ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 544

“เจ้ามีใจคิดกบฎอย่างนั้นหรือ?”

ฮ่องเต้ถามเสียงทะมึนหนึ่งคำถาม

ในตำหนักฉางหมิง เซียวเฉวียนยืนอยู่ตรงใจกลางตำหนัก

ฮ่องเต้ทรงไม่ได้ประทับนั่งบนบัลลังก์ แต่กลับยืนประจันหน้าตรงข้ามห่างเซียวเฉวียนไปครึ่งเมตร

เมื่อครู่หลังสอบเหลียงไหวโหรวเสร็จ และสั่งให้ฉินเซิงกับเว่ยอวี๋ทั้งหลายถอยไปแล้ว ฮ่องเต้ก็รั้งตัวเซียวเฉวียนไว้คนเดียว

ทรงบอกกับภายนอกว่าอยากสนทนาเล่น รั้งไว้ให้ลงหมาก

แต่จริงๆ แล้ว สือลิ่วเดาได้ถูกต้อง ทรงต้องการสอบปากคำเซียวเฉวียน

ครั้งนี้ที่เซียวเฉวียนกลับมาจากเกาะจูเสิน เขาออกห่างจากฮ่องเต้ แถมยังพัฒนาความสามารถตนเองด้วย

นี่ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกไม่สบายพระทัย

แล้วยิ่ง ฮ่องเต้รายหนึ่งจะปล่อยปละให้ขุนนางตนกระทำตามใจ ไม่พึ่งพาตัวเขา ไม่เข้าสวามิภักดิ์กับเขาได้อย่างนั้นหรือ?

ทว่าจนใจแต่ที่เซียวเฉวียนก็เป็นคนเช่นนี้

หากว่าขุนนางคนอื่นเป็นผู้กระทำ ฮ่องเต้จะต้องระแวงว่าน้ำใจไมตรีขุนนางของเขานั้นมีอะไรแอบแฝง

แต่กับเซียวเฉวียนนั้นแตกต่าง เซียวเฉวียนไม่ใช่คนของโลกใบนี้

เซียวเฉวียนได้เห็นโลกกว้างใหญ่มามาก กระทำเรื่องใดสมบูรณ์แบบ ความสามารถสูงส่งกว่าคนธรรมดานัก

ฮ่องเต้ไม่เชื่อว่าเซียวเฉวียนจะมีใจเป็นกบฏ เพราะว่าในตอนแรกอี้อู๋หลี่ก็แค่มีใจคิดอยากเปลี่ยนแปลงต้าเว่ย ไม่ได้คิดกระทำการฝืนชะตาฟ้าลิขิต

เพียงแต่ว่า ฮ่องเต้ทรงต้องการยืนยันเล็กน้อย

เขาทราบว่า เซียวเฉวียนเป็นคนทำลายผนึกมู่อวิ๋น

ไม่อาจจะเป็นเหลียงไหวโหรวไปได้

และไม่ต้องพูดว่าเหลียงไหวโหรวไม่ได้มีความสามารถเช่นนั้น การที่ผนึกมู่อวิ๋นเป็นของเหลียงไหวโหรว การที่เหลียงไหวโหรวทำลายมันทิ้งก็ไม่ได้ก่อประโยชน์ใดๆ ต่อตัวเขาและเว่ยเชียนชิวเลยแม้แต่น้อย

ฮ่องเต้เองก็ทราบว่า ที่เหลียงไหวโหรวพูดนั้นเป็นความจริง วันนี้เซียวเฉวียนห้ามรถที่ถนนจูเชวี่ยนั้นเขาคงคิดอยากสังหารฮูหยินฉิน

สำหรับคนที่ทำลายผนึกมู่อวิ๋นแถมคิดอยากสังหารเชื้อพระวงศ์แล้ว การที่ฮ่องเต้ตรัสถามเช่นนี้ ก็นับว่ามีเหตุผลแฝงอยู่อย่างแท้จริง

“ฝ่าบาท ผนึกมู่อวิ๋น เหลียงไหวโหรวเป็นคนทำลายจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเฉวียนไม่ได้โง่ ไม่ว่าฮ่องเต้จะทรงมองออกหรือไม่ แต่โทษทัณฑ์นี้เขาไม่มีทางยอมรับเอาไว้แน่ “อีกอย่างใจภักดีของกระหม่อมที่มีต่อฝ่าบาท ฟ้าดินเป็นพยานได้ เหตุใดต้องมีใจคิดกบฏด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”

