ไป่ฉียังคงจำเหตุการณ์นี้ได้ในอีกหลายปีต่อมา
เวลานี้ พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงสีเหลืองบางๆ ปกคลุมที่ผนังพระราชวัง
หลังจากข้าราชสำนักทั้งหมดออกไปแล้ว ไป่ฉีก็ยังอยู่รออีกนานๆ จนประตูพระราชวังใกล้จะปิด เซียวเฉวียนก็ออกมาในที่สุด
เจ้านายกลับมาแล้ว
แต่......
ไป่ฉีแทบจะจำไม่ได้เลย
ปกติดวงตาของเซียวเฉวียนเป็นประกายและแน่วแน่ แต่ตอนนี้เซียวเฉวียนยิ้มอย่างโง่เขลา ดวงตาของเขาเหม่อมองไปทางซ้ายทีขวาที กระโดดขึ้นลงเหมือนเป็นเด็กคนหนึ่ง
เขาจูงมือของเว่ยอวี๋และถือพวงลูกอมผลไม้อยู่ในมือของเขา แทะกินอย่างเอร็จอร่อย
ท่าทางนี้เกือบจะเหมือนกับเว่ยเป่าวัยสี่ห้าขวบ
"ฮ่า ๆ ! ไป่ฉี! เจ้ายังรออยู่เหรอ!"
ทุกคนที่ห่วงใยเซียวเฉวียนรู้สึกใจสลายที่เห็นเซียวเฉวียนในสภาพนี้ แต่เว่ยอวี๋เป็นคนเดียวที่มีความสุขมาก!
ต้องดีใจสิถึงจะถูก!
ปกติแล้วเซียวเฉวียนจะแข็งแกร่งมาก เว่ยอวี๋ทำได้แต่เป็นตัวติดตาม แต่ตอนนี้เซียวเฉวียนเรียกเว่ยอวี๋ว่าพี่ใหญ่ เรียกจนเว่ยอวี๋ไม่เพียงแต่มีความสุข ยังรู้สึกตัวลอยๆ เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
ให้เซียวเฉวียนมาเรียกเป็นพี่ใหญ่ได้ สมควรที่จะดีใจ!
”พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ดูสิ อารักขาของข้า” แม้ว่าเซียวเฉวียนจะโง่ แต่เขาก็ยังจำผู้คนได้
”เออ ๆ ๆ ข้ารู้แล้ว ทำตัวดีๆ นะ”
เว่ยอวี๋ได้คืบจะเอาศอก ถือโอกาสลูบหัวของเซียวเฉวียน เว่ยอวี๋ลูบอย่างมีความสุข ช่างเหลือเชื่อ เขายังลูบหัวของเซียวเฉวียนได้ด้วย
ไป่ฉีเหลือบมองเย่าเหล่าที่ตามหลังเขามาด้วยความสับสน เย่าเหล่าส่ายหัวทันทีด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"เรากลับกันก่อนเถอะ"
ไป่ฉีรับมือของเซียวเฉวียนจากมือของเว่ยอวี๋และต้องการพยุงเซียวเฉวียนขึ้นรถม้า แต่เซียวเฉวียนไม่เอาด้วย "ข้าอยากเดิน!"
ถ้าเดิน ก็จะมีคนเห็นเยอะ มันไม่ดี
เว่ยอวี๋รีบมาเกลี้ยกล่อม “นั่งรถม้าเร็วกว่า เราจะไม่เดิน”
”ไม่! ข้าอยากจะเดิน!”
ไม่ทันที่ไป่ฉีและพวกจะตั้งตัว เซียวเฉวียนก็วิ่งหลุดไปแล้ว!
"เจ้านาย!"
"เจ้านาย!"
เย่าเหล่าและไป่ฉีทำอะไรได้บ้าง พวกเขาทำได้แต่วิ่งตาม!
ไม่วิ่งก็ไม่เป็นไร พอวิ่งออกไปปุ๊บ ทีนี้ชาวบ้านทั่วเมืองหลวงก็รู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นเหมือนคนโง่ปัญญาอ่อน วิ่งไปทั่วในตลาด น้ำลายไหลย้อย คว้าซาลาเปาร้อนๆ ของคนอื่นแล้วยัดใส่ปากตัวเอง ไม่กลัวว่ามันจะไหม้ปากเอา
ด้วยเหตุนี้ ข่าวเกี่ยวกับความบ้าๆ บอๆ ของเซียวเฉวียนจึงไม่จำเป็นต้องถูกส่งผ่านโดยสายลับ แต่เซียวเฉวียนประกาศให้รู้แล้วเป็นการส่วนตัว
ที่จวนเซียว
ครอบครัวใหญ่กำลังนั่งวงล้อมรอบตัวเซียวเฉวียน
สมาชิกครอบครัวเซียวและบรรดาผู้อารักขาจ้องมองอย่างตาค้างไปที่เซียวเฉวียนที่กำลังเคี้ยวขาหมู ไม่รู้จะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี
ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเซียวรู้ดีว่าผู้คนข้างนอกเริ่มดูถูกตระกูลเซียวแล้ว แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังผิดหวังในตัวเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก
องค์จักรพรรดิอนุญาตให้เซียวเฉวียนลาป่วยเป็นเวลาหนึ่งเดือนเป็นพิเศษ ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ เซียวเฉวียนไม่จำเป็นต้องไปขึ้นราชสำนัก
นี่เป็นความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขององค์จักรพรรดิที่มีต่อเซียวเฉวียน
ถึงอย่างไร เซียวเฉวียนเคยให้คำสาบานว่าเขาจะทำหน้าที่เอี๋ยนกวนเป็นเวลา 1 เดือน หากมีข้อบิดพลิ้วในระหว่างหนึ่งเดือนนี้เขาจะขอสละตำแหน่งในชิงหยวน
เซียวเฉวียนไม่จำเป็นต้องขึ้นราชสำนักในเดือนนี้ เขาจะไม่มีโอกาสได้ทำผิด ตำแหน่งเจ้าของในชิงหยวนจึงรักษาไว้ได้อย่างแน่นอน
เซียวเฉวียนเป็นเหมือนเด็กคนหนึ่ง กินจนน้ำมันเลอะเต็มหน้า กินไปยิ้มไปอย่างคนปัญญาอ่อน ยังทำหน้าอิ่มอกอิ่มใจ
เจ้านายไม่อยู่ที่นี่แล้ว
ขอบตาไป่ฉีแดงก่ำ
ไป่ฉีเป็นคนแรกที่เชื่อมวิญญาณกับเซียวเฉวียน จะมีความคิดและรู้สึกแบบเดียวกับที่เซียวเฉวียนคิดและรู้สึก
วันนี้ความเร็วของเจ้านายเร็วขึ้นมาก แม้แต่คนที่วิ่งไวอย่างไป่ฉีและเหมิงเอ้ายังตามไม่ทันเหรอ?
