เดิมทีสิบหกเองก็เป็นคนฝ่ายขุนนาง เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดของเซียวเฉวียนเป็นอย่างดี
ทุกวันนี้เซียวเฉวียนไม่ได้พึ่งพาฝั่งฮ่องเต้หรือเว่ยเชียนชิวเลย เขากำลังเตรียมการทุกอย่างด้วยตนเองเพื่อที่จะสั่งสมอำนาจ
แต่อย่างไรก็ตามปัญญาชนและราชองครักษ์ทั้งหมดที่เซียวเฉวียนมีก็ถูกผนึกจูเสินและตราประทับเหวินอิ้นขัดขวางเอาไว้
คราวนี้กลับเกิดเหตุการณ์พลาดพลั้ง เซียวเฉวียนเกิดทำลายผนึกมู่อวิ๋น ทั้งราชวงศ์จะต้องร้อนรนใจขึ้นอย่างแน่นอน
แม้ว่าเซี่ยวเฟิงจะเป็นผู้ทำลายผนึกมู่อวิ๋นแต่เซียวเฉวียนก็ไม่อาจยอมรับแบบนั้นได้ หากยอมรับแล้วสถานการณ์ของปัญญาชนทั้งหลายในต้าเว่ยจะยิ่งลำบากและอันตรายมากขึ้น
ในโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เซียวเฉวียนผู้ใดที่เป็นปัญญาชนเลือดร้อน เกิดหากปัญญาชนคนอื่นได้รู้ว่าแม้ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็สามารถทำลายผนึกมู่อวิ๋นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีปัญญาชนที่คิดจะก่อกบฏขึ้นมาได้
หากในเวลานั้นฮ่องเต้ยังลดสถานะข้าราชบริพารไม่เสร็จสิ้น ต้าเว่ยก็จะตกอยู่ในความอลม่าน
เมื่อต้าเว่ยเกิดความวุ่นวาย ราชสำนักเองก็จะอลเวงเป็นแน่
ดังนั้นแล้วปัญญาชนจะก่อความวุ่นวายไม่ได้เพราะแต่เดิมก็ไม่ได้มีพลังสามารถมากพอที่จะต่อต้านราชสำนักได้
ตราประทับเหวินอิ้นถูกทำลายได้ แต่ในตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาสที่ประจวบเหมาะเท่าไหร่นัก
เมื่ออำนาจของราชวงศ์ล่มสลาย จะทำให้สังคมเกิดจลาจล เมื่อเป็นเช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและวัฒนธรรมได้
แต่การทำลายผนึกจูเสินนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดเพราะไม่ได้กระทบต่ออำนาจของราชวงศ์
เมื่อผนึกจูเสินถูกทำลายลง พลังของราชองครักษ์จะเพิ่มมากขึ้นอย่างมากจนไม่สามารถถูกหยุดยั้งอีกต่อไป
หากแม้ราชองครักษ์จะก่อกบฏก็เพียงแค่ต้องมีหัวหน้าของพวกเขาอยู่ ดังนั้นตราประทับเหวินอิ้นก็สามารถเริ่มจากการควบคุมเหล่าปัญญาชนจากนั้นก็สามารถที่จะไปควบคุมเหล่าราชองครักษ์ได้
ราชองครักษ์ถูกควบคุมจากสองทาง ด้านหนึ่งคือผนึกจูเสินอีกด้านหนึ่งคือจากนายท่านและอำนาจราชวงศ์ ถึงทำลายการควบคุมไปหนึ่งอย่างก็ยังสามารถควบคุมได้
การทำลายผนึกจูเสินลงทำได้เพียงแค่กำจัดการกักขังทางกายภาพให้ราชองครักษ์เท่านั้น เป็นให้พวกเขาได้มีอิสรภาพได้ในระดับหนึ่ง
นายท่านกับอำนาจของราชวงศ์ โดยเฉพาะอำนาจราชวงศ์เป็นสิ่งที่กักขังทางกฎหมายนับเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คงต้องปล่อยไปก่อน
ในท้ายที่สุดแล้วหากเซียวเฉวียนได้พูดกับเหล่าองครักษ์และปัญญาชนว่าฮ่องเต้ของพวกเจ้าก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง พวกเจ้าเองก็เป็นเหล่าประชาชนที่สิทธิมีอำนาจควรที่จะมีความเท่าเทียมกับฮ่องเต้ แล้วคนโบราณเหล่านี้จะไม่พูดต่อว่าเซียวเฉวียนให้ไปตายหรือ?
ต่อว่าก็ไม่เท่าไร สิ่งที่สำคัญคือการกักขังทางกฎหมายที่เกิดจากยุคสมัยและระบบไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายลงได้ แม้เซียวเฉวียนอยากที่จะเปลี่ยนแต่ในตอนนี้มันก็เหมือนจะเป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน
แม้ต้าเว่ยจะล้าหลัง แต่โดยรวมแล้วก็นับว่าเงียบสงบ
สิ่งที่เซียวเฉวียนจะทำคือทำสิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมดในตอนที่บ้านเมืองไม่เกิดความวุ่นวาย
เมื่อเกิดจลาจลโลกใบนี้จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง แล้วคนที่จะต้องทนทุกข์ก็คือประชาชนคนธรรมดา
ในครั้งนี้เซียวเฉวียนเอาประมุขแห่งชิงหยวนตำแหน่งขุนนางระดับสี่มาเป็นเดิมพันเพื่อมาเรียนรู้ถ้อยคำ
ด้วยวิธีแบบนี้จึงจะสามารถทำลายผนึกจูเสินได้และคืนอิสระภาพให้แก่ราชองครักษ์ที่เป็นทาสคุนหลุน
ทำลายพลังการกักขังองครักษ์ของผนึกจูเสิน เป็นแผนการและการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดในตอนนี้
หนึ่งคือไม่ได้แตะต้องอำนาจของราชวงศ์ รักษาความสงบของสังคม
สองคือควบคุมความเปลี่ยนแปลงในขอบเขตที่เปลี่ยนแปลงได้
สามคือเพิ่มความรุนแรงในการสู้รบให้กับเหล่าราชองครักษ์ ให้พวกเขา พยามยามต่อสู้ทุกทางแบบไร้ยางอาย เพิ่มทั้งปืนและหญ้าอสุรา เช่นนี้ชาวยุทธ์แท้ของเว่ยเชียนชิวก็จะไม่ใช่คู้ต่อสู้ของพวกเขาอีกต่อไป
ในตอนนี้ไป๋ฉี่เพิ่งจะฟังได้ความแล้ว เขาลุกขึ้น “พรึ่บ” “ไม่ต้องพูดถึงว่าผนึกจูเสินมีอายุนับพันปี แม้แต่คนจากเขาคุนหลุนยังไม่มีหนทางที่จะทำ แต่นายท่านจะไปทำลายมันหรือ?”
“ใต้เท้าเซียวไม่มีทางเลือกแล้ว”
สิบหกขมวดคิ้ว “ในต้าเว่ยทุกวันนี้ ใต้เท้าเซียวนับว่าไม่มีทั้งพลังอำนาจและไม่มีคนให้พึ่งพา ท่านไม่เพียงแต่จะทำลายผนึกจูเสินแต่หลังจากนั้นท่านก็จะไปซินเจียงเพื่อที่จะสรรหาอาวุธและเสบียงทหารที่ดีกว่านี้ให้พวกเจ้าด้วย ชื่อ...ชื่ออะไรนะ?”
“ปืนแล้วก็หญ้าอสุรา”
“ใช่ ของพวกนั้นแหละ” สิบหกพยักหน้าแล้วมองไป๋ฉี่อย่างพึงพอใจ “ดูเหมือนว่ายังไม่ลืมสินะ”
“สิ่งที่นายท่านจะทำ ข้าไม่เคยลืมแม้แต่อย่างเดียว” น้ำเสียงของไป๋ฉี่หนักแน่น รอยระหว่างคิ้วของเขาทำให้สิบหกตกใจเล็กน้อย ไป๋ฉี่สามารถหนีออกมาจากการกักขังของผนึกจูเสินได้แล้วในวันนั้นที่พระราชวัง ไป๋ฉี่ผู้เดียวกับทหารรักษาการณ์สามร้อยยี่สิบเจ็ดคนมันช่างน่าหวาดเสียวมาก ไม่รู้จริงๆว่าความแข็งแกร่งของไป๋ฉี่ผู้นี้จะมีมากแค่ไหน...
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเขาจะไปทำเรื่องมากมายเช่นนั้น” สิบหกหันหลังกลับมาพร้อมหัวเราะเล็กน้อย “เจ้าก็ต้องรู้ดีดีว่านายท่านของเจ้าไม่มีทางยอมให้ตัวเองตาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...