ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 566

จวนตระกูลฉิน

เหมิงเอ้าพลันทุบโต๊ะดัง “ปั้ง” : "ท่านมิรู้จริง ๆ หรือว่าหากทำการยกเลิกพันธะโลหิตแล้วไซร้ นายท่านของข้าจักกลายเป็นคนบ้า?"

"ข้าไม่รู้จริงๆ"

ฉินเซิงที่เป็นซื่อตรงนั้น หากเขาเอ่ยออกมาว่าไม่รู้ นั่นแสดงว่าเขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ

“มาอาจรักษาเขาให้หายได้จริงๆ หรือ?” ฉินเซิงได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม น่าเสียดาย บุตรสาวของเขาก็ร่างกายพิกลพิการไปแล้ว เซียวเฉวียนยังมาเป็นคนบ้าเช่นนี้อีก

นับตั้งแต่เซียวเฉวียนกลายเป็นคนบ้านั้น นี่ก็เป็นเวลาสิบวันมาแล้ว

อย่าได้เอ่ยถึงว่าเซียวเฉวียนดีขึ้นหรือไม่ เขามีแต่แย่ลงเรื่อย ๆ วัน ๆ ล้วนเอาแต่ก่อความวุ่นวายอยู่ภายในจวนไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน หากมิใช่วิ่งโร่ลงไปจับปลาในบ่อ ก็ปีนขึ้นต้นไม้ไปกินใบไม้แทน

ในยามนี้ แม้แต่ไป๋ฉี่เองก็มิอาจควบคุมความซุกซนของนายท่านตัวเองได้ไหวอีกแล้ว เนื่องจากนายท่านมีเรี่ยวแรงเยอะยิ่งนัก ไป๋ฉี่มิอาจควบคุมเขาได้อีกต่อไป

ทุกวันนี้ ผู้คนภายในตระกูลเซียวต่างก็ออกไปเสาะหาหมอมามากมาย แต่ก็มิมีอันใดคืบหน้าขึ้นเลย

อีกทั้ง ทางฝั่งของเย่าเหล่าก็มิมีสิ่งใดคืบหน้า วัน ๆ เอาแต่เปิดตำราถอนหายใจไปมาด้วยความท้อแท้

ผู้คนภายในจวนตระกูลเซียวในยามนี้ต่างก็ทำอะไรไม่ถูก มีเพียงเว่ยอวี๋เท่านั้นที่มีความสุขยิ่งนัก วัน ๆ เอาแต่พาเซียวเฉวียนก่อความวุ่นวายให้วุ่น

เดิมทีเพียงแค่พวกเขาต้องมาต่อกรกับเจ้านายของตนเองก็นับว่าเหนื่อยพอแล้ว ในยามนี้ยังมามีเว่ยอวี๋คอยเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟให้ลุกโชติขึ้นอีก

เหมิงเอ้าที่ใกล้จะร่ำไห้ออกมานั้น เขามิอาจนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป พลางวิ่งมาถามฉินเซิงถึงที่นี่

เมื่อเห็นว่าฉินเซิงมิได้รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เหมิงเอ้าเองก็มิอาจเอ่ยอันใดออกมามากได้ จึงได้แต่หันไปเอ่ยเตือนกับฉินเซิงว่า "ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องที่นายท่านยกเลิกพันธะโลหิต ท่านแม่ทัพฉินได้โปรดช่วยเก็บเป็นความลับให้ด้วยเถิดขอรับ "

"เจ้าวางใจได้เลย......"

ฉินเซิงพลางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ๆ เดิมทีเขาคิดว่าเซียวเฉวียนจะล้มป่วยเพียงสองหรือสามวันเท่านั้น ผู้ใดจะไปคาดคิดว่าผ่านไปถึงสิบวัน เซียวเฉวียนก็ยังอาการมิดีขึ้นเลย

ภายในสิบวันนี้ เหลียงไหวโหรวจักต้องถูกประหารชีวิตแล้ว

ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานั้น ทุกคนต่างก็เอาแต่พูดถึงเซียวเฉวียน เมื่อเหลียงไหวโหรวจักต้องถูกประหารนั้นหาได้มีผู้ใดสนใจเขาไม่

มีเพียงเหล่าราษฎรทั่วไปที่ชื่นชอบชมเรื่องราวสนุก ๆ ไปดูการประหารตัดหัวของเหลียงไหวโหรวแทน

มิมีแม้แต่จวนตระกูลขุนนางอื่นใด รวมไปถึงของคนของตระกูลฉินเองก็มิไปดูเขาเช่นกัน

ก่อนที่เหลียงไหวโหรวจักต้องจบชีวิตลงนั้น เขาหาได้ยินยอมไม่ ทั้งยังทำการสังหารแม่ฉินอีก พร้อมทั้งคืนตราประทับมู่อวิ๋นที่ยึดไปให้พวกเขา ทว่า การกระทำเช่นนี้ก็มิได้เป็นการดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้มีอำนาจเลยสักนิด?

