ณ พระราชวังฉางหมิง
ฉินเซิงมาควมคุมเหลียงไหวโหรวต่อหน้าฝ่าบาท
หลังจากรอเป็นเวลานานเกือบหนึ่งชั่วเต็มๆ ฝ่าบาทไม่พิจารณาคดีเหลียงไหวโหรวสักที
เหลียงไหวโหรวคิดไว้แล้วว่าจะใช้คำพูดโต้ตอบเยี่ยงไรบ้าง จะตอบคำถามของฝ่าบาทเยี่ยงไรและจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับเซียวเฉวียนแล้วจะหนีไปให้เร็วและไกลได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เหลียงไหวโหรวรอการสอบสวนอย่างมั่นใจแต่ไม่มีผู้ใดถามเขาเลยเพียงสักคน
ในเมื่อเขาก่ออาชญากรรมร้ายแรงมากเช่นนี้และควรเป็นจุดสนใจของทุกคน
เหลียงไหวโหรวเองก็ดูไม่มีลับลมคมในอะไรเลย แต่หลังจากเข้าไปในพระราชวังหมิงก็ดูเหมือนไม่มีใครสนใจหรือถามไถ่ในคดีของเขา
กลับกลายเป็นเรื่องเงียบๆในพระราชวังฉางหมิง ฝ่าบาทกำลังแก้ไขเอกสารโดยอนุมัติหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า ขันทีหม่าอยู่ข้างๆกำลังรินชาและถวายแก่ฝ่าบาทอย่างเป็นระเบียบแบบแผน
ฉินเซิง เหลียงไหวโหรว เว่ยอวี๋ อี้กุยและเว่ยเป่า รออยู่ที่พระราชวังฉางหมิงเป็นเวลาสองชั่วโมง และฝ่าบาทก็ไม่เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาแม้สักนิด
เว่ยอวี๋ที่เหนื่อยล้าจากการเฝ้ารอคอยมานานนั่งลงกับพื้น "ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าขอนอนพักสักหน่อยก่อน"
เว่ยอวี๋ประพฤติตัวไม่น่าให้อภัยมากนี่หน้าพระราชวัง ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงถูกลากออกไปลงโทษโดยเร็วที่สุดเป็นแน้แท้
แต่ทุกคนรู้ดีว่าฝ่าบาทนั้นรักน้องชายของเขามาก ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดว่าเว่ยอวี๋จึงไม่มีใครกล้าพูดตามอำเภอใจ
ขนาดเว่ยเป่าเองซึ่งอายุเพียงสี่หรือห้าขวบก็ยังยืนตัวตรงและไม่กล้าทำอะไรที่ผิดๆแม้แต่น้อย เว่ยอวี๋ผู้นั่งลงอยู่ดีดีก็เปลี่ยนเป็นนอนราบภายในพริบตาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
อุ๊ย......ขันทีหม่าชำเลืองตามองเขาและรู้สึกได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมาก นอกจากเซียวเฉวียนแล้วองค์ชายคนนี้ยังเป็นคนดื้อรั้นเอาเสียมาก
อย่างไรก็ตาม ฝ่าบาทไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมองและเพิกเฉยต่อเว่ยอวี๋ที่ทำตัวเยี่ยงนี้ และขันทีหม่าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเมินเฉยตามฝ่าบาท
เว่ยอวี๋พลิกตัวและหันไปทำตัวเสแสร้ง ไม่ว่าจะทำท่าทางพูดยกตัวขี้อวดนู้นนี่นั่นหรือทำเสียงดังเพื่อรบกวนคนอื่นๆ โดยจงใจดึงดูดความสนใจของฝ่าบาท
เขารอมาสองชั่วโมงแล้วขาของเขาก็เริ่มชาจากการยืน เหล่าฮ่องเต้องค์น้อยคนนี้อะไรที่ไม่เหมาะสมไม่เป็นเรื่องเป็นราวไม่หลุดออกจากเขาเลยสักคำ
เขาต้องการทำอะไร?
ฝ่าบาทไม่โกรธ ไม่ดุแล้วยังไม่สอบปากคำเรื่องเหลียงไหวโหรวไอ้สารเลวนั้นเลย จึงทำให้พวกเขาถึงมาที่นี่เพื่อดูว่าฝ่าบาทแก้ปัญหากับเรื่องนี้เยี่ยงไรบ้าง?
หลังจากเล่มสุดท้ายได้จบลง ฝ่าบาทก็วางพู่กันลง
จากนั้นฝ่าบาทก็เงยหน้าขึ้นมองผู้คนที่รออยู่ที่นี่มานาน
เหลียงไหวโหรวสบตากับฝ่าบาท และความรู้สึกที่สะเทือนใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็เริ่มต้นขึ้น
ผู้คนชนชั้นล่างที่มาอยู่เป็นครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทันใดนั้นเองก็นึกคิดว่าบุคคลที่มีอำนาจมากจนไม่มีใครอยู่เหนือได้นั่นก็คือน้องชายของเขา ความรู้สึกตื่นเต้นและสะเทือนอารมณ์ขึ้นอย่างยิ่ง
ในอดีตเหลียงไหวโหรวเป็นเพียงข้าบริพารและส่วนฝ่าบาทนั้นเป็นพระมหากษัตริย์ เขาทั้งถ่อมตัวและเชื่อฟังคำสั่งเสมอมาแต่ตอนนี้...
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้นั้นเหลียงไหวโหรวก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อความใจเย็นขึ้น จริงๆแล้วเขามีความข้องเกี่ยวทางสายเลือดกับพระมหากษัตริย์สูงส่งผู้นี้...
ในที่สุดฝ่าบาทก็ได้ทรงตรัส "เซียวเฉวียนอยู่แห่งใดในตอนนี้?"
เหลียงไหวโหรวอึ้ง เหตุใดเล่าฝ่าบาทจึงถามเซียวเฉวียนในสิ่งแรกที่เขาพูด จึงเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้โดดเด่นสุดของเรื่องราวครั้งนี้
“กลับมาเถิด ข้าได้ส่งคนไปตามหาท่านแล้ว”
"เอาล่ะ" ฝ่าบาทพยักหน้ารับรู้ "เป่าอ๋องรอง เจ้าลงไปเล่นก่อน"
เว่ยเป่าเป็นเด็กอายุสี่ห้าขวบ ถ้าเขาไม่ได้ถูกเว่ยอวี้ดึงตัวไป จะสามารถปรากฏตัวที่ถนนจูเชวี่ยในวันนี้ได้หรือไม่?
“ฝ่าบาทลงโทษพวกมันกันสักทีเถอะ” เว่ยเป่าพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น “มีคำสอนของราชวงศ์กล่าวไว้ว่าหาเกิดการล่วงละเมิดกฎหมายอาชญากรรมก็จะโดนลงโทษเช่นเดียวกับเหล่าสามัญชนทั่วไป อาเป่าจะไม่จำเป็นต้องรับผิดและปล่อยให้เว่ยอวี้และอี้กุยนั้นรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
“เด็กน้อยเจ้าช่างเป็นคนซื่อสัตย์ยิ่งนัก ข้านับถือใจเจ้าอย่างยิ่ง!” เว่ยอวี้ลูบหัวด้วยด้วยความเอ็นดู “แต่ว่าข้าได้ก่ออาชญากรรมอะไรไปหล่ะ ไหนว่ามาสิ?”
เว่ยเป่ากระพริบตา "อาเป่าเองก็ไม่รู้ แต่ฝ่าบาททรงรบเร้าพวกข้ามาเป็นเวลานาน ข้าคงต้องทำอะไรผิดสักอย่างไปเสียแล้วหล่ะ"
แม้แต่เด็กอายุสี่ห้าขวบก็เข้าใจความจริงทั้งหมดเลย แต่เว่ยอวี้กลับไม่เข้าใจ เขาพูดอย่างไม่พอใจ "ข้ามีความผิดที่กินแตงงั้นเหรอ?"
แตงโม?
อะไรกันกินแตง? เหลียงไหวโหรวไม่เข้าใจ แต่ฝ่าบาทนั้นเข้าใจดี เพราะว่าเซียวเฉวียวค่อนข้างพูดบ่อยมากต้องขอบท่านเซียวเฉวียนด้วยที่ให้คำว่ารู้คำว่ากินแตงคืออะไร นั้นก็คือชาวบ้านที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น
ไม่สำคัญว่าเว่ยอวี้จะเป็นคนเดียวที่ชอบยุ่งหรือว่าอะไรก็ตามแต่
ปัญหาคือเว่ยอวี้ไม่เพียงแต่ลากอี้กุยและเว่ยเป่าเพียงเท่านั้นให้ไปยุ่งเรื่องของเขา แต่ยังลากผู้คนที่อยู่บริเวณถนนจูเชวี่ยด้วยมาอีกด้วย “มากันเถอะๆๆ เซียวเฉวียนท้าทายเหลียงไหวโหรวและนายท่านจวนฉินทั้งสองดวลกันที่ยอดเขา ทุกๆท่านอย่าได้พลาดล่ะ!”
เพราะอะไรกันเหลียงไหวโหรวถึงไม่เจอเว่ยอวี้และพวกคนอื่นๆกันนะ?
นั่นเป็นเพราะว่าฝ่าบาทส่งคนมาสร้างอุปสรรคมากั้นเพื่อที่เว่ยอวี้และเหล่าผู้คนไม่ต้องมายุ่งเรื่องเหล่านี้จะได้ไม่ต้องเอาไปพูดกันมันปากของพวกนั้น
อย่างไรก็ตามที่สร้างขึ้นสามารถปิดกั้นได้เพียงมุมมองของทางฝั่งเหลียงไหวโรวเท่านั้น แต่ไม่สามารถปิดกั้นได้ทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...