“ฮ่า ๆ ๆ!”
พู่กันเฉียนคุนงั้นหรือ?
เหลียงไหวโหรวและแม่ฉินหัวเราะร่าขึ้นมาพร้อมกัน โดยเฉพาะเหลียงไหวโหรว ในเสียงหัวเราะแฝงด้วยความโกรธ “พู่กันของเจ้าหักเป็นสองท่อนแล้ว เจ้ายังคิดจะท่องบทกวีเพื่อเรียกใช้มันอีกหรือ?”
หากไม่ใช่เพราะเซียวเฉวียน พู่กันด้ามนี้คงไม่แตกหักเช่นนี้ แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อไปจะใช้ต่อได้อย่างไร! เสียดาย น่าเสียดาย!
“เมื่อครู่เจ้ายังคิดว่า มีพู่กันเฉียนคุนก็สามารถทำร้ายข้าได้มิใช่หรือ?” เหลียงไหวโหรวพูดเสียงเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความทระนงอย่างที่สุด “เช่นนั้นเจ้าก็เอาเลยสิ แม้ว่าเจ้าจะไม่มีพู่กันด้ามนี้แล้ว แต่เจ้ายังมีดาบจิงหุนมิใช่หรือ?”
ตอนนี้เซียวเฉวียนถูกตราประทับมู่อวิ๋นบีบอัดไว้ อย่าว่าแต่ชูดาบเลย แค่ชูมือขึ้นยังยากสำหรับเขา เหลียงไหวโหรวเลิกคิ้วอย่างจงใจ “มา ชูดาบจิงหุนของเจ้าสิ!”
“เจ้า… อย่าได้กำเริบให้มากนัก!”
เซียวเฉวียนโกรธออกมาจากใจ และจ้องหน้าเขาไว้
“เจ้า!” เหลียงไหวโหรวไม่นึกว่าในเวลานี้ เซียวเฉวียนยังคงปากดีได้อีก
เขากำลังยกเท้าขึ้นเพื่อรุดหน้าไปกำจัดเซียวเฉวียน แต่ก็ต้องชักเท้ากลับมาคืน
ไม่ได้ เขาเองก็เป็นปัญญาชน ตราประทับเหวินอิ้นก็สามารถจัดการเขาได้
เหอะ หากไม่เห็นแก่ตราประทับเหวินอิ้น เขาจะต้องเดินเข้าไปในอาณาบริเวณของตราประทับเหวินอิ้น และใช้เท้าเหยียบเซียวเฉวียนอย่างโหดเหี้ยมเป็นแน่ เหยียบให้เขากระดูกหักไม่เหลือซาก ดูสิว่าเขาจะยังปากดีเช่นนี้อีกหรือไม่!
“เหอะ... ทำไมกัน เจ้ากลัวงั้นรึ?” เซียวเฉวียนหัวเราะร่าด้วยความเยาะเย้ย “ตราประทับเหวินอิ้นไม่ทำร้ายเจ้า”
“เจ้ามีเชื้อราชวงศ์ เจ้าคือลูกนอกสมรสของเว่ยเชียนชิว”
ทุกคำทุกประโยคของเซียวเฉวียน ทำให้คิ้วของเหลียงไหวโหรวต้องกระตุก “เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหล! ข้าจะเป็น...”
“ปิ้ว!”
เหลียงไหวโหรวที่กำลังคุยโว ไม่รู้ว่ามีพลังมหาศาลมากจาไหน ถีบเหลียงไหวโหรวกระเด็นไปยังตราประทับเหวินอิ้น!
เขาคิดว่าเซียวเฉวียนเป็นคนทำ ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“เหอะ!”
เหลียงไหวโหรวพุ่งไปยังตราประทับมู่อวิ๋น เขาตกใจอย่างที่สุด!
พุ่งกระเด็นไปเช่นนี้ หากไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วกระมัง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวเร็ว เหลียงไหวโหรวที่แทบยังไม่ทันรู้สึกตัว เขาทำได้เพียงปิดตาสองข้างเพื่อยอมรับชะตากรรม รอเสี้ยววินาทีที่ร่างกายจะแตกสลาย!
“เพี๊ยะ!”
เหลียงไหวโหรวร่วงไปอยู่ข้างเซียวเฉวียน นอกจากเจ็บปวดเล็กน้อย เขาก็ไม่เป็นอะไรเลย
แม่ฉินลุกพรวดขึ้นมา หรือว่าเหลียงไหวโหรวจะเป็น... ของเว่ยเชียนชิว
เหลียงไหวโหรวเป็นคนที่โอหังอย่างที่สุด เขาเกิดในตระกูลที่ยากจน แต่เขาเป็นผู้มีความสามารถ สอบได้อันดับสองรองจากเซียวเฉวียน
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น ความภาคภูมิใจในตนเองและเกียรติยศทั้งหมดที่เขามี ได้พังทลายลงเป็นเศษแก้วหล่นเต็มพื้น!
แตกเป็นผุยผง!
ทำไม ทำไมเขาจึงไม่รู้สึกเจ็บปวด?
เขาอยู่ในอาณาบริเวณของตราประทับมู่อวิ๋น เหตุใดจึงไม่รู้กเลยแม้แต่น้อย?
เขานอนอยู่บนพื้น และแทบลืมที่จะลุกขึ้นยืน เขามองดูมือของเขาและตกตะลึงอย่างที่สุด!
มือของเขากำลังสั่นอยู่!
ใจของเขาก็สั่นไปด้วย!
เหลียงไหวโหรวเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เหตุใดจึงจะไม่รู้ว่านี่มันคือเรื่องอะไร?
เขารู้ดี
เพียงแต่เขาไม่กล้ายอมรับ
ในสมัยโบราณ รวมถึงโลกในอีกมิติอย่างต้าเว่ย การมีสถานะเป็นลูกนอกสมรส มันเป็นความอัปยศสิ้นดี!
ลูกนอกสมรสไม่สามารถใช้นามสกุลของบิดา ไม่สามารถรวมไว้ในลำดับวงศ์ตระกูล ไม่มีสิทธิได้รับมรดกทรัพย์สิน และใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพชไม่ต่างจากทาส
สิ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือพวกเขาไม่สามารถหาภรรยาที่ดีได้ และลูกของพวกเขายังคงถูกดูแคลนต่อไปไม่รู้จบ
เหลียงไหวโหรวถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี เขาเองก็มีความมุมานะพยายาม สอบได้อันดับที่สองจึงได้เปลี่ยนโชคชะตา
ในสมัยโบราณ ลูกที่เกิดจากภรรยาและนางสนมถือเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของครอบครัว แต่มีความแตกต่างระหว่างการให้เกียรติกับการดูหมื่นดูแคลน ลูกที่เกิดจากภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายจะมีเกียรติมากกว่าบุตรที่เกิดจากนางสนม
แต่ลูกนอกสมรสอย่างเหลียงไหวโหรว เกรงว่าท่านแม่ของเขาจะไม่ได้เป็นแม่เพียงนางสนม อาจเป็นเพียงการเล่นสนุกของเว่ยเชียนชิวในอดีต และไปวางไข่ทิ้งไว้เท่านั้น
หากบอกว่าเว่ยเชียนชิวสนใจลูกคนนี้ ก็ถือว่าเขาสนใจพอควร อย่างไรเสียแม้แต่ที่เป็นของมีค่าอย่างตราประทับมู่อวิ๋น ยังยกให้แก่เหลียงไหวโหรว
หากบอกว่าไม่สนใจ ดูท่าทางของเหลียงไหวโหรวแล้ว เว่ยเชียนชิวคงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเขาเลย เดาได้ว่าเขาไม่ต้องการให้เหลียงไหวโหรวรู้จักบรรพบุรุษและกลับคืนสู่ตระกูลเลยด้วยซ้ำ
ปากของแม่ฉิน จะต้องป่าวประกาศให้รู้กันทั่วอย่างแน่นอน
“นี่ เจ้ามัวนิ่งอยู่ทำไมกัน! ตอนนี้ข้าเป็นถึงท่านพี่ของเจ้า และยังเป็นแม่ยายของเจ้าด้วย” แม่ฉิน ทนไม่ไหวอีกต่อไป “พวกเป็นมากกว่าสายเลือดเดียวกันเสียอีก ตอนนี้พวกเราต้องร่วมกันกำจัดคนนอก! สังหารเซียวเฉวียนผู้ที่ไม่รู้ความ!”
เป็นมากกว่าสายเลือดเดียวกัน...
เป็นมากกว่าสายเลือดเดียวกัน...
เหลียงไหวโหรวหลับตาลง น่ารำคาญ น่ารำคาญมาก! ช่างมัน ช่างหัวสายเลือดเดียวกัน!
เซียวเฉวียนมีตราประทับมู่อวิ๋นบีบไว้อยู่ อีกไม่ช้าก็จะเหลือเพียงกองเลือด เขาไม่เป็นกังวล
เขาคลานขึ้นอย่างช้า ๆ เดินตรงไปที่แม่ฉินทีละก้าว ๆ
“เจ้าทำสิ่งใดกัน?”
แม่ฉินเห็นท่าไม่ดี จึงถอยหลังพรวดหลายก้าว
เมื่อได้ยินเสียงของนาง เหลียงไหวโหรวก็รู้สึกรำคาญ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว “นังบ้า!”
“หุบปาก!”
“ข้าบอกให้หุบปาก!”
อะไรกัน?
คำว่านังบ้า เป็นคำที่แม่ฉินใช้ด่าผู้อื่นอยู่เสมอ ตอนนี้เหลียงไหวโหรวกลับเอามาด่านาง?
“เจ้าบ้าหรืออย่างไร! เจ้าไม่ได้เคารพข้าอย่างที่คนอายุน้อยพึงกระทำ!”
แม่ฉินคิดไม่ถึงว่า วินาทีก่อนนางและเหลียงไหวโหรวยังอยู่ในแนวรบเดียวกัน สิ่งที่เซียวเฉวียนพูดออกมาในตอนนี้ ทำให้เหลียงไหวโหรวต้องการจะฆ่านางงั้นหรือ?
“เจ้า ไปตายเสียเถอะ!”
เหลียงไหวโหรวรู้ดีว่า หากเขาฆ่าแม่ฉินจะต้องมีปัญหามากมายตามมา
ทว่าปัญหาที่มากมาย ก็ยังเทียบไม่ได้กับความอัปยศอดสูจากการเป็นลูกนอกสมรส!
แม่ฉิน ไม่ควรอยู่ต่อไป!
ฆ่านางเสร็จ แล้วโยนความผิดให้เซียวเฉวียน ก็จบเรื่องแล้วมิใช่หรือ?
เหลียงไหวโหรวชักดาบ แม่ฉินตกใจและเตรียมหันหลังหนี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...