วาจาชายหนุ่ม เอาไว้หลอกผีเถอะ

แล้วนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เซียวเฉวียนโกหกผู้ชายด้วยกัน

แต่ว่า นี่ก็เป็นคำลวงเพียงครึ่งเท่านั้น เขาไม่ได้มีใจคิดกบฎจริง ทุกสิ่งที่เขาคิดล้วนไม่ได้ทำเพื่อเป็นปฏิปักษ์กับฮ่องเต้ แต่เพื่อจัดการเว่ยเชียนชิวต่างหาก

ทุกสิ่งที่เขาทำ ล้วนมีประโยชน์ต่อฮ่องเต้ รวมถึงการทำลายผนึกมู่อวิ๋น ล้วนมีประโยชน์ต่อพระองค์ เพราะเป็นเช่นนี้เว่ยเชียนชิวก็จะสูญเสียการสนับสนุนจากบัณฑิตรัฐมู่อวิ๋น

หลายปีที่ผ่านมานี้ เว่ยเชียนชิวซ่อนผนึกมู่อวิ๋นนี้ไว้เป็นอย่างดี ของที่สำคัญเพียงนี้ ยังไม่ทันได้สำแดงอิทธฤทธิ์ใช้ประโยชน์อันใดก็มาพังในมือของเหลียงไหวโหรวแล้ว

เกรงว่ายามนี้เว่ยเชียนชิวคงจะโมโหยากจะระงับแล้วกระมัง

ดังนั้นขอเพียงฮ่องเต้ยินดีปกป้องเขา เซียวเฉวียนจึงใช้วาจาของตนเป็นอาวุธเต็มที่ ขอเพียงฮ่องเต้เชื่อเขา ฮ่องเต้จะต้องเชื่อเขาแน่

“ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่เจ้ากลับมาจากเกาะจูเสินแล้ว เหตุใดจึงเอาตัวออกจากห่างจากข้า? เหตุใดจึงยินยอมพนันตำแหน่งเจ้าสำนักศึกษาชิงหยวน แถมยังต้องการเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งเล่า?”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ทรงเริ่มไม่เข้าใจเซียวเฉวียนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

อย่างเช่นการที่เซียวเฉวียนไม่ยอมดำรงตำแหน่งดีๆ อย่างขุนนางชั้นสี แต่กลับวิ่งไปเป็นขุนนางที่ปรึกษาผู้หนึ่งนี่นะ

“ฝ่าบาท ไม่อาจปิดบังความจริง ที่ไปเป็นที่ปรึกษาก็เพื่อเรียนพลังแห่งถ้อยคำ ทำลายผนึกจูเสินพ่ะย่ะค่ะ”

วรกายมังกรของฮ่องเต้สะท้าน!

น้ำเสียงของเซียวเฉวียนพูดเบาอย่างยิ่งชัดๆ แต่พอเข้าสู่พระกรรณของฮ่องเต้แล้วกลับสะเทือนเลือนลั่นดังอัสนีเก้าชั้นฟ้า

ฮ่องเต้ทรงตกตะลึงจนเอื้อนเอ่ยวาจาไม่ได้แม้สักประโยค

เซียวเฉวียนเอ่ยวาจาเรียบเรื่อย พลางอธิบายต้นสายปลายเหตุอีกรอบหนึ่ง

“ทหารตระกูลเซียวกว่าห้าหมื่นนายของกระหม่อมตายอย่างอนาถ เป็นความชั่วช้าที่เว่ยเชียนชิวกระทำ กระหม่อมจะให้เขาชดใช้”

เซียวเฉวียนจ้องมองฮ่องเต้นิ่ง “แต่ว่าเขามีกองทัพชาวยุทธ์แท้ขนาดยักษ์ กระหม่อมทำได้แค่เพียงให้เหล่าผู้อารักขาสลัดจากการถูกตราประทับจูเสินสะกดเท่านั้น เพื่อให้พละกำลังเพิ่มทะยาน เช่นนั้นพวกเราถึงมีโอกาสที่จะชนะได้”

“พวกเรางั้นหรือ?” ฮ่องเต้ถามขึ้นอย่างสงสัยหนึ่งประโยค

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้ากำจัดเว่ยเชียนชิว เพื่อชายชาตรีตระกูลเซียวทั้งห้าหมื่นนายของข้า เพื่อที่จะทวงความยุติธรรมให้แก่อาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นเช่นนี้ฝ่าบาทก็จะสามารถดึงอำนาจปกครองต้าเว่ยกลับมาได้”

