือทาสคุนหลุน ก็จะไม่ต้องทนรับพลังใด ๆ หรือการผูกมัดของผู้คนอีกต่อไป พวกเขายังสามารถยกทัพจับศึกทั่วใต้หล้า!

ชิงหลงตื่นเต้นเสียจนน้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตา!

เซียวเฉวียนจักต้องทำบางสิ่งเป็นแน่!

ต้องเป็นเขาแน่นอนที่สามารถทำให้ผนึกจูเสินเกิดการเปลี่ยนแปลง!

“นี่! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย! ข้าอยู่ตรงนี้!”

ฉินหลังเห็นใครบางคนอยู่ไม่ไกลนัก เขาโบกมืออย่างสุดชีวิตและตะโกนว่า “เห็นข้าหรือไม่! ข้าอยู่ตรงนี้! ช่วยข้าด้วย! ข้ามีเงิน! มีตำแหน่ง! ข้าให้ทุกอย่างเจ้าได้นะ!”

“เห็นหรือไม่? นี่! นี่!”

“นี่? อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป! กลับมา! กลับมา!”

ชิงหลงได้ยินเสียงของฉินหลัง พลางหายตัววับไปในทันทีและไม่ได้สนใจเขาเลย

ทว่าไม่เจอกันเพียงสองวัน ฉินหลังดูอิดโรยลงไปมาก

เซียวเฉวียนเนรเทศเขา ก็เพื่อให้เขาลำบากเหมือนที่เสิ่นฉีเคยลำบากมาก่อน

เซียวเฉวียนอยากให้เขาลิ้มรสการหลับนอนที่ยากลำบากเช่นเดียวกับเสิ่นฉี อยากให้เขาวิตกกังวลเช่นเดียวกับเสิ่นฉี ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกสัตว์ร้ายกินเข้าไปเมื่อใด

การใช้วิธีของฝ่ายตรงข้ามมาตอบโต้ คือสิ่งที่ทำให้คนเสียใจและหวาดกลัวที่สุด

ภายใต้ความมืดในยามราตรี ฉินหลังกอดไหล่ของเขาแน่น และในหูของเขาได้ยินเพียงเสียงสัตว์ป่าที่ร้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชายวัยกลางคนที่มีวิชาความรู้ลุ่มลึกบุคลิกลักษณะสง่าสง่า ไม่สามารถฝืนทนได้อีกต่อไป เขาจึงร้องไห้ออกมาเสียงดังแง ๆ

ณ เมืองหลวง

พระราชวังมีแสงไฟสว่างจ้า

เซียวเฉวียนป่วยอย่างกระทันหัน ฮ่องเต้จึงสั่งให้หมอหลวง ข้าหลวงหญิง และขันทีคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง

แม้แต่หลี่มู่ที่อยู่กองราชองครักษ์ก็ถูกเรียกเข้ามา

หลี่มู่เข้ามาอย่างเร่งรีบ นับตั้งแต่เซียวเฉวียนกลับมาจากเกาะจูเสิน พวกเขายังไม่ได้พบกันเลย เพราะว่าเซียวเฉวียนมัวยุ่งอยู่ตลอด

คาดไม่ถึงว่าการมาเจอกันในครั้งนี้ เซียวเฉวียนกลับป่วยหนักเสียได้

กลางระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียนมีรอยเลือด สีหน้าซีดขาว ทว่าเขากลับไม่ได้สลบและหมดสติไป เพียงแค่นั่งเหงื่อตกอยู่บนเก้าอี้เท่านั้น

หมอหลวงทั้งหมดในพระราชวังต่างพากันเข้าแถว เพื่อตรวจชีพจรให้แก่เซียวเฉวียน แต่สุดท้ายหมอหลวงแต่ละคนก็ไม่สามารถล่วงรู้อาการป่วยได้

นั่นคือฝ่ามือที่อบอุ่นขององค์หญิงสินะ

มีเพียงมือขององค์หญิงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นได้เช่นนี้

แม้เซียวเฉวียนจะมองหน้านางได้ไม่ชัดและไม่อาจได้ยินเสียงเรียกของนาง แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ มือเล็ก ๆ ที่ประสานนิ้วทั้งสิบของเขาไว้แน่น เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความวิตกกังวล

“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” ฮ่องเต้โกรธโมโหใหญ่โต “พวกเจ้าเป็นหมอกันมานานหลายปี สำนักแพทย์หลวงได้รับเงินเดือนที่สูงเช่นนี้ แต่กลับไร้ผู้มีปัญญา!”

“ฝ่าบาทโปรดอภัย! ฝ่าบาทโปรดอภัยให้ด้วย!”

เหล่าหมอหลวงใจฝ่อเป็นอย่างยิ่ง พลางหมอบลงที่พื้น “หม่อมฉันทั้งหลายไร้ความปรีชาสามารถ! ฝ่าบาทได้โปรดอภัยให้ด้วย!”

ฮ่องเต้หัวเสียอย่างมาก อภัยให้แล้วอย่างไรเล่า! สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือช่วยเซียวเฉวียนให้ได้!

เซียวเฉวียนก็เข้มแข็งมากเช่นกัน ถึงตอนนี้ เขายังกำพู่กันจินหลุนเฉียนคุนไว้ในมือแน่น พยายามที่จะเขียนชื่อคนสุดท้ายในแปดคนนั้น

เขาพึมพำอย่างไม่ชัดเจน “เหลืออีกหนึ่ง... ชื่อสุดท้าย...”

ลูกศิษย์ของปีศาจกวี ช่างดื้อรั้นไม่ต่างจากปีศาจกวีเลยเสียจริง!

“ฝ่าบาท หม่อมฉันจำได้ว่าตระกูลฉินมีแพทย์ทหารผู้หนึ่ง ที่มีฝีมือในการรักษา ควรจะเชิญเขามาดีหรือไม่พะยะค่ะ” ขันทีหม่าที่จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องนี้ได้จึงรีบทูลเตือนต่อฝ่าบาท “คนผู้นี้อยู่ในการทหารมานานหลายปี และรักษาทหารไปจำนวนไม่น้อย น่าจะเคยเห็นอาการที่ใต้เท้าเซียวเป็นอยู่”

“นำตราคำสั่งของข้าไป และรีบเชิญมาให้ไวที่สุด!”

“พะยะค่ะ! หม่อมฉันจะรุดหน้าไปยังจวนฉินก่อน!” ทันทีที่ฮ่องเต้สะบัดชายแขนเสื้อ ขันทีหม่าก็รับตราคำสั่งและออกเดินทางในทันใด

จวนฉิน?

เซียวเฉวียนไม่ได้ยินคำอื่น เขากลับได้ยินคำว่าจวนฉินสองคำนี้ที่เขารังเกียจที่สุด

ไม่ เขาและจวนฉินได้ตัดขาดออกจากกันแล้ว เขาไม่ต้องการให้จวนฉินช่วย!

“การดาษ…”

เซียวเฉวียนพูดพึมพัมไม่ชัดเจน เขาต้องการจะเขียนชื่อสุดท้าย : ข่งเฉิงเย่

“เซียวเฉวียน! เหตุใดเจ้าจึงดึงดันทำตามใจตนเองเช่นนี้!” ฮ่องเต้โกรธมาก เขายังคงต้องการเซียวเฉวียนอยู่ หากเซียวเฉวียนตายไปโดยไม่รู้สาเหตุ เขาที่เป็นผู้สนับสนุนมาตลอดก็คงไม่อาจยอมทำใจได้!

ขณะนั้นเอง มือที่อ่อนปวกเปียกคู่หนึ่งก็ยื่นกระดาษให้เขา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจ พร้อมเสียงสะอื้น “ท่านสามี เขียนสิ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย