ตำหนักฉางหมิง หน้าตำหนัก บันไดจำนวนสามร้อยยี่สิบแปดขั้น
เว่ยเชียนชิวมาแล้ว
ครั้นเขาปรากฏตัว เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยต่างสูดลมหายใจเหน็บหนาวพลางมองเว่ยเชียนชิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็มองเซียวเฉวียนด้วยอารามยากจะเชื่อ นี่เว่ยเชียนชิวมาแล้วจริงๆ หรือ?
ฮ่องเต้สายตาเป็นประกาย เขาเอ่ยด้วยความยินดีเป็นที่สุด “เด็กๆ คุมตัวเหลียงไหวโหรวมา แล้วรีบให้หยดเลือดพิสูจน์เสีย”
จ้าวอีโต้วตัวสั่นทั้งร่าง สวรรค์เถอะ เว่ยเจี้ยนกั๋วตอบรับคำเชิญของเซียวเฉวียนอย่างนั้นหรือ?
ในจังหวะที่ทุกคนกำลังตื่นตะลึงกับการมาถึงของเว่ยเชียนชิว เซียวเฉวียนกลับไม่อยู่ในสภาวะนั้น
ตอนที่ฉินเซิงทำลายจุดตันเถียนของฉินซูโหรวนั้น มีพลังปรารขุมหนึ่งพุ่งกวาดเข้ากระแทกภายในจุดตันเถียนของเซียวเฉวียน กระแทกจนทำให้ทรวงอกของเซียวเฉวียนต้องสกัดกลั้นลมปราณ พูดกันตามตรง เขาใกล้จะอ้วกแล้ว
แต่ว่านี่คือวังหลวง หากว่าเขาอ้วกใส่ลงพื้น เช่นนั้นมิใช่ว่าเสียมารยาทหน้าตำหนักหรอกหรือ?
ความรู้สึกน่ารังเกียจที่มาโดยกะทันหันนี้ ล้วนเป็นเพราะกำลังสลัดจากสัญญาเลือดอยู่ ในเวลานี้ยามนี้ ความรู้สึกของเซียวเฉวียนกับฉินซูโหรวนั้นผูกเชื่อมเข้าด้วยกัน
และนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองคนมาผูกอยู่ด้วยกัน
แต่ว่าเซียวเฉวียนไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากสัญญาเลือด ตอนนี้เขาใกล้จะอ้วกแล้ว
เว่ยเชียนชิวเดินเข้ามาอย่างเปี่ยมด้วยบารมี พร้อมด้วยท่วงท่ามั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ละคนตรงนั้นล้วนประสานมือคารวะ ไม่กล้ากระทำสิ่งใดผิดเลยแม้สักนิด
มีเพียงเซียวเฉวียนที่ใกล้จะอ้วกแล้ว และไม่อยู่ในอาการนั้น
คนเหล่านั้นจะคารวะเว่ยเชียนชิวอย่างเคารพบูชามากเพียงใด หรือว่าจะประจบอย่างไร หรือว่าจะชื่นชมเว่ยเชียนชิวอย่างไร มีเพียงแค่เสียงหึ่งๆๆ อยู่ในหูของเซียวเฉวียนเท่านั้น
กระทั่งภาพเบื้องหน้าของเขายังพร่าเลือนขึ้นมาทั้งสิ้น
เว่ยเชียนชิวที่เปี่ยมไปด้วยบารมี ในสายตาของเซียวเฉวียนนั้นก็คล้ายกับมันฝรั่งชิ้นโตที่เดินได้ก็เท่านั้น
แถมยังเป็นมันฝรั่งที่มีแต่ขนยังไม่ได้ถอนเต็มลูกอีกด้วย
“เหอๆ...” เซียวเฉวียนรู้สึกขยะแขยงจนเริ่มเห็นภาพหลอน เขาพลันหัวเราะโง่งมสองเสียงดังเหอๆ
สวีซูผิงพลันขมวดคิ้วทันที เมื่อครู่เซียวเฉวียนยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดตอนนี้คล้ายจะไม่ปรกติขึ้นมากัน?
พระเจ้า!
อย่าเชียวนะ!
เซียวเฉวียนกำลังจะปะทะกับปีศาจบ้าอันดับหนึ่งของต้าเว่ยเลยนะ! แล้วเซียวเฉวียนจะไม่ปรกติเวลาไหนก็ช่างเถอะ แต่ดันทำตัวผิดปรกติใตอนนี้เนี่ยนะ?
สวีซูผิงกระทืบเท้า นี่มันเรื่องด่วนแทบตายแล้ว!
คารวะสิ!
รีบคารวะเขาเร็วเข้า!
