เซียวเฉวียนไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาสลบไป ไทเฮาจะสอบสวนคู่สามีภรรยาฉินเซิงที่พระราชวังฉางหมิง
ส่วนไป๋ฉี่ก็จุดไฟเผานอกตำหนักพระราชวัง
เขาจุดไฟลุกโชนตั้งแต่ขั้นบันไดที่ทอดยาวสุดลงมา ทุ่มสุดแรงเหมือนกับในตอนที่คนเหล่านั้นโยนเซียวเฉวียนเมื่อครู่อย่างไรอย่างนั้นโดยที่ไม่ลังเลสักนิด
ไป๋ฉี่กล่าวว่าบันไดยาวนี้สร้างความอัปยศให้นายท่านข้า จึงจัดการจุดไฟเผาเสียเลย เผาการสบประมาทหยามหน้าให้วอดวาย! มอดไหม้!
การจุดไฟเผาราชวังถือเป็นโทษร้ายแรงเชียว
แต่ไป๋ฉี่ก็ทำไปแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนไหนไป๋ฉี่เทเหล้าลงบันไดยาวนั้น ซึ่งเป็นเหล้าฉงซูที่เซียวเฉวียนบ่มขึ้นมา เหล้าที่มีความเข้มข้นสูงเจอกับไฟราวกับเป็นสิ่งคู่สร้างคู่สมเสียจริง
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บเหล่านั้นแทบจะกลิ้งแทบจะคลานออกห่างจากบันไดยาวอย่างร่ำไห้ร้องเจ็บปวดทรมานลั่นไปทั่ว เพราะเกรงว่าจะถูกเผาจะเป็นแผลไหม้
เวลาไม่นาน บันไดยาว 328 ขั้นที่ทำจากหินหยกก็ถูกทำให้ไหม้จนกลายเป็นสีดำ แลดูน่ากลัว!
ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน ไป๋ฉี่ก็กำลังยืนอยู่จุดที่สูงที่สุด จ้องมองดูเปลวไฟที่เผาไหม้ด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
การกระทำนี้สะเทือนไปถึงไทเฮา
ไป๋ฉี่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย เดิมทีเขาควรจะถ่อมตัวประจบตามฐานะ แต่เพื่อปกป้องเจ้านายกลับจุดไฟเผาพระราชวังที่ล้ำค่าที่สุดอย่างกำเริบเสิบสาน!
นี่กำลังบอกบรรดาคนในราชวงศ์อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า การจุดไฟเผามีโทษ ข้า ไป๋ฉี่ก็จะทำ พวกเจ้าสร้างบาดแผลให้นายท่านข้า ข้าจะเผาบันไดยาว ถ้าพวกเจ้าสังหารนายท่านข้า ข้าก็จะเผาราชวังให้มอดไหม้!
นี่จึงทำให้ไทเฮาใจสั่น
แม้ว่าที่นี่คือพระราชวัง บรรดาราชวงศ์ท่านอ๋องล้วนสูงส่ง แต่เมื่อเจอกับไป๋ฉี่ที่มีกำลังรบดั่งระเบิดแล้วยังไม่เสียดายชีวิตเข้า ฐานันดรศักดิ์ศรีอะไรล้วนแล้วแต่ไร้ค่าทั้งสิ้น!
ขนาดเรียกองครักษ์ประจำราชวงศ์มามากมาย ก่อนที่จะสังหารไป๋ฉี่ได้ ชีวิตของไทเฮาคาดว่าคงจะจบสิ้นเสียก่อน
ไทเฮาไม่กล้าพนัน ตระกูลฉินนับว่าเป็นราชวงศ์ อีกทั้งฉินซูโหรวยังมียศท่านหญิง ราชวงศ์ในตอนนี้ทำเรื่องงามหน้าไป หากสังหารไป๋ฉี่อีก คิดจะล้างข้อกล่าวหาที่กระทำการสังหารขุนนางตงฉินผู้ทำคุณงามความดีแก่ชาติบ้านเมืองก็คงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
หากเนื่องจากสาเหตุนี้แล้วทำให้ขวัญกำลังใจทหารหย่อนยานแตกซ่านคงจะเป็นความเสียหายอันมหาศาลของราชวงศ์
ครั้นแล้วไป๋ฉี่ทำเพื่อระบายความแค้นจึงเผาบันไดยาว ไทเฮาเลยไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เนื่องจากฉินเซิงรับสารภาพออกมาจริงๆว่าฉินซูโหรวและฉินเฟิงสังหารบุคคลที่ทำความดีความชอบจากเกาะจูเสินทั้ง 16 คนนั้นจริง
คนเหล่านั้นล้วนเป็นดั่งพี่น้องของเซียวเฉวียน ทั้งยังเป็นสหายของเซียวเฉวียน
ไทเฮาจึงโมโหขึ้นมาพร้อมตวาดคู่สามีภรรยาว่าสั่งสอนลูกไม่ดี!
หลังจากนั้นไทเฮาก็สั่งให้แม่ฉินขอโทษเซียวเฉวียนเป็นพิเศษ ขอร้องการให้อภัยจากเซียวเฉวียน
ส่วนฉินเฟิง ไทเฮาก็รับสั่งว่าชั่วชีวิตนี้ห้ามกลับเข้ามาในเมืองหลวงอีก และฉินซูโหรวก็ถูกขังในจวนคุมประพฤติราชนิกุลจงเหริน
จวนจงเหรินเป็นคุกที่มีไว้เพื่อคุมขังบรรดาราชนิกุลโดยเฉพาะ
องค์ชายองค์หญิงทำเรื่องผิดใดในอดีตล้วนถูกนำมาคุมขังไว้ที่นี่
ที่นั่นมืดแล้วยังอับชื้น เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุ่งและแมลงทั้งหลาย เตียงนอนหนาวเย็นอาหารการกินก็น้อยแค่นี้คงพอทน แต่ที่นั่นยังเงียบสนิท ไม่มีแม้กระทั่งเสียงคน
เหล่าราชนิกุลที่ถูกขังเข้าไปไม่ตายด้วยความซึมเศร้าก็กลายเป็นบ้า
แม้ว่าในอดีตเหล่าราชนิกุลในราชวงศ์ล้วนแต่เป็นผู้มีเกียรติอย่างยิ่ง จู่ๆตกมาอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ จิตใจที่ยิ่งใหญ่ก็ตกต่ำย่ำแย่ ไม่ใช่ใครจะสามารถรับได้
ดังนั้นที่นั่นจึงเป็นฝันร้ายของเหล่าบรรดาราชนิกุล เมื่อไปจวนคุมประพฤติจงเหรินแล้วไม่มีอะไรเหลือเลยแล้วยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการทรมานนานหลายปี
ดังนั้นมีคนเคยพูดไว้ว่าจวนคุมประพฤติจงเหรินก็คือเกาะจูเสินฉบับเมืองหลวงดีดีนี่เอง
และฉินซูโหรวยังตั้งครรภ์ลูกน้อยอีกด้วย ไปที่แบบนั้นแล้วในช่วงคลอดลูกไม่มีแม้แต่หมอตำแย ฉินซูโหรวคงตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายมากกว่าดีเป็นแน่แท้!
แม่ฉินขาอ่อนแรง อยากจะอ้าปากขอร้องอ้อนวอน แต่ไทเฮาก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ส่งสายตาคมกริบห้ามนางไว้ นางอ้าปากพะงาบ ๆแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
ถึงอย่างไรที่ปรึกษาทั้งสองร้อยท่านก็อยู่ที่นี่
ที่ปรึกษาทั้งสองร้อยท่านนี้ไม่เพียงเล็งเป้าเซียวเฉวียน แม้ว่าเป็นเรื่องที่จวนฉินทำผิด ขอเพียงแค่พวกเขารับทราบล้วนจะไม่ปล่อยไปอย่างง่ายดาย
ที่ปรึกษาที่แม่ฉินเชิญมา กะจะอาศัยอำนาจพวกเขาสังหารเซียวเฉวียนให้สิ้นซาก แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันขจัดเซียวเฉวียน ที่ปรึกษาที่เป็นดั่งก้อนหินยักษ์ชิ้นนี้ดันมาทุบขาตัวเองเข้าแล้ว
ไทเฮาไม่พอใจเป็นอย่างมากกับความไม่รู้เรื่องของลูกสาวบุญธรรมผู้นี้ ยังจะคิดที่จะขอร้อง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวโยงไปถึงตระกูลฉินทั้งตระกูลก็ถือว่าโชคดีแล้ว!
หากมิใช่เพราะตระกูลฉินเป็นกองทัพมีประสิทธิภาพ มีการกำลังรบทางการทหารที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไปทั่ว การกระทำของไป๋ฉี่ในวันนี้สามารถนำพาให้ตระกูลฉินพังพินาศย่อยยับจนไม่อาจฟื้นคืนได้เชียว!
การได้รับหัวใจของทหารนั้นยาก การสูญเสียหัวใจทหารเป็นเรื่องง่าย หากตระกูลฉินยังยืนกรานคุ้มกะลาหัวฉินเฟิงและฉินซูโหรวอีก นั้นก็ต้องนำชีวิตและอนาคตของจวนฉินไปพนันแล้ว!
ฉินเฟิงที่เป็นลูกชายคนโตได้เสียสมรรถภาพแล้ว หรือจะให้ฉินหนานและฉินเป่ยต้องเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน?
หากต้องการช่วยฉินเฟิงและฉินซูโหรว แม้แต่ไทเฮาและฮ่องเต้ก็ไม่อาจเปิดปากพูดเพื่อขวัญทหาร
มีเพียงคนเดียวที่ช่วยได้ คนผู้นั้นก็คือเซียวเฉวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...