“ข้า...ข้าเป็นใคร?”
ครั้งแรกที่เซียวเฉวียนได้เห็นนาง เขาก็พลันเกิดอาการสติหลุดเล็กน้อย
สตรีผู้นี้คิ้วดังกิ่งหลิว นัยน์ตาดุจดอกท้อ งดงามทว่าไม่เย้ายวน รูปทรงใบหน้าไม่ใช่ทรงดังผลแตงแหลมทื่อ แต่กลับเป็นใบหน้าทรงไข่ห่านที่อ่อนช้อย ท่ามกลางราศีอันดูงามสง่านั้นยังหลงเหลือให้เห็นถึงประกายความอ่อนโยนเฉลียวฉลาดที่พาให้คนหลงใหลในทันทีได้
นางมองมายังเซียวเฉวียนอย่างน่าสงสาร ยามที่ถามว่าเซียวเฉวียนเป็นผู้ใดนั้น ใบหน้าของนางยังเผยประกายดื้อดึงขณะที่โอบกอดคนผู้นั้นเอาไว้
ความงดงามที่ทั้งเปราะบางและแข็งกร้าว และในเวลาเดียวกันก็เผยโฉมอยู่บนพักตร์ที่เรียกได้ว่าเลอโฉมจนน่าตกตะลึง ต่อให้เป็นเซียวเฉวียนที่เคยพบสาวงามทั่วหล้ามาแล้วยังต้องสติหลุดไปในพริบตา
สตรีแบบนี้สมควรมีอยู่แต่บนสวรรค์เท่านั้น ถามหาใต้หล้านี้มีอยู่หรือไม่
“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
หยางอวี้ฮวนครั้นเห็นจู่ๆ เซียวเฉวียนก็โผล่มาอย่างกะทันหันปนแปลกประหลาด แถมยังเอาแต่เหม่อมองนาง ความตกตะลึงของนางก็เปลี่ยนเป็นความระแวง
หากข้าพูดว่าข้าถูกพู่กันด้ามหนึ่งพามา เจ้าเชื่อหรือไม่?
เซียวเฉวียนย่อมไม่ได้ถามเช่นนี้ ด้วยเกรงว่าคนงามเช่นนางจะพูดว่าเขาเป็นอันธพาลพูดจาเพ้อเจ้อ ทว่าพู่กันเฉียนคุนพาเขามาที่นี่เพื่ออะไรกัน?
ให้เขามาพบสาวสวยอย่างนั้นหรือ?
หรือให้เขามาจีบสาว?
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่ก็เป็นชายที่แต่งงานแล้ว เขากับองค์หญิงต้าถงกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว พู่กันบ้านี่เกิดคิดอ่านอะไรขึ้นมา อยากสนับสนุนให้เขาเล่นชู้งั้นหรือ?
พู่กันเฉียนคุนไร้คุณธรรมมากขึ้นทุกที นี่ยิ่งเหมือนกับนายท่านเช่นเขามากกลเรื่อยๆ แล้วจริง
“ท่านสามารถช่วยคุณชายหยางได้หรือไม่?”
หยางอวี้ฮวนไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด นางเชื่อใจเซียวเฉวียน
แม้ว่าผู้ชายเบื้องหน้านางคนนี้จะเหมือนกับชายหนุ่มคนอื่น ชื่นชอบมองนางอย่างจาบจ้วง แต่ในสายตาของเขากลับไม่มีท่าทีละลาบละล้วงหยาบคาย เป็นเพียงประกายความชื่นชมตรงไปตรงมาเท่านั้น
เขาเหยียดร่างยินตรง นัยน์ตาทอประกายเฉียบคม มุมปากของเขายังมีรอยเลือดติดอยู่ ส่วนมือซ้ายนั้นคล้ายกระดูกหักไปแล้ว แต่ก็ดูไม่คล้ายเป็นพวกโจรที่ปีนบ้านชาวบ้านขโมยข้าวของ
“ท่านช่วยคุณชายหยางได้หรือไม่?”
หยางอวี้ฮวนรวบรวมความกล้าถามอีกครั้งหนึ่ง ยามนี้เซียวเฉวียนถึงค่อยได้สติกลับมา เขาเช็ดน้ำลายที่เกือบจะหก “แค่กๆ! แล้วคุณชายหยางล่ะ?”
“คนผู้นี้”
หยางอวี้ฮวนชี้ไปยังคนผู้หนึ่งในอ้อมอกของนาง เซียวเฉวียนในยามนี้ถึงได้ตั้งสติดูให้ชัดๆ อ้อ ตรงนี้ยังมีคนอีกรายหนึ่ง
“เขาใช่เสียชีวิตแล้วหรือไม่?”
หยางอวี้ฮวนร่ำไห้ ดังสาลี่ต้องสายฝน เซียวเฉวียนรีบยกมือขวาข้างที่กระดูกไม่ได้หักขึ้นก่อนจะลองตรวจสอบลำคอของชายผู้นั้น
ความเคลื่อนไหวอ่อนแรงเป็นที่ยิ่ง น่าจะใกล้ตายแล้วแน่นอน
หรือว่าที่พู่กันเฉียนคุนพาเขามา มิใช่เพื่อให้ดูสาวงามแต่เพื่อให้ช่วยคนงั้นหรือ?
ช่วยคนก็ไปหาหมอสิ ให้เซียวเฉวียนมามีประโยชน์อะไรกัน?
พู่กันเฉียนคุนนั้นคล้ายจะเข้าใจความคิดของเจ้านาย มันรีบเคาะไปยังผนึกมู่อวิ๋นที่ลอยสูงอยู่กลางอากาศ
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว
ไม่เข้าใจ
บนโลกใบนี้สิ่งที่เข้าใจยากที่สุดนั้นคือจิตใจของสตรี
และสิ่งที่เข้าใจยากกว่าจิตใจของสตรีนั้นคือจิตใจของพู่กันด้ามหนึ่ง
ในเมื่อเซียวเฉวียนยังไม่อาจจะคาดเดาได้ถึงจิตใตของสตรีเลยด้วยซ้ำ แล้วเขาจะไปตรึกตรองเข้าใจภาษาใบ้ของพู่กันได้อย่างไร?
“ท่านมีกระดาษหรือไม่?”
พอเซียวเฉวียนถามเช่นนี้ หยางอวี้ฮวนก็เหม่อลอยไป “ไม่ช่วยคนก่อนหรือ?”
“เอากระดาษมาก่อน”
“ลิ้นชักที่สองในโต๊ะนั้นมีเจ้าค่ะ”
หยางอวี้ฮวนยื่นมือชี้ เซียวเฉวียนยามนี้ถึงได้เห็นว่ามือของสตรีผู้นี้ยังคงเป็นของอันงดงามไม่อาจจะหาใดเปรียบ
นิ้วมืออันเรียวยาว อ่อนช้อยดังต้นหอม ทว่าสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด
เจ้าหนุ่มที่สลบเป็นตายไปนั่น ช่างเป็นผู้ที่โชคดีใหญ่หลวงแล้ว
เซียวเฉวียนเดินไปยังหน้าโต๊ะตัวนั้น เขามาที่โต๊ะแล้วหยิบกระดาษออกมา
กระดาษนั้นเป็นกระดาษขาวธรรมดา ไม่แพง และไม่ค่อยซึมซับหมึกแต่ก็พอใช้งานได้
บัณฑิตที่มีสภาพความเป็นอยู่ธรรมดาเช่นนี้ เหตุใดถึงได้เลี้ยงแม่นางผู้ผุดผ่องเช่นนี้ออกมาได้กัน?
หรือว่าความงามของแม่นางผู้นี้นั้นเป็นแต่กำเนิด?
ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวียนเอาแต่พะวงคิดเรื่องของหยางอวี้ฮวน แต่เพราะรูปร่างหน้าตาของนางนั้นโดดเด่นผิดคนธรรมดาจริง แม่นางของครัวเรือนทั่วไปนั้นต่อให้ผุดผ่องมีน้ำมีนวลแต่ก็ไม่เหมือนกับสตรีผู้นี้ งดงามกระทั่งรอยแยกปลายนิ้วยังสวยเลย
“มา เขียน”
เซียวเฉวียนหยิบกระดาษ เพื่อให้พู่กันเฉียนคุนไม่ทำตัวอมพะนำต่อ ให้มันเขียนออกมาเลยไม่อย่างนั้นเขาไม่เข้าใจมันจริงๆ
เรื่องนี้ทำให้เซียวเฉวียนปวดหัวเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาต้องพกพากล่องเครื่องเขียนไปตลอดทุกที่ทุกเวลาหรือ กระดาษในสมัยโบราณนั้นแข็งไปหน่อย ไม่ได้อ่อนนุ่มเหมือนกับกระดาษในยุคสมัยปัจจุบัน ดังนั้นแล้วคนโบราณพกกระดาษไปไหนก็จะใส่กล่องเครื่องเขียนไว้ ไม่อาจจะพกไว้ในเสื้อผ้าจะทิ่มก้นเอา
เนื่องด้วยสาเหตุที่มันทิ่มแทงก้นนี้ เซียวเฉวียนยินยอมคาดเดาจิตใจของพู่กันดีกว่าว่าจะพูดอะไร
“คุณชายหยาง...ท่านฟื้นสิ”
ความสนใจของหยางอวี้ฮวนยังอยู่บนร่างหยางชู หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่ได้เห็นพู่กันเฉียนคุนกับผนึกมู่อวิ๋นลอยอยู่บนฟ้าเช่นนี้ จะต้องตกตะลึงจนหน้าถอดสี ตกใจจนแข้งขาสั่นเป็นอันแน่
ส่วนนางกลับไม่ได้มองเลยสักนิด ทั้งจิตใจของนางเอาแต่คิดถึงหยางชู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...