“หรือมิใช่ เป็นเรื่องน่าเฉลิมฉลองยินดีจริง” ขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาผู้หนึ่งปิดปากเอ่ย “วันนี้เหลียงไหวโหรวช่วยพวกเราทำธุระครั้งใหญ่ หากไม่ฉลองสักหน่อย พวกเราก็คงจะผิดต่อเหลียงไหวโหรวที่อุตส่าห์ต่อต้านเซียวเฉวียนเช่นนี้”
“ไอ้หยา? ทะเลาะกันดุเดือดปานนี้เลยหรือ? พวกเรารู้ว่าเพราะเรื่องอะไรหรือไม่?” ขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาอีกรายนั้นสายตาเป็นประกายวิ๊งๆ ถามอย่างซุบซิบนินทา กลุ่มขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาเหล่านี้วันๆ ก็เอาแต่ทำเรื่องโพนทะนาแต่กลับไม่เคยทำงานใดๆ เป็นชิ้นเป็นอัน หากมีเรื่องสดใหม่ ทุกคนก็จะเข้ามาสุมหัว
“ไม่แน่ใจนัก ต้องรอผลก่อน”
“เอาละ ข้าละอยากรู้เสียจริง”
ทั้งราชสำนักนี้นอกเสียจากรัฐมนตรีคลังอย่างสวีซูผิงที่เป็นเทพเจ้าด้านการนินทาแล้ว พวกขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาพวกนี้แหละที่ปากมากเป็นที่สุด
ประเทศจีนและต้าเว่ยนั้นมีกฎเช่นเดียวกัน นั่นคือพวกเขาไม่สังหารขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาเพื่อที่จะให้พวกขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาได้เอ่ยปากอะไรตามแต่ใจ
ดังนั้นเหล่าขุนนางฝ่ายที่ปรึกษาจึงใจกล้าไม่หวั่นเกรง วันๆ แทบจะเชิดหน้ายืดจมูกแล้ว
หัวหน้าของขุนนางฝ่ายที่ปรึกษา นั่นคือคนว่างงานสูงศักดิ์โด่งดังรายหนึ่งในเมืองหลวง จ้าวอีโต้ว บังเอิญนัก เขากับตระกูลของจ้าวจินก็นับว่ามีสายสัมพันธ์ครอบครัวกันอยู่
เพียงแต่ว่า สายของจ้าวอีโต้วนั้น เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสาขาของตระกูลจ้าว
ส่วนสายของจ้าวจินนั้น นับได้ว่าเป็นทายาทสายหลักแท้จริง
จ้าวจินกินตำแหน่งไท่หลัง เหล่าญาติฐานะแร้นแค้นต่างพยายามยื่นมือมาหาเขา แต่ไหนแต่ไรมาจ้าวจินกลับไม่เคยจะใส่ใจ
ปีนี้ สายของจ้าวอีโต้วยากจนข้นแค้นหนึ่ง กระทั่งเงินจะกินข้าวจะหาหมอยังไม่มี พวกเขาคิดอยากจะเข้าพึ่งพาสายตระกูลที่ร่ำรวยอย่างจ้าวขิน ผลสุดท้ายกลับถูกจ้าวจินตะเพิดออกมา
เมื่อสิ้นหวังกับการไปพึ่งครอบครัวจ้าวจิน จ้าวอีโต้วก็เปลี่ยนไปเคาะประตูเว่ยเชียนชิวแทน
ปรกติแล้วการเอาชนะใจเว่ยเชียนชิวนั้น คุณสมบัติของคนมักมาเป็นที่หนึ่ง จ้าวอีโต้วคารมดีพูดจาฉะฉาน แถมยังสอบได้จิ้นซื่อ ดังนั้นแล้วเขาเลยมอบเงินก้อนโตให้จ้าวอีโต้ว หลังจากนั้นก็ส่งเขามาอยู่ขุนนางฝ่ายที่ปรึกษา คอยหนุนจ้าวอีโต้วตลอดทางจนกระทั่งจ้าวอีโต้วได้เป็นหัวหน้ากองที่ปรึกษา
นับแต่นั้น จ้าวอีโต้วก็กลายเป็นลูกน้องผู้ภักดีที่สุดคนหนึ่งของเว่ยเชียนชิว
จ้าวอีโต้วในฐานะที่เป็นหัวหน้าขุนนางฝ่ายที่ปรึกษา จ้าวเชียนชิวก็เหมือนได้กุมคอหอยหัวข้อสนทนาในราชสำนักไว้ด้วย
ดังนั้นแล้ว หากว่าในราชสำนักมีคนของเว่ยเชียนชิวกระทำอะไรผิด ขุนนางที่ปรึกษาก็จะทำเป็นไม่เห็น หรือบางครั้งก็แสร้งทำเป็นตักเตือนเล็กน้อย
หากว่าเป็นคนของฮ่องเต้ที่กระทำความผิด เช่นนั้นย่อมอดรนทนไม่ได้ พวกเขาจะต้องบรรลุเป้าหมายโดยไม่เลิกราแน่นอน อย่างเช่นครั้งที่แล้วที่เซียวเฉวียนถูกส่งไปรัฐไป๋ลู่ ก็เป็นผลงานของที่ปรึกษาเหล่านี้
เรื่องเซียวเฉวียนถูกเนรเทศไปรัฐไป๋ลู่นี้ ฉากหน้าดูไปแล้วเป็นจ้าวจินพาพวกกองที่ปรึกษากระทำ แต่แท้ที่จริง เป็นเว่ยเชียนชิวสั่งให้จ้าวอีโต้วลงมือ
เพราะว่าหลังจากเว่ยเชียนชิวสังหารเว่ยชิงอย่าง “พลาดพลั้ง” แล้ว เขาก็ไม่อยากเหลือชื่อเสียงที่ไม่ดี ถึงได้โยนความรับผิดชอบทั้งหมดเรื่องเว่ยชิงให้เซียวเฉวียนรับไปแทน
ดังนั้น จ้าวจินมาหาจ้าวอีโต้วคิดอยากบีบให้ฮ่องเต้เนรเทศเซียวเฉวียนตอนนั้น จ้าวอีโต้วถึงได้ดีใจปานนั้น
หากไม่มีเจตนาจากเว่ยเชียนชิว จ้าวจินคิดอยากใช้กองที่ปรึกษาอย่างนั้นหรือ? ฝันไป
ดังนั้นแล้ว ตอนที่เซียวเฉวียนจะมาเป็นขุนนางที่ปรึกษา ภายในใจของจ้าวอีโต้วเริ่มลนลานแล้ว หรือว่าเซียวเฉวียนจะมาแก้แค้นเขากัน?
