อะไรกัน?
แม่ฉินลุกขึ้นพรวด!
เย่าเหล่าที่ฟังเพียงคำสั่งของนางมาแต่ไหนแต่ไร ยังมีผู้ใดที่เรียกใช้เขาได้อีก?
ภูมิหลังของเซียวเฉวียนแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่ เป็นไปไม่ได้ ผู้ใดจะมาผูกมิตรกับครอบครัวที่ยากจนเช่นนี้?
ทว่านี่ก็เป็นเรื่องน่าแปลก เพราะว่าเย่าเหล่าไม่ใช่ชาวต้าเว่ย แม้แต่ฝ่าบาท เย่าเหล่าก็ไม่ได้ให้ความสนใจ การชีวิตอยู่ในต้าเว่ยทุกวันนี้ ก็เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณของนางในครานั้น
แม่ฉินไม่มีทางรู้แน่นอน ในขณะที่นางลำพองตัวเองเพื่อทำให้ขันทีหม่าอึดอัดใจนั้น บุคคลผู้หนึ่งได้เข้าไปยังค่ายทหารของตระกูลฉิน ยืนอยู่บนหอยามสูงและตะโกนขึ้น “ชิงหลงอยู่ที่นี่! เย่าเหล่ามาพบข้าด้วย!”
แท้จริงแล้ว เย่าเหล่าเป็นชาวเทือกเขาคุนหลุน หลายปีก่อนเขาไปเก็บตัวยาที่ริมบึง และไม่คาดฝันว่าตัวเองจะตกลงไปในหนองน้ำและเกือบจะจมน้ำตาย
ในตอนนั้นกองทัพตระกูลฉินไปต่อต้านชนเผ่าเรร่อน พวกเขาจึงได้ยกทัพไปยังบึงแห่งนั้น ซึ่งเป็นที่ที่แม่ฉินช่วยเขาจากการจมน้ำจนเกือบตาย
เย่าเหล่าเป็นผู้ที่รู้จักทดแทนคุณคน ดังนั้นเขาจึงเดินทัพไปพร้อมกับกองทัพตระกูลฉิน โดยไม่คำนึงถึงภูเขาและแม่น้ำที่ทอดยาว และท้ายที่สุดก็มาถึงต้าเว่ย
ชิงหลงมีชื่อเสียงเลื่องลือในเทือกเขาคุนหลุน เพราะว่าเขาคือผู้สืบทอดเทือกเขาคุนหลุนในอนาคต และมีตำแหน่งที่สูงส่งอย่างมาก เทียบเท่ากับเจ้าชายแห่งเทือกเขาคุนหลุน
แม้เทือกเขาคุนหลุนไม่เคยสถาปนาประเทศ แต่ก็สามารถสืบทอดและพัฒนามานับพันปีได้ แล้วยังมีระบบที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน
ดังนั้นฐานะและตำแหน่งของชิงหลง ชาวเทือกเขาคุนหลุนต่างก็ยอมรับเป็นอย่างมาก
ชิงหลงรู้อยู่แล้วว่าเย่าเหล่าอยู่ที่นี่ จึงได้เรียกตัวเย่าเหล่าและขอร้องให้เขาไปรักษาเซียวเฉวียน
เป็นการขอร้อง มิใช่การเชิญแต่อย่างใด
อาการป่วยครั้งนี้ของเซียวเฉวียน ไม่เกี่ยวข้องกับผนึกจูเสิน
มีเพียงหมอจากเทือกเขาคุนหลุนเท่านั้นที่จะรู้สาเหตุได้
เจ้าชายเรียกหา เย่าเหล่าจะกล้าขัดได้อย่างไร ทันทีที่สิ้นเสียงของชิงหลง เย่าเหล่าก็ถือหีบยาน้อยของเขามาในทันที เขาเดินตามก้นชิงหลงเข้าวังด้วยความรีบร้อน
ส่วนแม่ฉิน ไม่ใช่ว่าเย่าเหล่าไม่ฟังคำสั่งของเขา แม่ฉินถือเป็นผู้มีบุญคุณต่อเขา ทว่าเจ้าชายแห่งเทือกเขาคุนหลุนมาด้วยตัวเอง เย่าเหล่าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้
ชิงหลงก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นปรปักษ์กับแม่ฉิน แค่แม่ฉินตัวเล็ก ๆ ชิงหลงแทบไม่เอามาใส่ใจ
เขาแทบไม่รู้ว่าแม่ฉินเห็นเย่าเหล่าเป็นสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ และยังกล้าให้เย่าเหล่าจับจุดอ่อน บีบบังคับให้ยอมเซียวเฉวียน
ทันทีที่เย่าเหล่าเข้าวัง แม่ฉินก็โกรธมากเสียจนโวยวายในบ้านไปยกใหญ่ ทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจกลัว
แต่จะมีประโยชน์อันใด? เย่าเหล่าเข้าไปในวังแล้ว และแม่ฉินก็ไร้เบี้ยในมือเสียแล้วด้วย
“มีอย่างที่ไหนกัน!”
“พวกหักหลัง! มีแต่พวกคนทรยศหักหลัง!”
