เสียงฟ้าร้องคำรามนี้ ไม่เพียงแต่ดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้ ผู้ที่พำนักอยู่ที่วังหลังอย่างมั่วสี่ก็ตกใจจนหวาดกลัว
จู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าร้องอย่างไม่มีมูล ทำให้นางทำจานผลไม้ร่วงหล่นลงพื้น
“ชิ น่าเกลียดจริง เหตุใดฟ้าต้นฤดูใบไม้ร่วงจึงดุดันเช่นนี้?”
มั่วสี่ที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์อย่างยิ่ง นางกลอกตามองบนให้กับเทพเจ้าด้วยท่าทีตุ้งติ้ง หน้าตาและท่าทางเช่นนั้นช่างน่ารักเหลือเกิน ทำให้ข้าหลวงหญิงคนอื่น ๆ ยิ้มด้วยความรักความเอ็นดู “พระนางทรงตกพระทัย บ่าวจะไปตุ๋นซุปสงบจิตใจมาให้นะเพคะ”
“ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น” มั่วสี่ส่ายหัว
“พระนาง!”
ในตอนนั้นเอง ข้าหลวงหญิงผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน และเล่าเรื่องในวันนี้ของเซียวจิงและเซียวเฉวียนให้นางฟัง ทำให้มั่วสี่ที่ได้รับรู้ต้องกำหมัดแน่น
“หากไม่ใช่เพราะเสด็จพี่ของพระนาง รุดไปช่วยคุณหนูสองแห่งตระกูลเซียวคุณหนูสอง เกรงว่าคุณหนูสองคงถูกจ้าวซิ่นปู้ยี่ปู้ยำไปเสียแล้วเพคะ! ไม่สิ ตอนนี้ใต้เท้าเซียวอยู่ที่ถนนจูเชวี่ย ไปหาเรื่ององค์หญิงใหญ่และเหลียงไหวโหรวอยู่เพคะ!”
มีอย่างที่ไหน!
มั่วสี่ลุกพรวด “ท่านพี่เซียวเพิ่งได้รับตำแหน่งขุนนางขั้นเจ็ดเพียงวันเดียว คนพวกนี้ก็ระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่! จิตใจชั่วร้ายไม่จบไม่สิ้นเสียจริง!”
มั่วสี่ไม่เป็นกังวลเรื่องแม่ฉินและเหลียงไหวโหรว เซียวเฉวียนจัดการได้อย่างแน่นอน
คนตระกูลฉินหาเรื่องตระกูลเซียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงเวลาได้รับบทเรียนบ้างเสียแล้ว
ครั้งก่อนฉินซูโหรวผลักองค์หญิงต้าถงตกบ่อน้ำ มั่วสี่รู้เรื่องนี้เพราะไป๋ฉี่เขียนจดหมายบอกนาง เหตุเพราะนางอยู่ในพระราชวังหลวง ไป๋ฉี่บอกอีกว่าฉินซูโหรวได้รับโทษแล้ว นางจึงไม่ได้สืบสาวเอาเรื่องต่อ
ครั้งนี้ จ้าวซิ่น...
มั่วสี่กลอกตาไปมา “ไป นำถั่วเขียวต้มน้ำตาลไปถวายแก่ฝ่าบาท”
“เพคะ”
มั่วสี่บิดเอวราวกับต้นหยางหลิ่ว ใบหน้าที่ไม่มีใครเทียบได้ของนางได้รับการแต่งแต้มอย่างประณีต ทุกกิริยาบทของนางราวกับเทพธิดา ย่างเท้าเพียงเก้าเล็ก ๆ ฝีเท้าราวกับเต้นระบำที่สง่างาม
ใช้คำพูดของนาง นางเพียงแค่ไปพูดหว่านล้อมพระมหากษัตริย์ นางต้องการยืมมือของฮ่องเต้ เพื่อกำจัดผู้ที่ทำไม่ดีต่อเซียวเฉวียน
ในพระราชวังชื่อเสียงของจ้าวซิ่นก็ไม่ดีมากนัก นางสนมในวังหลังล้วนเป็บุตรสาวของตระกูลขุนนาง เหล่าลูกหลานตระกูลขุนนางในเมืองหลวง พวกนางต้องเคยได้ยินอยู่บ้าง
ยังไม่ต้องพูดถึงความอำมหิตของจ้าวซิ่น เขายังมีนิสัยแปลกประหลาด และชอบเลี้ยงสุนัขป่าอีกด้วย
นิสัยแย่ก็มากพอแล้ว มิหนำซ้ำยังมีหน้าตาที่อัปลักษณ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยตะปุ่มตะป่ำ คนเช่นนี้กล้าทำให้เซียวจิงต้องด่างพร้อยงั้นหรือ?
มั่วสี่มีจิตใจที่ขอบคุณเซียวเฉวียน แน่นอนว่า นางมองเซียวจิงเป็นน้องสาวของตัวเองด้วย
น้องสาวของตัวเองถูกอันธพาลถูกเนื้อต้องตัว มั่วสี่จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
“พระนาง วันนี้พระองค์ทรงเป็นที่โปรดปรานนัก หากออกหน้าแทนเซียวเฉวียนและทำให้ฝ่าบาทกริ้ว จะทรงทำอย่างไรเพคะ?”
