ณ จวนคุมประพฤติจงเหริน
ในที่สุด ฉินซูโหรวที่อ่อนเพลียอย่างมากก็ฟื้นขึ้น
ข้าหลวงหญิงกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่รอบตัวนาง มีทั้งคนที่ยกชามาให้ และมีทั้งคนที่เช็ดหน้าให้แก่นาง “ท่านหญิง ท่านฟื้นได้เสียทีนะเพคะ ไทเฮาทรงกระวนกระวายใจมาก”
“เสด็จยายก็มางั้นหรือ?”
ฉินซูโหรวมองซ้ายมองขวา แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของไทเฮา
“ไทเฮาทรงมีธุระ เพิ่งเสด็จกลับวังไปเมื่อครู่เพคะ” ข้าหลวงหญิงคนหนึ่งยกชาเข้ามา “ท่านหญิง ดื่มน้ำให้ชุ่มคอก่อนนะเพคะ”
ฉินซูโหรวปวดท้องอย่างมาก นางลูบที่หน้าท้องพลางถามอย่างอ่อนเพลีย “ลูกของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ท่านหญิง...” ข้าหลวงหญิงผู้นั้นขมวดคิ้วและพูดอย่างสงสาร “เด็กไม่อยู่แล้วเพคะ ท่านเสียใจมากเกินไปจึงมีเลือดออกมาก หมอหลวงยื้อชีวิตท่านไว้อย่างยากลำบากเพคะ”
“ไม่อยู่แล้วงั้นหรือ?”
ปากของฉินซูโหรวสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลออกสองข้าง ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความเจ็บปวด
นางมองไปยังเหล่าข้าหลวงหญิง พวกนางต่างแสดงออกถึงความสงสาร เหอะ ฉินซูโหรวให้พวกคนใช้ชั้นต่ำมาสงสารนางตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ไม่อยู่แล้วก็ไม่ต้องอยู่
อย่างไรเสียนางก็ไม่ต้องการเด็กคนนี้อยู่แล้ว
เหลียงไหวโหรวขอนางแต่งงาน แท้จริงแล้วก็เพื่อสวมรอยเป็นเซียวเฉวียน และร่วมรักกับนางอย่างสกปรกโสมมที่สุด
ในวันนี้เหลียงไหวโหรวได้สังหารท่านแม่ของนาง คนเช่นนี้คู่ควรที่จะให้นางกำเนิดบุตรให้งั้นหรือ?
“เซียวเฉวียนเป็นอย่างไรบ้าง? ร่างกายของเขาเป็นอะไรหรือไม่?”
ฉินซูโหรวรับน้ำมาจากข้าหลวงหญิงและดื่มเข้าไปหนึ่งอึก นางขมวดคิ้ว “ร้อนจังเลย”
พูดจบ นางก็วางแก้วน้ำไว้อีกด้านด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุด แม้ในวันนี้นางยังคงอยู่ในจวนคุมประพฤติจงเหริน แต่ก็มีไทเฮาคอยปกป้อง ฉินซูโหรวจึงรีบแสร้งทำเป็นมีเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที
คำถามน่าแปลกของนาง ถามเสียจนเหล่าข้าหลวงหญิงประหลาดใจเล็กน้อย เซียวเฉวียนงั้นหรือ?
เหตุใดท่านหญิงจึงเอ่ยปากถามถึงเซียวเฉวียน?
และร่างกายของเซียวเฉวียนจะเป็นอะไรได้เล่า?
เมื่อครู่ที่ไทเฮาทิ้งท่านหญิงและรีบเข้าไปในวัง ก็เพราะได้ยินว่าเซียวเฉวียนชุมนุมขุนนางทำสงครามลิ้น และยังคุยโวเต็มที่ว่าจะเชิญเว่ยเจียนกั๋วมา ไทเฮาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกลับเข้าวังก่อน
“นังคนรับใช้ชั้นต่ำ… มัวเหม่ออะไรอยู่! ท่านหญิงพูดกับเจ้า พวกเจ้าหูหนวกหรือเป็นใบ้กัน?”
ฉินซูโหรวที่ร่างกายอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไม่แก้ท่าทีที่เอาแต่ใจ ทำให้เหล่าข้าหลวงหญิงต่างตกใจและรีบคุกเข่าลงพื้น “ทูลท่านหญิง ตอนนี้ใต้เท้าเซียวกำลังทำราชกิจเช้าอยู่ในพระราชวัง และไม่มีข่าวว่าร่างกายผิดปกติอะไรเพคะ!”
อะไรนะ?
ไม่ผิดปกติงั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
ฉินซูโหรวขมวดคิ้ว นางและเซียวเฉวียนมีพันธะโลหิตต่อกัน! นางอ่อนเพลียเช่นนี้ เหตุใดเซียวเฉวียนจึงปลอดภัยดี?
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ต่อไปนางจะจับจุดอ่อนของเซียวเฉวียนได้อย่างไร?
และนางจะสามารถใช้สิ่งใดเพื่อมัดเซียวเฉวียนให้อยู่ข้างกายนาง?
“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาหลอกลวงท่านหญิง? หรือพวกเจ้าคิดว่าข้าอยู่ในจวนคุมประพฤติจงเหริน นอนป่วยอยู่บนเตียงจึงไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้?”
ใบหน้าที่งดงามของฉินซูโหรว ดูดุร้ายอย่างชัดเจนเพราะความชั่วร้าย “ข้าจะบอกให้พวกเจ้าได้รู้ เสด็จยายของข้าเป็นถึงไทเฮา! พวกเจ้าคนชั้นต่ำกล้าดีอย่างไรมาซ้ำเติมข้า คิดว่าพูดเช่นนี้แล้วจะหลอกข้าได้งั้นหรือ พวกเจ้าระวังชีวิตอันไร้ค่าของตัวเองไว้ให้ดีเถอะ!”
“ท่านหญิง บ่าวไม่ได้หลอกท่านนะเพคะ! บ่าวจะกล้าหลอกท่านหญิงได้อย่างไรเพคะ?”
ข้าหลวงหญิงอายุน้อยเหล่านี้ก็เป็นเพียงเด็กสาววัยแรกแย้ม ท่าทางของฉินซูโหรวทำให้พวกนางตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา “ใต้เท้าเซียวอยู่ที่พระราชวังจริง ๆ เพคะ! ไทเฮาทรงเสด็จกลับก็เป็นเพราะเขา!”
เหล่าข้าหลวงหญิงเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้นางฟังอย่างไม่กล้ารีบร้อน
นี่คือคำสั่งพิเศษจากไทเฮา ไทเฮารู้นิสัยของหลานสาวเป็นอย่างดี ด้วยกลัวว่านางจะผลีผลามร้อนใจเกินไป จึงให้ข้าหลวงหญิงรอฉินซูโหรวตื่นก่อน และเล่าเรื่องในตอนที่นางหมดสติให้นางฟัง
แต่ยังไม่ทันที่ข้าหลวงหญิงจะได้พูด ฉินซูโหรวก็เริ่มปะทุอารมณ์ออกมาเสียก่อน
เซียวจิงดวงตากลมโตที่มีน้ำเป็นประกาย
“เจ้ามาทำอะไร มาหัวเราะเยาะข้างั้นหรือ?”
ฉินซูโหรวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว เซียวจิงเป็นน้องสาวของเซียวเฉวียน ตอนที่เห็นนาง สายตาของฉินซูโหรวก็อ่อนโยนลงอย่างไม่รู้ตัว
ทว่าสีหน้าของตระกูลฉิน เซียวจิงจำได้ดีมาโดยตลอด
ในครั้งนั้น แม่ฉินตบหน้านางอย่างไร เซียวจิงจดจำได้อย่างชัดเจน
ท่านพี่ต้องทนทุกข์กับความอับอายและความอัปยศอดสูในตระกูลฉิน เซียวจิงไม่มีวันลืม
หลังจากเซียวเฉวียนถูกเนรเทศไปยังเกาะจูเสิน ดูเหมือนว่าเซียวจิงจะเติบโตขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน
เป็นเพราะท่านพี่เซียวเฉวียนบอกนางผ่านการกระทำ การร้องไห้คือสิ่งไร้ค่าที่สุดบนโลกใบนี้
เซียวจิงในวันนี้ได้สลัดคราบเด็กสาวไร้เดียงสาออกไป และกลายเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยไปเสียแล้ว
การมาของนางในวันนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อหัวเราะเยาะฉินซูโหรว แต่มาทำตามคำสั่งของท่านพี่
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สง่างามและชาญฉลาดของเซียวจิง เผยความน่ารักและรอยยิ้มที่ทำให้ฉินซูโหรวรู้สึกกลัวออกมา “คุณหนูใหญ่ฉิน หากท่านยอมมอบของบางสิ่ง วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตท่าน”
“มิเช่นนั้น...”
เซียวจิงเงยใบหน้าเล็กขึ้นอย่างหยิ่งยโส เหมิงเอ้าที่สูงใหญ่และแข็งแกร่งปรากฏอยู่ด้านหลังของนาง เขามองฉินซูโหรวด้วยความเยือกเย็น ราวกับว่าจะสับร่างฉินซูโหรวออกเป็นชิ้น ๆ เสียอย่างนั้น
“เจ้ากล้าทำร้ายข้างั้นหรือ?” ฉินซูโหรวกำหมัดแน่น ดีเสียจริง เมื่อหนึ่งปีก่อนเซียวจิงยังคงเป็นเด็กน้อยที่ขี้ขลาดและบอบบางคนหนึ่ง ตอนนี้กลับกล้าที่จะเหยียบหัวนางเสียแล้ว!
ใบหน้าที่เย็นชาและห้าวหาญของเซียวจิง ได้มาจากเซียวเฉวียนอย่างไม่ผิดเพี้ยน “ฉินปาฟางตายแล้ว แม่ของท่านก็ตายแล้ว ตระกูลฉินของท่านยังมีผู้ใดที่จะอยู่ยืนยงได้อีกบ้าง?”
คำพูดนี้ เสียดแทงก้นบึ้งหัวใจของฉินซูโหรว
นางเป็นคนที่ขี้ขลาดคนหนึ่ง นางเหลือบมองเหมิงเอ้าและมองเซียวจิง พร้อมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ “เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ข้าต้องการให้ท่านตัดพันธะโลหิตกับท่านพี่ของข้า”
เซียวจิงและเหมิงเอ้าจองนางเขม็ง ราวกับว่าหากขัดขืน นางและเหมิงเอ้าก็จะลงมือทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...