จ้าวอีโต้วลังเลในใจ ตอนแรกนั้นเซียวเฉวียนสามารถกลับมาจากเกาะจูเสินได้ กระทั่งตัวเว่ยเจี้ยนกั๋วยังแปลกใจเล็กน้อย ยิ่งเขาใช้เวลารวดเร็วอย่างมากเช่นนี้ หากเซียวเฉวียนอยากแก้แค้นจริงๆ จ้าวอีโต้วจำเป็นต้องคิดอ่านแผนรับมือให้รอบคอบ
ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาคิดแผนการรับมืออย่างดี ก็ได้ยินข่าวว่าเซียวเฉวียนร่วมมือกับเหลียงไหวโหรวซะแบนนั้น
จ้าวอีโต้วปรบมือฉาด เขายินดีนัก ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร ขอเพียงเซียวเฉวียนไมได้เป็นที่ปรึกษาก็พอ เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกแล้ว
จ้าวอีโต้วกับบรรดาขุนนางที่ปรึกษายินดีเช่นนี้ ถือว่ายินดีเร็วไปหน่อย
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องนี้ยังอาจจะเกี่ยวข้องกับนายท่านผู้สูงศักดิ์เหลือเกินของพวกเขา เว่ยเชียนชิวด้วย
หากว่าพวกเขาได้รู้ว่าเหลียงไหวโหรวคือลูกนอกสมรสของเว่ยเชียนชิว พวกเขาก็คงจะหัวเราะไม่ออกแล้ว
เพราะว่า การแต่งงานของเชื้อพระวงศ์นั้นคือสิ่งที่กองที่ปรึกษาให้ความสำคัญ
เดิมทีนั้น ครั้งนี้ต่อให้มีเรื่องราวอย่างลูกนอกสมรสนี้ขึ้นมา ตามวิธีการลงมือของพวกเขา พวกเขาย่อมจะต้องปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง แล้วๆ กันไป บางทีก็อาจจะแสร้งบ่นว่าบ้างหลายคำ ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใดเช่นนั้นก็แล้วกันไปเถอะ
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เซียวเฉวียนอยู่ที่นี่ด้วย
แล้วตามนิสัยของเซียวเฉวียนที่ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ นี้ เขาจะยอมปล่อยเว่ยเชียนชิวอย่างนั้นหรือ?
เหล่าขุนนางเอาแต่ดีอกดีใจกัน แต่กลับไม่รู้ว่าพายุฝนลูกยักษ์กำลังจะพัดใส่พวกเขาแล้ว
พวกเขาคิดเสียดิบดี ว่าครั้งนี้หากเซียวเฉวียนไม่ถูกเหลียงไหวโหรวเอาตาย หากว่าเขามาเป็นขุนนางที่ปรึกษา พวกเขาก็จะใช้สถานะภาพผู้อาวุโสและรุ่นพี่บีบให้เซียวเฉวียนจากไป
ถึงเวลานั้น แน่นอนว่าย่อมทำเป็นไม่เกิดอะไรขึ้น
พวกจ้าวอีโต้วฝันยังไม่กล้าฝันด้วยซ้ำว่า อนาคตที่เซียวเฉวียนมารับตำแหน่งนั้น ไม่ใช่ในสถานะผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา
แต่กลับมาในสถานะพี่ใหญ่ของพวกเรา
ถนนจูเชวี่ย
เส้นเลือดบนข้อมือของเหลียงไหวโหรวปูดแล้ว ดาบของเขาอยู่ห่างจากคอของเซียวเฉวียนเพียงแค่สองนิ้วโดยประมาณเท่านั้น
เซียวเฉวียนใช้มือหยุดกริชเล่นนั้นเอาไว้ เลือดไหลออกจากกลางฝ่ามือไม่หยุดหยดลงบนพื้น กลายเป็นสาย
“เซียววียน! เจ้ายังดื้ออยู่อีก!”
เหลียงไหวโหรวกัดฟัน เดิมที เขาสามารถใช้ผนึกอักษรบีบเซียวเฉวียนให้ตายค่าที่ได้
แต่มาครั้งนี้ก่อการเอิกเกริกไปหน่อยแล้ว จะต้องมีคนสังเกตเห็นการต่อสู้ครั้งนี้เป็นอันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...