ข้าหลวงหญิงข้างกายเต็มไปด้วยความกังวล มั่วสี่ตาขวาง “หุบปาก! ตระกูลเซียวเป็นผู้มีบุญคุณต่อครอบครัวของข้า หากเกิดเรื่องกับตระกูลเซียวและข้าไม่ไยดี ข้าจักเป็นคนเช่นใดกัน! ฝ่าบาทจะยังทรงโปรดปรานข้าหรือไม่ ข้าก็ไม่กลัว”
คำพูดของมั่วสี่ เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนทั่วไปต้องตื่นตระหนกตกใจ นางสนมล้วนต้องการให้ฮ่องเต้โปรดปราน มีเพียงนางเท่านั้นที่ไม่ต้องการ
อีกทั้งนางทำเพื่อเซียวเฉวียน นางจึงไม่สนใจไยดีสิ่งใดเลย
นางไม่ได้ติดใจกับคำพูดเหล่านี้ แต่ผู้อื่นกลับตกใจอย่างมาก
“พระนาง กำแพงมีหูประตูมีช่อง เบาเสียงหน่อยเพคะ”
ข้าหลวงหญิงมองซ้ายมองขวาอย่างร้อนใจ มั่วสี่ถอนหายใจอย่างไม่ไยดี “แล้วอย่างไรเล่า ไปกันเถอะ”
ครั้งนี้ หากไม่จัดการกับจ้าวซิ่น นางไม่มีทางยอมได้แน่ ๆ!
ร่างที่งดงามหยดย้อยของมั่วสี่ หายไปในทางเดินยาวและหรูหรา มีคนสองคนยืนอยู่อีกฝั่งของภูเขาจำลอง
แน่นอนว่า พวกเขาต่างได้ยินที่มั่วสี่พูด
เว่ยอวี๋ทำเสียงจิ๊จ๊ะ “เจ้าเหล่าเซียวนี่ มีน้องน้อยคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด มีโชคเรื่องความรักจังเลยนะ”
“น้องน้อย?” อี้กุยกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสงสัย เมื่อก่อนเขาฟังเว่ยอวี๋เข้าใจทุกอย่าง ตอนนี้เขากลับไม่เข้าใจคำพูดของเว่ยอวี๋เลย
หลักจากที่เซียวเฉวียนมอบทรัพย์สินของเขาให้กับอี้กุยและเว่ยอวี๋ คนสองคนนี้ที่ไม่ได้รู้จักกันมากนักในตอนแรกก็สนิทกันมากขึ้น
ใครใช้ให้พวกเขามาเป็นลูกสมุนของเซียวเฉวียนกันเล่า หากไม่สนิทสนมกันไว้จะทำงานได้อย่างไร? ดังนั้น เมื่อเว่ยอวี๋มีเวลาว่าง ก็มักจะเรียกอี้กุยเข้าวังกินดื่มเล่นสนุก สง่าผ่าเผยอย่างมาก
เว่ยอวี๋รับผิดชอบการเรียนการสอนของชิงหยวน หลังจากเขานำบทเรียนที่เซียวเฉวียนได้เขียนไว้ สอนให้กับอาจารย์ในชิงหยวนแล้ว นอกจากคอยตรวจตราการสอนของอาจารย์ในบางครั้งบางคราว ก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ต้องทำแล้ว
ในตอนแรกเว่ยอวี๋ต่อต้านและปฎิเสธอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเซียวเฉวียนสั่งแล้ว เขาไม่กล้าขัดคำสั่ง
ขณะที่เขาทำงานต่อไปเรื่อย ๆ เขาก็ค้นพบว่า โอ้ การเป็นผู้อำนวยการนั้นดีจริง ๆ ผู้คนต่างก็มองว่าเขาที่เป็นเพียงนักเรียนมัธยมต้น เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม ความทระนงของเขาเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังทำให้ได้รับความพึงพอใจ
“แต่จะว่าไป เสียงฟ้านี่ก็แปลกเสียจริง”
เว่ยอวี๋สั่นหัวดิก ๆ พลางผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา “เหล่าเซียวคงไม่ได้ก่อเรื่องอะไรหรอกนะ?”
หัวใจของอี้กุยกระตุกหนึ่งที ไม่เพียงแต่ก่อเรื่องเท่านั้น มองดูสีฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า ราวกับมีคนกำลังใช้ตราประทับเหวินอิ้น นี่ถือว่าเป็นการก่อเรื่องใหญ่เชียวล่ะ!
ในวันนี้ เมืองหลวงมีตราประทับเหวินอิ้นเพียงสองชิ้น ชิ้นแรกคือตราประทับเหวินอิ้นของฮ่องเต้ และอีกชิ้นคือตราประทับไป๋ลู่ ต่างก็อยู่ในมือของฮ่องเต้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...