สรุปเนื้อหา บทที่ 500 เทพแห่งความตายลงมาสู่โลก – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บท บทที่ 500 เทพแห่งความตายลงมาสู่โลก ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ต้าเว่ยต้องการเขา”
“ข้า ก็ต้องการเขา”
ฮ่องเต้เห็นว่าพวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าสงสัย จึงตรัสออกมาตรง ๆ
“ฝ่าบาท! ผู้ที่มีความสามารถและความปราดเปรื่องในต้าเว่ยมีอยู่ทุกหนแห่ง เหตุใดพระองค์จึงให้ความสำคัญกับผู้ที่มีนิสัยใจร้อน และเหี้ยมโหดอย่างเซียวเฉวียนด้วยพะยะค่ะ?”
ขุนนางที่ปรึกษาพูดคำพวกนี้ ด้วยที่สีหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว หน้าด้านเหลือทน!
รัฐไป๋ลู่มีการก่อกบฏ และเซียวเฉวียนและผู้ปราบปราม
ผู้ที่มีความสามารถและความปราดเปรื่องสำหรับพวกเขา ทำได้เพียงหดหัวอยู่ในเมืองหลวง และกลัวจนตัวสั่น
พวกคนเนรคุณคน!
ตอนที่ใช้ประโยชน์จากเซียวเฉวียน ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
ตอนนี้กบฏในรัฐไป๋ลู่ถูกปราบหมดสิ้นแล้ว พวกเขาได้รับผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่ง โยนเซียวเฉวียนทิ้งขว้าง!
ถึงขั้นที่อยากให้เขาตาย!
คนไร้ยางอาย เซียวเฉวียนเคยพบเจอมาแล้ว แต่คนไร้อย่างอายที่อยู่รวมกันมากมายเช่นนี้ เซียวเฉวียนเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก
ระบบขุนนางที่ปรึกษาในสมัยโบราณ เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบคุยโม้ แต่ทำไม่ได้จริง
ทว่า ไม่เป็นไร เซียวเฉวียนเป็นจุดจบของสายนินทา รอให้เขาหายดีก่อน เขาจะมาจัดการพวกเกรียนเสียให้ได้!
พอดีกับที่อัครเสนาบดีจูและจ้าวจินไหลตายไปพร้อมกัน เหล่าขุนนางทั้งหลายเสมือนมังกรไร้หัว เป็นเวลาที่ดีสำหรับการลงมือ!
“ชู่ว…” ขณะนั้นเอง เซียวเฉวียนหอบหายใจเฮือกใหญ่ เย่าเหล่ากำลังเช็ดรอยเลือดที่หัวคิ้วของเขา แม้ว่าจะเช็ดเบา ๆ แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก “ใต้เท้าเซียว อย่าเพิ่งให้ผู้อื่นมีผลต่อความคิดของท่าน ท่านใจเย็นลงก่อนนะขอรับ”
“ได้” เซียวเฉวียนหลับตาลง
ณ ด้านนอกพระราชวัง
“ฝ่าบาท เซียวเฉวียนพูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง ปลิ้นปล้อนมากแผนการ พระองค์อย่าให้เขามาปลุกปั่นเอาได้นะพะยะค่ะ!”
“ถูกต้อง! เขาเพิ่งเข้ามาในราชสำนักเพียงปีเดียว การเวลาพิสูจน์ใจคน ฝ่าบาทอย่าหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ทรงอย่าลดเกียรติของโอรสสวรรค์ เพื่อขุนนางระดับสี่เพียงผู้เดียวนะพะยะค่ะ!”
ฮ่องเต้ไม่สะทกสะท้าน องค์หญิงต้าถงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธและเป็นกังวล นางฟังเหล่าขุนนางที่ปรึกษาพูดเสียดสี พลางพยายามเงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านในพระราชวัง
แต่ด้านในพระราชวังกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงงึมงำของเซียวเฉวียน แต่ตอนนี้กลับไม่ได้ยินสิ่งใดเลย
เหล่าขุนนางที่ปรึกษาอยากบุกเข้าไป ทว่าฮ่องเต้ขวางไว้ที่หน้าประตู พวกเขาจึงไม่กล้าขยับแม้เพียงครึ่งก้าว ปากเก่งแต่กลับไม่กล้าพอที่จะปะทะกับฮ่องเต้
โอรสสวรรค์คือโอรสสวรรค์ หากพวกเขาฝ่าฝืนจะเข้าไป เกรงว่าเพียงกระทบโดนร่างกายของฮ่องเต้แม้เพียงปลายนิ้ว ตระกูลของพวกเขาอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
ไกลจากตรงนั้น มีผู้หนึ่งที่คอยมองดูการยุแยงตะแคงรั่วเหล่าขุนนางที่ปรึกษา พลางพูดออกมาเสียงเย็น “เสด็จแม่ ทรงทอดพระเนตรดูสิเพคะ เซียวเฉวียนเป็นขุนนางกบฏที่ปลุกปั่นองค์ฮ่องเต้”
“เมื่อก่อนฝ่าบาทเป็นผู้ที่สุภาพเรียบร้อยมารยาทงดงาม และพระองค์ทรงดำเนินชีวิตร่วมกับเหล่าขุนนางทั้งหลายได้อย่างเป็นสุข ตอนนี้ฝ่าบาททำเพื่อเซียวเฉวียนเพียงผู้เดียว และดึงดันจะทำตามใจตนโดยไม่ฟังคำเตือนของผู้ใด แหกกฎเกณฑ์ ไม่ฟังแม้แต่ขุนนางที่ปรึกษา”
ไทเฮากระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ ไปกัน
“ไทเฮาเสด็จ!”
ขันทีรายงานขึ้นเสียงดัง ฮ่องเต้ตะลึง เหล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างดีใจ
ฮ่องเต้เป็นพระโอรสที่กตัญญู เขาเคารพความเห็นของไทเฮามาโดยตลอด
เหล่าขุนนางที่ปรึกษาดีใจแทบบ้า เหอะ ดูสิว่าเซียวเฉวียนยังจะกำเริบเสิบสานหรือไม่!
ข้างกายไทเฮา แม่ฉินที่พยุงไทเฮาอยู่ ทำสีหน้าราวกับแผนการชั่วร้ายสำเร็จลงแล้ว ทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยอย่างมาก เขาแอบกำหมัดไว้แน่น และพยายามดับไฟโมโห “เสด็จแม่ ท่านมาได้อย่างไร?”
“เปิดประตูวัง”
ไทเฮามองตาขวาง น่าเกรงขามอย่างที่สุด
“เสด็จแม่ จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็ล้มป่วยหนัก หมอกำลังรักษาให้อยู่ หากเข้าไปตอนนี้ เกรงว่าโรคภัยไข้เจ็บจะมากระทบเสด็จแม่ได้”
ฮ่องเต้พูดเสียงเบา ๆ นุ่ม ๆ ไทเฮากลับพูดเสียงเย็นชา “ข้าไม่กลัว เปิดประตูวัง!”
“เสด็จแม่” เมื่อครู่ฮ่องเต้ที่เพิ่งถูกขุนนางที่ปรึกษาบีบบังคับ พระองค์ตาแดงก่ำ “ข้าต้องการเขาจริง ๆ”
“แม้ว่าจะมีเรื่องใหญ่เพียงใด แต่ก็ไม่ควรข้ามกฎเกณฑ์!” ไทเฮาขมวดคิ้ว “อีกอย่าง เซียวเฉวียนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้นเชียวหรือ? ปราบกบฏรัฐไป๋ลู่ แล้วทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้านงั้นหรือ?”
“ข้าไม่เห็นด้วย! ฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่ิเขาเช่นนั้น เขาไม่คู่ควร”
เหล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างพยักหน้า พร้อมกล่าวว่า “จริงพะยะค่ะ ต้าเว่ยเป็นประเทศใหญ่ เซียวเฉวียนไม่ได้หยั่งรู้ไปเสียทุกอย่าง มีสิ่งใดที่จำเป็นต้องให้เขาทำงั้นหรือ?”
“จริงด้วย ต่อให้มีเรื่องเกิดขึ้นจริง ๆ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องเขา หรือนอกจากเขาแล้ว ไม่มีผู้ใดที่สามารถจัดการได้งั้นหรือ?”
ขุนนางที่ปรึกษาพูดสนับสนุน ไทเฮาเสริมทับ ฮ่องเต้ยังคงไม่สะทกสะท้าน เขายืนอย่างมั่นคงที่ประตู “อย่างไรก็ตาม เสด็จแม่ ประตูวังนี้ไม่สามารถเปิดได้!”
ไทเฮาขมวดคิ้วแน่น ฮ่องเต้เสียสติไปแล้วจริง ๆ “ใครก็ได้! นำตัวฝ่าบาทไปพักผ่อนที่ห้องหนังสือก่อน!”
ขณะนั้นเอง องครักษ์กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา ฮ่องเต้ตกตะลึง ไทเฮากล้าลงมือจริง ๆ งั้นหรือ?
“เจ้าถูกเซียวเฉวียนปลุกปั่นเข้าเสียแล้ว” ไทเฮามองดูเขาอย่างเคร่งขรึม “เสด็จแม่ไม่สามารถเห็นเจ้าถลำลึกไปมากกว่านี้ได้ ฮ่องเต้ ข้าล่วงเกินแล้ว”
ชิงหลงตะคอกเสียงดัง “ลองงั้นหรือ? เซียวเฉวียนจะต้องปลอดภัยนะ!”
“เจ้าชาย หากคนเหล่านี้บุกเข้ามาและลากตัวใต้เท้าเซียว ใต้เท้าเซียวจะกระจุยในทันที!”
“ทางออกเดียวในตอนนี้คือการเสี่ยง ใช้พู่กันเฉียนคุนเขียนชื่อปัญญาชนคนสุดท้ายให้เสร็จ ดูว่าจะสามารถต่อต้านผนึกจูเสินได้หรือไม่!”
ขณะนี้ องครักษ์ด้านนอกพระราชวังเริ่มเข้าจู่โจมประตูแล้ว! ชิงหลงขวางเอาไว้ ไม่ให้พวกเขาเข้ามาได้ เขาตะโกนถาม “เช่นนั้นจะโอกาสรอดมีมากเท่าใด?”
“หนึ่งในสิบ!”
เย่าเหล่าไม่กล้าพูดปด หากไม่ลองดูก่อน เซียวเฉวียนก็จะไม่มีแม้แต่ทางรอดเพียงนิดเดียว!
ให้ตายเถอะ... เซียวเฉวียนมองบน ผู้อื่นข้ามมิติมาในราชวงศ์ต่าง ๆ เพื่ออัพเกรดหรือสู้กับสัตว์ประหลาด ล้วนเอาชนะได้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเหตุใดเขาจึงมีโอกาสรอดเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น?
เหตุใดแสงไฟที่สาดส่องบทบาทพระเอกของเขา จึงได้มืดสลัวเช่นนี้?
ถ้าเป็นโลกนิยาย คนเขียนช่างห่วยแตกเสียจริง
ถุย!
เซียวเฉวียนที่แอบรังเกียจโลกใบนี้สั่นสะท้าน “ได้ ข้าจะเขียน”
ต่อให้ต้องตาย เขาก็จะชำระแค้นให้กับคนสุดท้าย! ก่อนที่พวกเขาทั้งแปดจะสิ้นใจ ชื่อเสียงเหลือไว้เพียงความโสมม สิ่งที่เซียวเฉวียนสามารถได้ในตอนนี้ คือการคืนความบริสุทธิ์ที่พวกเขาควรมี
เพียงหนึ่งในสิบแล้วอย่างไรเล่า!
ลองดู!
จวนเซียวในขณะนี้ หัวใจของไป๋ฉี่เจ็บปวดขึ้นมา!
เจ็บปวดจนเขาลงไปนอนที่พื้นในทันที!
เหมิงเอ้าตกใจ “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“นายท่านมีอันตราย ถูกรังแกแล้ว” ไป๋ฉี่เป็นผู้อารักขาคนแรกที่ผูกจิตกับเซียวเฉวียน ไหวพริบการรับรู้ดีเยี่ยม เขาเงยหน้ามองเหมิงเอ้า “นายท่านเรียกตัวข้า!”
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปเถอะ!” เหมิงเอ้ากระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ ทว่าเหตุใดนายท่านไม่เรียกเขาไปด้วย?
“ได้…” ไป๋ฉี่กุมที่หน้าอก พลางกัดฟันกรอด “ข้าไปล่ะ!”
แต่ยังไม่ทันเดินได้สามก้าว จู่ ๆ ไป๋ฉี่ก็ร้องคำรามขึ้นมา ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า “โอ้ย!”
แรงสังหารอันดุเดือดล้อมรอบตัวไป๋ฉี่ เหมิงเอ้าถอยออกไปสองก้าว นี่มันอะไรกัน?
“พวกเจ้า! เหตุใดต้องทิ้งข้าด้วยเล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...