เซียวเฉวียนจับจ้องฮ่องเต้นิ่ง “ฝ่าบาท นั่งอยู่กลางวังหลวงเช่นนี้ แต่กลับไม่อาจดึงอำนาจของท่านกลับมา”

“บังอาจ!” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น พลางตะคอกเซียวเฉวียนประโยคหนึ่ง

ฮ่องเต้สาดน้ำเย็นใส่หน้าเซียวเฉวียน ใช่แล้ว เซียวเฉวียนไม่อาจจะทำลายมันหรอก เป็นไปไม่ได้แม้เพียงน้อย

เมื่อถูกโอรสสวรรค์ผู้สูงศักดิ์ที่หนึ่งในแดนดินเอ่ยปากตัดรอนเช่นนี้ หากเป็นคนธรรมดา ก็คงรู้สึกว่ากระทั่งบุตรสวรรค์โอรสมังกรยังคิดว่ากระทำเรื่องนี้ไม่ได้ เช่นนั้นก็คงจะไม่สำเร็จแล้วแน่แท้ ในเวลานี้ คนกว่าเก้าสิบเก้าส่วนก็คงจะล้มเลิกไป

แล้วยิ่ง การล้มเลิกนั้นไม่เสียหน้าแต่อย่างใด

แต่เซียวเฉวียนนั้นคือบุคคลจำนวนหนึ่งในร้อยส่วนที่ว่า

เขาทุ่มเททุกสิ่งเพื่อจะทำลายผนึกจูเสิน

เพราะว่า เซียวเฉวียนไม่เชื่อชะตาฟ้าลิขิต

เขาไม่เชื่อว่า ของเช่นนี้เป็นสิ่งที่กำหนดโดยฟากฟ้า

หากว่ามีชะตาดำรงอยู่จริง ของอย่างผนึกจูเสินที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็ทำร้ายผู้คน ยุแยงให้คนชิงชังกันเช่นนี้ ก็ไม่ควรเหลืออยู่บนโลก

สิ่งที่ข้าชอบย่อมดำรงต่อ สิ่งที่ข้าชิงชังควรหายไป

นี่คือมาตรวัดชีวิตของเซียวเฉวียน ฮี่ๆ

“เจ้า!” เมื่อฮ่องเต้ทรงได้สดับความคิดนี้ของเซียวเฉวียน เขาก็โมโหจนไม่เรียกขุนนางรักแล้ว “เซียวเฉวียน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผนึกจูเสินอันตรายเพียงใด?”

“เพื่อของที่เจ้าไม่มีวันชนะหนึ่งอย่างเช่นนั้น เจ้ากลับยอมลดระดับตัวเอง ลดตัวให้ต่ำต้อยลงไปเป็นขุนนางที่ปรึกษาชั้นเจ็ดเนี่ยนะ?”

“ขอฝ่าบาทเชื่อกระหม่อมด้วย ภายในหนึ่งเดือนกระหม่อมจะฝึกฝนศิลปะแห่งถ้อยคำมาได้แน่!” เซียวเฉวียนมองนิ่ง เขาไม่ยินยอมแสดงความอ่อนแอ สิ่งที่เรียกว่ายอมลดตัวลงต่ำนั้นมันคืออะไร เห็นได้ชัดว่าเขากำลังก้าวหน้าต่างหาก!

“เจ้า!”

“ฝ่าบาท! ทหารกองทัพเซียวกว่าห้าหมื่นนายของข้าตายตาไม่หลับ!” เซียวเฉวียนตาแดงก่ำ “ต่อให้เหลือความหวังเพียงเล็กน้อย! ข้าไม่มีทางยอมแพ้!”

“ชาวยุทธ์แท้ของเว่ยเชียนชิว จะอาศัยแค่บัณฑิตเพียงถ่ายเดียวนั้นไม่ได้! พวกเราต้องการผู้อารักขา! ผู้อารักขาที่มีพลังต่อสู้อันแข็งแกร่ง! และเทพสงครามที่แข็งแกร่งที่สุดของที่สุด!

“ข้าเองก็ต้องการบัณฑิตที่แข็งแกร่งที่สุด! บทกลอนที่แข็งกล้าที่สุด!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจึงมีคุณสมบัติจะคานอำนาจกับเว่ยเชียนชิว!”

ฮ่องเต้ผงะไป

ความหมายของเซียวเฉวียนนั้นคือ...

ตอนนี้กระทั่งตัวฮ่องเต้ก็ไม่มีคุณสมบัติในการคานอำนาจกับเว่ยเชียนชิวอย่างนั้นหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย