“เจ้ามีใจคิดกบฎอย่างนั้นหรือ?”
ฮ่องเต้ถามเสียงทะมึนหนึ่งคำถาม
ในตำหนักฉางหมิง เซียวเฉวียนยืนอยู่ตรงใจกลางตำหนัก
ฮ่องเต้ทรงไม่ได้ประทับนั่งบนบัลลังก์ แต่กลับยืนประจันหน้าตรงข้ามห่างเซียวเฉวียนไปครึ่งเมตร
เมื่อครู่หลังสอบเหลียงไหวโหรวเสร็จ และสั่งให้ฉินเซิงกับเว่ยอวี๋ทั้งหลายถอยไปแล้ว ฮ่องเต้ก็รั้งตัวเซียวเฉวียนไว้คนเดียว
ทรงบอกกับภายนอกว่าอยากสนทนาเล่น รั้งไว้ให้ลงหมาก
แต่จริงๆ แล้ว สือลิ่วเดาได้ถูกต้อง ทรงต้องการสอบปากคำเซียวเฉวียน
ครั้งนี้ที่เซียวเฉวียนกลับมาจากเกาะจูเสิน เขาออกห่างจากฮ่องเต้ แถมยังพัฒนาความสามารถตนเองด้วย
นี่ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกไม่สบายพระทัย
แล้วยิ่ง ฮ่องเต้รายหนึ่งจะปล่อยปละให้ขุนนางตนกระทำตามใจ ไม่พึ่งพาตัวเขา ไม่เข้าสวามิภักดิ์กับเขาได้อย่างนั้นหรือ?
ทว่าจนใจแต่ที่เซียวเฉวียนก็เป็นคนเช่นนี้
หากว่าขุนนางคนอื่นเป็นผู้กระทำ ฮ่องเต้จะต้องระแวงว่าน้ำใจไมตรีขุนนางของเขานั้นมีอะไรแอบแฝง
แต่กับเซียวเฉวียนนั้นแตกต่าง เซียวเฉวียนไม่ใช่คนของโลกใบนี้
เซียวเฉวียนได้เห็นโลกกว้างใหญ่มามาก กระทำเรื่องใดสมบูรณ์แบบ ความสามารถสูงส่งกว่าคนธรรมดานัก
ฮ่องเต้ไม่เชื่อว่าเซียวเฉวียนจะมีใจเป็นกบฏ เพราะว่าในตอนแรกอี้อู๋หลี่ก็แค่มีใจคิดอยากเปลี่ยนแปลงต้าเว่ย ไม่ได้คิดกระทำการฝืนชะตาฟ้าลิขิต
เพียงแต่ว่า ฮ่องเต้ทรงต้องการยืนยันเล็กน้อย
เขาทราบว่า เซียวเฉวียนเป็นคนทำลายผนึกมู่อวิ๋น
ไม่อาจจะเป็นเหลียงไหวโหรวไปได้
และไม่ต้องพูดว่าเหลียงไหวโหรวไม่ได้มีความสามารถเช่นนั้น การที่ผนึกมู่อวิ๋นเป็นของเหลียงไหวโหรว การที่เหลียงไหวโหรวทำลายมันทิ้งก็ไม่ได้ก่อประโยชน์ใดๆ ต่อตัวเขาและเว่ยเชียนชิวเลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้เองก็ทราบว่า ที่เหลียงไหวโหรวพูดนั้นเป็นความจริง วันนี้เซียวเฉวียนห้ามรถที่ถนนจูเชวี่ยนั้นเขาคงคิดอยากสังหารฮูหยินฉิน
สำหรับคนที่ทำลายผนึกมู่อวิ๋นแถมคิดอยากสังหารเชื้อพระวงศ์แล้ว การที่ฮ่องเต้ตรัสถามเช่นนี้ ก็นับว่ามีเหตุผลแฝงอยู่อย่างแท้จริง
“ฝ่าบาท ผนึกมู่อวิ๋น เหลียงไหวโหรวเป็นคนทำลายจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเฉวียนไม่ได้โง่ ไม่ว่าฮ่องเต้จะทรงมองออกหรือไม่ แต่โทษทัณฑ์นี้เขาไม่มีทางยอมรับเอาไว้แน่ “อีกอย่างใจภักดีของกระหม่อมที่มีต่อฝ่าบาท ฟ้าดินเป็นพยานได้ เหตุใดต้องมีใจคิดกบฏด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”
วาจาชายหนุ่ม เอาไว้หลอกผีเถอะ
แล้วนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เซียวเฉวียนโกหกผู้ชายด้วยกัน
แต่ว่า นี่ก็เป็นคำลวงเพียงครึ่งเท่านั้น เขาไม่ได้มีใจคิดกบฎจริง ทุกสิ่งที่เขาคิดล้วนไม่ได้ทำเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับฮ่องเต้ แต่เพื่อจัดการเว่ยเชียนชิวต่างหาก