ไป่ฉีและเหมิงเอ้ามองหน้ากัน พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หากจะใช้ศัพท์พรรณนาที่เซียวเฉวียนสอนพวกเขา เซียวเฉวียนในปัจจุบันก็เหมือนกับหนุ่มลมกรด เป็นลมชนิดที่พวกเขาไล่ยังไงก็ไล่ไม่ทัน!
ร่างกายของเซียวเฉวียนเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ
ถึงแม้สติของเขาจะไม่แจ่มแจ้ง แต่กำลังทางกายภาพของเขาเติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ
แต่ยกเว้นไป่ฉีและเหมิงเอ้า ไม่มีใครสังเกตเห็นข้อเท็จจริงนี้ ในเมื่อเซียวเฉวียนส่งเสียงเอะอะเกินไปและรุกร้นเกินไป เซียวเฉวียนไม่รู้สึกเหนื่อยแม้จะวิ่งสามรอบในจวนเซียวอันใหญ่โตกว้างขวางนี้
เจ้าสิบหกและพวกของเจ้าหนึ่งแค่แป๊บเดียวก็วิ่งตามไม่ทัน มีเพียงไป่ฉีและเหมิงเอ้าที่ยังพอกวดตามทันได้
สุดท้ายแม้แต่เหมิงเอ้าก็ตามไม่ทัน เขาชะงักอยู่ข้างถนนหายใจดังเสียงฮืดๆ เป็นบ้าอะไรเนี่ย เหมิงเอ้ากระทืบพื้น เดิมทีเขามีเพียงกำลังกายที่จะเอาชนะเจ้านายได้ แต่ตอนนี้ เขาไม่แม้แต่จะเทียบความแข็งแกร่งทางกายของเจ้านายได้เลย !
เหมิงเอ้า แฟนคลับตัวยงได้กลายเป็นแฟนคลับตัวแย่ของเซียวเฉวียนไปเสียแล้ว
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะกลายเป็นคนโง่ไป แต่เหมิงเอ้าก็ยังวิ่งตามคนโง่ไม่ทันนี่นา!
โชคดีที่เซียวเฉวียนได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว เขาได้มอบบ่อนการพนันและร้านอาหารให้กับอี้กุยและโย่วควนล่วงหน้า ขณะที่เว่ยอวี๋ก็นั่งประจำอยู่ในชิงหยวน ครั้งนี้เซียวเฉวียนป่วยกะทันหัน ทุกอย่างไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
เซียวเฉวียนหมดอารมณ์โมโหร้าย เว่ยอวี๋มีความสุขมาก แต่อี้กุยและโย่วควนกังวลแทบตาย
พวกเขาทั้งสองรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มุ่งเป้ามายังตระกูลเซียว
บ่อนการพนันจวี้เป่าฟางยังพอว่า ยังไงภายนอกมันก็ยังดูเป็นของอี้กุยและไม่มีใครกล้าแตะต้องมัน
แต่ร้านอาหารไม่เหมือนกัน ลูกค้าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดในทุกวัน
แม้ว่าหอปี้เซิ่งจะมีเหล้าฉยงซูที่หอมกรุ่น ตีนไก่รสเผ็ดชวนน้ำลายหก บะหมี่ผักดองที่อร่อยและเย้ายวน และมีโย่วควนร้องเพลงนิยายไซอิ๋วที่เซียวเฉวียนเรียบเรียงไว้ให้สำหรับทุกคน แต่ลูกค้าก็ยังลดน้อยลง
น้อยลงไปเรื่อยๆ
มีคนกำลังใช้วิธีที่มองไม่เห็น เพื่อรุกฆาตกิจการของเซียวเฉวียนทีละเล็กทีละน้อย
วิธีการนี้เร้นลับและเฉียบไว แตกต่างจากเมื่อก่อน
จะถือโอกาสที่เซียวเฉวียนป่วย ปลิดชีพเซียวเฉวียนให้ได้จริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...