แม่ฉินเขวี้ยงแก้วชาราคาแพงแตกไปหลายใบด้วยความโกรธ ฉินซูโหรวและน้องชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะพูด เกรงว่าแม่ฉินจะโกรธมากกว่าเดิม
แม้นตัวจะอยู่ในค่ายของโจโฉ แต่ใจยังฝักใฝ่อยู่ที่ดินแดนฮั่น ในใจฉินซูโหรวกลับแอบเป็นกังวล เซียวเฉวียนอาการสาหัสเช่นนั้นจริงหรือ? แต่เหตุใดตัวนางจึงไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลย?
นางถึงกับแอบดีใจอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เย่าเหล่าไปก็ดีแล้ว เช่นนั้นเซียวเฉวียนจะต้องไม่เป็นอะไร
นางไม่ได้เป็นห่วงเซียวเฉวียน แต่นางเป็นห่วงตัวเอง นางและเซียวเฉวียนมีพันธะโลหิต หากเซียวเฉวียนตาย นางก็ต้องตายไปด้วยมิใช่หรืออย่างไร?
นางไม่รู้ว่ากวีสมุทรถูกทำลาย พันธะโลหิตมีผลกระทบต่อนางเล็กน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย
ฉินซูโหรวที่หยิ่งยโสโอหังมาโดยตลอด ตอนนี้นางยังไม่รู้ตัวว่า นางกำลังหาเหตุผลและข้ออ้างเพื่อเป็นห่วงความปลอดภัยของเซียวเฉวียน นางคิดว่านางเป็นห่วงตัวเองก็เท่านั้น
“ท่านพี่ พี่เขยจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ฉินหนานถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“เย่าเหล่าอยู่ด้วย เจ้าสบายใจได้”
สองพี่น้องแอบดีใจ แต่แม่ฉินกลับไม่ยอมจำนน ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีในการให้ฉินเฟิงกลับมา!
ไม่ได้ เซียวเฉวียนจะต้องไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการ
“มาสิ ข้าจะเข้าวัง!”
การตัดสินใจของแม่ฉิน ทำให้ฉินหนานที่ดีใจเมื่อครู่ต้องเป็นกังวล
ทว่าเขายังไม่ทันได้ขวางไว้ แม่ฉินก็ออกไปไกลเสียแล้ว
“เร็ว! รีบไปรายงานท่านพ่อข้า! ให้เขาเข้าไปในวัง!”
วันนี้เซียวเฉวียนเกิดป่วยกระทันหันอยู่ในวัง และดาบร้อยเล่มก็มีท่าทีแปลกไป หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเซียวเฉวียนด้วย?
“ข้าจะเข้าไปในวังเสียหน่อย ดูแลศาลาคุนหวู่ด้วย”
“ขอรับ คุณชาย”
อี้กุยก้าวเท้าออกนอกประตู ผู้จัดการร้านที่ยังคงหวาดกลัวจึงรีบปิดประตูร้านให้ดี สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เขาอยากกลับบ้าน
ผู้จัดการร้านรีบล็อกประตูอย่างเร็วไว พร้อมรีบเผ่นแนบในทันที ราวกับว่าด้านในมิใช่ดาบเป็นเล่ม ๆ แต่เป็นอาวุธร้ายที่น่าสะพรึงกลัว
ทันทีที่ปิดประตูลง ด้านในศาลาคุนหวู่ก็เหลือเพียงดาบร้อยเล่มที่ร้องคำรามพร้อมกัน
ในเวลานี้ ดาบก็ฉายแสงสีขาววูบวาบออกมา เสียงกังวานและแหลมคม
ในตอนแรกแสงสีขาวมีเพียงจุดเล็ก ๆ จากนั้นก็กระจายไปทั่วทั้งเล่ม และสุดท้ายมันก็เหมือนกับทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับ ส่องสว่างทั่วทั้งศาลาคุนหวู่เหมือนแสงตอนกลางวัน ราวกับว่าพระเจ้ากำลังเสด็จมา
น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดได้เห็นเหตุการณ์นี้
แสงที่ส่องออกมาจากดาบร้อยเล่ม กระพริบชั่วครู่แล้วก็หายไป
และสิ่งที่หายไปพร้อมกันคือ เสียงร้องที่อื้ออึง
ศาลาคุนหวู่กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
ไม่เพียงแต่อาวุธของศาลาคุนหวู่ที่ผิดปกติ อาวุธทั้งหมดทั่วเมืองหลวงที่ทำจากแร่เทือกเขาคุนหลุน ล้วนผิดปกติเช่นเดียวกัน
พวกมันฉายแสงสีขาวออกมาและส่งเสียงอื้ออึง ทำให้ปัญญาชนบุคคลที่มีพรสวรรค์ทางด้านการประพันธ์หวาดกลัวราวกับสุนัขที่ขี้ขลาด และโยนพวกมันทั้งหมดออกไปให้ไกล
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ดาบของเจ้าก็เป็นเช่นนี้หรือไม่?”
“ใช่สิ ๆ ของข้าก็เป็น”
ท่ามกลางเมืองหลวง เหล่าปัญญาชนบุคคลที่มีพรสวรรค์ทางด้านการประพันธ์ต่างมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย และต่างพากันพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งแปลก ๆ ของอาวุธเรืองแสงนี้
การสอบคัดเลือกขุนนางใกล้เข้ามารอมร่อ แต่กลับมีเรื่องผิดปกติเช่นนี้ คงไม่ใช่ลางร้ายหรอกนะ?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...