ทุกสิ่งที่เขาทำ ล้วนมีประโยชน์ต่อฮ่องเต้ รวมถึงการทำลายผนึกมู่อวิ๋น ล้วนมีประโยชน์ต่อพระองค์ เพราะเป็นเช่นนี้เว่ยเชียนชิวก็จะสูญเสียการสนับสนุนจากบัณฑิตรัฐมู่อวิ๋น
หลายปีที่ผ่านมานี้ เว่ยเชียนชิวซ่อนผนึกมู่อวิ๋นนี้ไว้เป็นอย่างดี ของที่สำคัญเพียงนี้ ยังไม่ทันได้สำแดงอิทธฤทธิ์ใช้ประโยชน์อันใดก็มาพังในมือของเหลียงไหวโหรวแล้ว
เกรงว่ายามนี้เว่ยเชียนชิวคงจะโมโหยากจะระงับแล้วกระมัง
ดังนั้นขอเพียงฮ่องเต้ยินดีปกป้องเขา เซียวเฉวียนจึงใช้วาจาของตนเป็นอาวุธเต็มที่ ขอเพียงฮ่องเต้เชื่อเขา ฮ่องเต้จะต้องเชื่อเขาแน่
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่เจ้ากลับมาจากเกาะจูเสินแล้ว เหตุใดจึงเอาตัวออกจากห่างจากข้า? เหตุใดจึงยินยอมพนันตำแหน่งเจ้าสำนักศึกษาชิงหยวน แถมยังต้องการเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งเล่า?”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ทรงเริ่มไม่เข้าใจเซียวเฉวียนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
อย่างเช่นการที่เซียวเฉวียนไม่ยอมดำรงตำแหน่งดีๆ อย่างขุนนางชั้นสี แต่กลับวิ่งไปเป็นขุนนางที่ปรึกษาผู้หนึ่งนี่นะ
“ฝ่าบาท ไม่อาจปิดบังความจริง ที่ไปเป็นที่ปรึกษาก็เพื่อเรียนพลังแห่งถ้อยคำ ทำลายผนึกจูเสินพ่ะย่ะค่ะ”
วรกายมังกรของฮ่องเต้สะท้าน!
น้ำเสียงของเซียวเฉวียนพูดเบาอย่างยิ่งชัดๆ แต่พอเข้าสู่พระกรรณของฮ่องเต้แล้วกลับสะเทือนเลือนลั่นดังอัสนีเก้าชั้นฟ้า
ฮ่องเต้ทรงตกตะลึงจนเอื้อนเอ่ยวาจาไม่ได้แม้สักประโยค
เซียวเฉวียนเอ่ยวาจาเรียบเรื่อย พลางอธิบายต้นสายปลายเหตุอีกรอบหนึ่ง
“ทหารตระกูลเซียวกว่าห้าหมื่นนายของกระหม่อมตายอย่างอนาถ เป็นความชั่วช้าที่เว่ยเชียนชิวกระทำ กระหม่อมจะให้เขาชดใช้”
เซียวเฉวียนจ้องมองฮ่องเต้นิ่ง “แต่ว่าเขามีกองทัพชาวยุทธ์แท้ขนาดยักษ์ กระหม่อมทำได้แค่เพียงให้เหล่าผู้อารักขาสลัดจากการถูกตราประทับจูเสินสะกดเท่านั้น เพื่อให้พละกำลังเพิ่มทะยาน เช่นนั้นพวกเราถึงมีโอกาสที่จะชนะได้”
“พวกเรางั้นหรือ?” ฮ่องเต้ถามขึ้นอย่างสงสัยหนึ่งประโยค
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้ากำจัดเว่ยเชียนชิว เพื่อชายชาตรีตระกูลเซียวทั้งห้าหมื่นนายของข้า เพื่อที่จะทวงความยุติธรรมให้แก่อาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นเช่นนี้ฝ่าบาทก็จะสามารถดึงอำนาจปกครองต้าเว่ยกลับมาได้”
เซียวเฉวียนจับจ้องฮ่องเต้นิ่ง “ฝ่าบาท นั่งอยู่กลางวังหลวงเช่นนี้ แต่กลับไม่อาจดึงอำนาจของท่านกลับมา”
“บังอาจ!” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น พลางตะคอกเซียวเฉวียนประโยคหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...