ภายในใจของสวีซูผิงกำลังทอดถอนใจ แต่ว่าเซียวเฉวียนกลับยืนอย่างโง่งมอยู่ตรงที่เดิม สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มโง่ๆ เว่ยเชียนชิวเดินมาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว แต่เขากลับไม่มีท่าทีใดๆ แม้เพียงนิด
จะพูดว่าเซียวเฉวียนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว เช่นนี้ก็ไม่มากเกินไปหรอก
“ติ๋ง....”
มุมปากของเซียวเฉวียนนั้นดันมีน้ำลายไหลออกมาสายหนึ่งท่ามกลางสถานการณ์สุดแสนจะตึงเครียดอย่างไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
ฉินซูโหรวในจวนคุมประพฤติเจ็บปวดอย่างมาก สติของนางกับร่างกายเข้าสู่สภาวะสับสน ทำเอาเซียวเฉวียนเข้าสู่สภาวะล่องลอยไปด้วย
เขารู้ว่าด้านหน้าตนเป็นมันฝรั่งลูกหนึ่ง นามว่าเว่ยเชียนชิว
เซียวเฉวียนคิดจะทำการคารวะ แต่เขาขยับไม่ได้ มุมปากเพียงแค่ขยับเล็กน้อย ทว่าคุมไม่ได้จนกระทั่งมีน้ำลายไหลลงมา
อี๋ น่ารังเกียจนัก
เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ชมวดคิ้ว รังเกียจอย่างสุดแสน
ครั้งที่แล้วเซียวเฉวียนเกิดป่วยขึ้นมาในตำหนักฉางหมิงก่อเกิดศึกใหญ่หลวง ก็เป็นหมอหลวงที่ขี่ม้ารุดเข้ามารักษาอาการให้เขา แถมยังให้เย่าเหล่าเข้าวังด้วยตนเอง และเพราเหตุนี้ยังถือครองตำหนักฉางหมิงเพียงคนเดียว เป็นเหตุให้ไทเฮาเสด็จมา
สรุปก็คือ ทำเอาวันนั้นเป็นวันที่สายฟ้าฟาดถล่มแผ่นดินทลาย
เดิมทีเหล่าขุนนางทั้งหลายล้วนไม่เข้าใจ เซียวเฉวียนเป็นคนรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง เหตุใดพอจะป่วยก็ป่วยขึ้นมา
ตอนนี้ดูไปแล้ว ร่างกายของเซียวเฉวียนนั้นไม่ปรกติจริงๆ
เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊อดที่จะฉีกยิ้มขึ้นมาอย่างเงียบงันไม่ได้ ยังคิดเสียว่าเซียวเฉวียนที่มีคุณูปการทางการศึกจะองอาจกล้าหาญแค่ไหน สุดยอดแค่ไหน ที่แท้เขาก็เป็นไอ้ขี้โรคคนหนึ่ง
มิน่าละ ก่นหน้านี้จวิ้นจู่ยังต้องการแยกทางกับเซียวเฉวียน ดูไปแล้วการแยกทางกับเขานั้นถูกต้อง ในฐานะชายหนุ่มคนหนึ่งดูท่าเซียวเฉวียนจะไม่ได้เรื่องเลย
“ฝ่าบาท เรื่องนี้...”
ขันทีหม่าตกใจจนรู้สึกว่าเซียวเฉวียนไม่ปรกติ ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น เคราะห์ดี ต่อให้เซียวเฉวียนไม่อยู่ หยดเลือดพิสูจน์ความเป็นญาตินี้ก็ยังสามารถทำต่อได้
“เด็กๆ พาใต้เท้าเซียวไปพักผ่อนที่ข้างตำหนักเสีย”
ฮ่องเต้ทรงโบกพระหัตย์ จากนั้นขันทีสองคนก็มาหามตัวเซียวเฉวียนออกไป
และนี่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เซียวเฉวียนต้องการ
ตัวเขาเซียวเฉวียน เป็นถึงเจ้าสำนักชิงหยวนผู้ยิ่งใหญ่ เป็นถึงชายหนุ่มรุ่นกระทงผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ตอนนี้กลับน้ำลายไหลในตำหนักฉางหมิงคล้ายไอ้โง่คนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
แถมยังถูกลากตัวออกไปด้วย?
แน่นอนว่า หากเซียวเฉวียนได้สติเต็มตา เขาจะต้องคิดเช่นนี้แน่นอน
ทว่าตอนนี้สติของเขากลับเหมือนฉินซูโหรวก็ไม่ปาน ตกลงไปในความวุ่นวายสับสนและพร่าเลือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...