“ต้าเว่ยต้องการเขา”
“ข้า ก็ต้องการเขา”
ฮ่องเต้เห็นว่าพวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าสงสัย จึงตรัสออกมาตรง ๆ
“ฝ่าบาท! ผู้ที่มีความสามารถและความปราดเปรื่องในต้าเว่ยมีอยู่ทุกหนแห่ง เหตุใดพระองค์จึงให้ความสำคัญกับผู้ที่มีนิสัยใจร้อน และเหี้ยมโหดอย่างเซียวเฉวียนด้วยพะยะค่ะ?”
ขุนนางที่ปรึกษาพูดคำพวกนี้ ด้วยที่สีหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว หน้าด้านเหลือทน!
รัฐไป๋ลู่มีการก่อกบฏ และเซียวเฉวียนและผู้ปราบปราม
ผู้ที่มีความสามารถและความปราดเปรื่องสำหรับพวกเขา ทำได้เพียงหดหัวอยู่ในเมืองหลวง และกลัวจนตัวสั่น
พวกคนเนรคุณคน!
ตอนที่ใช้ประโยชน์จากเซียวเฉวียน ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
ตอนนี้กบฏในรัฐไป๋ลู่ถูกปราบหมดสิ้นแล้ว พวกเขาได้รับผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่ง โยนเซียวเฉวียนทิ้งขว้าง!
ถึงขั้นที่อยากให้เขาตาย!
คนไร้ยางอาย เซียวเฉวียนเคยพบเจอมาแล้ว แต่คนไร้อย่างอายที่อยู่รวมกันมากมายเช่นนี้ เซียวเฉวียนเพิ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรก
ระบบขุนนางที่ปรึกษาในสมัยโบราณ เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบคุยโม้ แต่ทำไม่ได้จริง
ทว่า ไม่เป็นไร เซียวเฉวียนเป็นจุดจบของสายนินทา รอให้เขาหายดีก่อน เขาจะมาจัดการพวกเกรียนเสียให้ได้!
พอดีกับที่อัครเสนาบดีจูและจ้าวจินไหลตายไปพร้อมกัน เหล่าขุนนางทั้งหลายเสมือนมังกรไร้หัว เป็นเวลาที่ดีสำหรับการลงมือ!
“ชู่ว…” ขณะนั้นเอง เซียวเฉวียนหอบหายใจเฮือกใหญ่ เย่าเหล่ากำลังเช็ดรอยเลือดที่หัวคิ้วของเขา แม้ว่าจะเช็ดเบา ๆ แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก “ใต้เท้าเซียว อย่าเพิ่งให้ผู้อื่นมีผลต่อความคิดของท่าน ท่านใจเย็นลงก่อนนะขอรับ”
“ได้” เซียวเฉวียนหลับตาลง
ณ ด้านนอกพระราชวัง
“ฝ่าบาท เซียวเฉวียนพูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง ปลิ้นปล้อนมากแผนการ พระองค์อย่าให้เขามาปลุกปั่นเอาได้นะพะยะค่ะ!”
“ถูกต้อง! เขาเพิ่งเข้ามาในราชสำนักเพียงปีเดียว การเวลาพิสูจน์ใจคน ฝ่าบาทอย่าหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ทรงอย่าลดเกียรติของโอรสสวรรค์ เพื่อขุนนางระดับสี่เพียงผู้เดียวนะพะยะค่ะ!”
ฮ่องเต้ไม่สะทกสะท้าน องค์หญิงต้าถงกัดฟันกรอดด้วยความโกรธและเป็นกังวล นางฟังเหล่าขุนนางที่ปรึกษาพูดเสียดสี พลางพยายามเงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านในพระราชวัง
แต่ด้านในพระราชวังกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงงึมงำของเซียวเฉวียน แต่ตอนนี้กลับไม่ได้ยินสิ่งใดเลย
เหล่าขุนนางที่ปรึกษาอยากบุกเข้าไป ทว่าฮ่องเต้ขวางไว้ที่หน้าประตู พวกเขาจึงไม่กล้าขยับแม้เพียงครึ่งก้าว ปากเก่งแต่กลับไม่กล้าพอที่จะปะทะกับฮ่องเต้
โอรสสวรรค์คือโอรสสวรรค์ หากพวกเขาฝ่าฝืนจะเข้าไป เกรงว่าเพียงกระทบโดนร่างกายของฮ่องเต้แม้เพียงปลายนิ้ว ตระกูลของพวกเขาอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
ไกลจากตรงนั้น มีผู้หนึ่งที่คอยมองดูการยุแยงตะแคงรั่วเหล่าขุนนางที่ปรึกษา พลางพูดออกมาเสียงเย็น “เสด็จแม่ ทรงทอดพระเนตรดูสิเพคะ เซียวเฉวียนเป็นขุนนางกบฏที่ปลุกปั่นองค์ฮ่องเต้”
“เมื่อก่อนฝ่าบาทเป็นผู้ที่สุภาพเรียบร้อยมารยาทงดงาม และพระองค์ทรงดำเนินชีวิตร่วมกับเหล่าขุนนางทั้งหลายได้อย่างเป็นสุข ตอนนี้ฝ่าบาททำเพื่อเซียวเฉวียนเพียงผู้เดียว และดึงดันจะทำตามใจตนโดยไม่ฟังคำเตือนของผู้ใด แหกกฎเกณฑ์ ไม่ฟังแม้แต่ขุนนางที่ปรึกษา”
ไทเฮากระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ ไปกัน
“ไทเฮาเสด็จ!”
ขันทีรายงานขึ้นเสียงดัง ฮ่องเต้ตะลึง เหล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างดีใจ
ฮ่องเต้เป็นพระโอรสที่กตัญญู เขาเคารพความเห็นของไทเฮามาโดยตลอด
เหล่าขุนนางที่ปรึกษาดีใจแทบบ้า เหอะ ดูสิว่าเซียวเฉวียนยังจะกำเริบเสิบสานหรือไม่!
ข้างกายไทเฮา แม่ฉินที่พยุงไทเฮาอยู่ ทำสีหน้าราวกับแผนการชั่วร้ายสำเร็จลงแล้ว ทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยอย่างมาก เขาแอบกำหมัดไว้แน่น และพยายามดับไฟโมโห “เสด็จแม่ ท่านมาได้อย่างไร?”
“เปิดประตูวัง”
ไทเฮามองตาขวาง น่าเกรงขามอย่างที่สุด
“เสด็จแม่ จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็ล้มป่วยหนัก หมอกำลังรักษาให้อยู่ หากเข้าไปตอนนี้ เกรงว่าโรคภัยไข้เจ็บจะมากระทบเสด็จแม่ได้”
ฮ่องเต้พูดเสียงเบา ๆ นุ่ม ๆ ไทเฮากลับพูดเสียงเย็นชา “ข้าไม่กลัว เปิดประตูวัง!”
“เสด็จแม่” เมื่อครู่ฮ่องเต้ที่เพิ่งถูกขุนนางที่ปรึกษาบีบบังคับ พระองค์ตาแดงก่ำ “ข้าต้องการเขาจริง ๆ”
“แม้ว่าจะมีเรื่องใหญ่เพียงใด แต่ก็ไม่ควรข้ามกฎเกณฑ์!” ไทเฮาขมวดคิ้ว “อีกอย่าง เซียวเฉวียนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้นเชียวหรือ? ปราบกบฏรัฐไป๋ลู่ แล้วทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้านงั้นหรือ?”
“ข้าไม่เห็นด้วย! ฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่ิเขาเช่นนั้น เขาไม่คู่ควร”
เหล่าขุนนางที่ปรึกษาต่างพยักหน้า พร้อมกล่าวว่า “จริงพะยะค่ะ ต้าเว่ยเป็นประเทศใหญ่ เซียวเฉวียนไม่ได้หยั่งรู้ไปเสียทุกอย่าง มีสิ่งใดที่จำเป็นต้องให้เขาทำงั้นหรือ?”
“จริงด้วย ต่อให้มีเรื่องเกิดขึ้นจริง ๆ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องเขา หรือนอกจากเขาแล้ว ไม่มีผู้ใดที่สามารถจัดการได้งั้นหรือ?”
ขุนนางที่ปรึกษาพูดสนับสนุน ไทเฮาเสริมทับ ฮ่องเต้ยังคงไม่สะทกสะท้าน เขายืนอย่างมั่นคงที่ประตู “อย่างไรก็ตาม เสด็จแม่ ประตูวังนี้ไม่สามารถเปิดได้!”
ไทเฮาขมวดคิ้วแน่น ฮ่องเต้เสียสติไปแล้วจริง ๆ “ใครก็ได้! นำตัวฝ่าบาทไปพักผ่อนที่ห้องหนังสือก่อน!”
ขณะนั้นเอง องครักษ์กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา ฮ่องเต้ตกตะลึง ไทเฮากล้าลงมือจริง ๆ งั้นหรือ?
“เจ้าถูกเซียวเฉวียนปลุกปั่นเข้าเสียแล้ว” ไทเฮามองดูเขาอย่างเคร่งขรึม “เสด็จแม่ไม่สามารถเห็นเจ้าถลำลึกไปมากกว่านี้ได้ ฮ่องเต้ ข้าล่วงเกินแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...