ฉินเซิงมิพอใจเป็นอย่างยิ่ง

ฉินเซิงที่ได้ยินมาว่า ก่อนที่เหลียงไหวโหรวจักตายนั้น เขาได้ร้องขอพบหน้าเซียวเฉวียนสักครั้ง

เหลียงไหวโหรวพลันกล่าวว่า เขาได้ทำการนัดหมายกับเซียวเฉวียนเอาไว้แล้ว

หากเป็นเซียวเฉวียนในสภาพปัจจุบันละก็ เขาย่อมมิสามารถรับปากนัดหมายเช่นนั้นลงไปได้แน่ ๆ อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้เลยที่หัวหน้าของเหล่าขุนนางจักทำการยอมรับคำร้องขอของเหลียงไหวโหรวอีกด้วย

เมื่อใกล้ถึงยามเที่ยงวัน ในยามที่เหลียงไหวโหรวกำลังจักต้องถูกตัดหัวนั้น ก่อนตายเขาพลันร้องตะโกนออกมาว่า "เซียวเฉวียน! เซียวเฉวียน! เจ้าสัญญากับข้าแล้ว! เหตุใดเจ้าไม่มา! ทำไมเจ้าไม่มา!"

“เจ้าผิดสัญญาต่อข้า!”

“เจ้ากล้าผิดคำพูดต่อข้าหรือ!”

มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเซียวเฉวียนทำสัญญาอันใดกับเหลียงไหวโหรวเอาไว ในยามที่หัวของเหลียงไหวโหรวตกลงบนพื้นนั้น สายตาของเขายังคงจับจ้องมองมีดาบของเพชฌฆาตเอาไว้ด้วยอารมณ์ของคนหมดหนทางและทำสิ่งใดมิถูก

ยามกรีดเลือดนับญาติในคราก่อนนั้น ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้วว่า

เหลียงไหวโหรวและเว่ยเชียนชิวมีสายสัมพันธ์พ่อลูกกัน

ยามที่เว่ยเชียนชิวเห็นผลที่ออกมานั้น เขาหาได้มีท่าทีโกรธโมโหออกมาไม่ กลับส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียจนเหล่าข้าราชบริพารที่อยู่ดูโดยรอบต่างก็รู้สึกขนหัวลุกไปตาม ๆ กันในทันที "ฮ่าฮ่าฮ่า! เซียวเฉวียนนะเซียวเฉวียน ช่างเป็นกลอุบายที่แยบยลเสียจริงๆ!"

ทว่า เว่ยเชียนชิวกลับปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาคือผู้ที่มอบตราประมู่อวิ๋นให้กับเหลียงไหวโหรว ดังนั้นเว่ยเชียนชิวจึงปัดเรื่องนี้ออกไปให้พ้นตัวได้อย่างสะอาดหมดจด

เว่ยเชียนชิวพลันกล่าวออกมาว่า ตราประทับมู่อวิ๋นนั้นหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอันใดกับจวนเจียนกั๋ว ต้องเป็นเหลียงไหวโหรวที่มิรู้ว่าตนเองไปขโมยมันมาจากที่ใดอย่างแน่นอน

สายตาของเหลียงไหวโหรวที่จับจ้องมองมายังเว่ยเชียนชิวนั้น เต็มไปด้วยความสิ้นหวังยิ่งนัก เขาดูเหมือนจะเอ่ยสิ่งใดออกมา แต่จนแล้วจนรอดเขาก็เก็บคำพูดกลืนลงไป พร้อมกับยอมรับแต่โดยดี

เหลียงไหวโหรวที่รั้งรอเซียวเฉวียนอยู่นั้น แต่เขาหาได้รู้ไม่ว่า จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็เกิดอาการป่วยขึ้นมา นั่นจึงทำให้เขามิได้พบหน้ากับเซียวเฉวียนอีก

นี่คือฉากเหตุการณ์ของลานประหารชีวิต

เหลียงไหวโหรวที่ร่ำไห้ออกมาราวกับสายเลือดในลานประหารนั้น เขาโวยวายออกมาอย่างบ้าคลั่งพลางกล่าวว่าต้องการเซียวเฉวียนให้ได้ หากแต่สุดท้ายแล้วนั้น เขาหาได้ทำสำเร็จไม่

เดิมทีคนของฝ่าบาทที่พยายามจะเข้าไปจับกุมตัวเว่ยเชียนชิวในข้อหากบฏของแผ่นดินนั้น มิคาดคิดเลยว่าเพียงเพราะการออกนอกสนามของเซียวเฉวียน จักทำให้พวกเขากล้าโต้แย้งเหล่าข้าราชบริพารคนอื่น ๆ นั่นจึงทำให้การจับกุมพวกเขาล้มเหลวลงไปในทันที

กุญแจสำคัญในการตัดสินลงโทษและจับกุมเว่ยเฉียนชิวนั้น อยู่ที่เหลียงไหวโหรว

ทว่า มิรู้เป็นเพราะอันใดเหลียงไหวโหรวจึงเอาแต่เรียกหาแต่เซียวเฉวียนเพียงผู้เดียว

ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะใช้กำลังขู่เข็ญเช่นไร หากแต่เหลียงไหวโหรวก็หาได้ยอมเอ่ยความจริงออกมาไม่

ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานั้น ทุกคนภายในจวนตระกูลเซียวรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก หากแต่เซียวเฉวียนและเว่ยอวี๋กลับเอาแต่เล่นสนุกอยู่ในจวน

"ขุด ขุด ขุด!"

ภายในจวนตระกูลเซียว เซียวเฉวียนพลางเอ่ยสั่งการออกมา

หลายวันที่ผ่านมานั้น ตระกูลเซียวต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหลทุกวัน ทั้งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าในยามนี้คล้ายจะเป็นบิดามารดาของเซียวเฉวียนไปทุกที เพื่อปกป้องเด็กชายที่ซุกซนเช่นเซียวเฉวียนนั้น พวกเขาต่างก็ต้องงัดกลุยุทธ์เกลี้ยกล่อมต่างนานาขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่อาจจัดการได้

“ให้ใต้เท้าหลี่มาพบเจอเรื่องที่น่าขบขันเช่นนี้แล้ว”

ในยามนี้องค์หญิงพลันโค้งกายทำความเคารพคนผู้หนึ่งเวลานี้ "เป็นอย่างที่ท่านเห็น สามีของข้ากำลังตกอยู่ในสถาพเช่นนี้"

หลี่มู่ที่เฝ้าดูสถานการณ์นับครึ่งชั่วยาม ท่าทีการแสดงออกของเซียวเฉวียนดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก หากจะเอ่ยว่ามีความใสซื่อก็ว่าได้ หากให้เขาเสแสร้งแกล้งทำออกมานั้น เซียวเฉวียนคงมิอาจแสร้งโง่ออกมาได้แนบเนียนเช่นนี้ได้แน่

“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ท่านจักปล่อยให้ใต้เท้าเซียวเป็นเช่นนี้ต่อไปงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

หลี่มู่ได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม หากมองดูเผิน ๆแล้วละก็สถานการณ์ของตระกูลเซียวดูนิ่งเงียบยิ่งนัก แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังตกในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเป็นอย่างมาก อีกทั้งเซียวเฉวียนยังมาเป็นเช่นนี้ นี่มิใช่ปล่อยให้ผู้อื่นมาเชือดลูกแกะตัวนิ่ม ๆ ได้อย่างง่ายดายหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของการกรีดเลือดนับญาติในคราก่อน เซียวเฉวียนก็ได้ไปทำให้เว่ยเชียนชิวขุ่นเคืองใจแล้ว ตระกูลเซียวจักต้องใจกว้างมากเพียงใดกัน ถึงได้คิดว่าสถานการ์ที่เซียวเฉวียนเป็นในยามนี้เรียกว่าดี

องค์หญิงพลันขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมกับรอบดวงตาที่แดงก่ำ "แม้แต่เย่าเหล่าก็ไม่อาจทำอันใดได้ ข้า... ก็จนปัญญาเช่นกัน"

จวนตระกูลเซียวกำลังตกอยู่ในอันตราย องค์หญิงหรือจะไม่รู้ได้อย่างไร? แต่ในฐานะที่นางเป็นนายหญิงของจวน นางจักตื่นตระหนกไม่ได้ นางทำได้เพียงคิดลอบคิดหาหนทางเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลี่มู่ที่ถือดาบไท่อาอยู่ในมือนั้น ได้แต่ส่ายหน้าไปมา หากเย่าเหล่ามิมีหนทาง เกรงว่าผู้อื่นก็คงไร้วิธีที่จะช่วยรักษาเซียวเฉวียนเช่นกัน

“องค์หญิง” ชิงกั่วหันมาโค้งกายคำนับ “ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบายนิดหน่อยเพคะ นางต้องการพบท่าน”

“ท่านแม่เจ็บหน้าอกอีกแล้วหรือ? ข้าจักไปเดี๋ยวนี้ ใต้เท้าหลี่ ข้าขออภัยที่ต้องเสียมารยาทเช่นนี้”

“น้อมส่งองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่มู่โค้งกายคำนับ องค์หญิงเพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะหันหน้าไปมองเซียวเฉวียน ในเวลานี้เซี่ยวเฉวียนกำลังต่อสู้กับเซี่ยวเฟิงอยู่ เซี่ยวเฟิงแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความอับอายเสียแล้ว

องค์หญิงจึงแย้มยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน

พระนางมองเซียวเฉวียนด้วยแววตาลึกซึ้งครู่หนึ่ง ก่อนค่อย ๆ ผละจากมา หลี่มู่เห็นนัยน์ตาของพระนางที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยในสายตาขององค์หญิงต้าถงได้เป็นอย่างดี

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่องค์หญิงปรากฏตัวต่อหน้าคนทุกคน

และสายตาที่จ้องมองมาในครานี้ ก็เป็นการมองครั้งสุดท้ายที่องค์หญิงมองไปที่เซียวเฉวียนเช่นกัน

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องค์หญิงต้าถงก็ได้หายตัวไปในทันที

มิมีผู้ใดพบเห็น

ทุกคนล้วนแต่รู้เรื่องนี้ทั้งหมด หากแต่เซียวเฉวียนหาได้รู้เรื่องไม่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย