จวนตระกูลฉิน
เหมิงเอ้าพลันทุบโต๊ะดัง “ปั้ง” : "ท่านมิรู้จริง ๆ หรือว่าหากทำการยกเลิกพันธะโลหิตแล้วไซร้ นายท่านของข้าจักกลายเป็นคนบ้า?"
"ข้าไม่รู้จริงๆ"
ฉินเซิงที่เป็นซื่อตรงนั้น หากเขาเอ่ยออกมาว่าไม่รู้ นั่นแสดงว่าเขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ
“มาอาจรักษาเขาให้หายได้จริงๆ หรือ?” ฉินเซิงได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม น่าเสียดาย บุตรสาวของเขาก็ร่างกายพิกลพิการไปแล้ว เซียวเฉวียนยังมาเป็นคนบ้าเช่นนี้อีก
นับตั้งแต่เซียวเฉวียนกลายเป็นคนบ้านั้น นี่ก็เป็นเวลาสิบวันมาแล้ว
อย่าได้เอ่ยถึงว่าเซียวเฉวียนดีขึ้นหรือไม่ เขามีแต่แย่ลงเรื่อย ๆ วัน ๆ ล้วนเอาแต่ก่อความวุ่นวายอยู่ภายในจวนไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน หากมิใช่วิ่งโร่ลงไปจับปลาในบ่อ ก็ปีนขึ้นต้นไม้ไปกินใบไม้แทน
ในยามนี้ แม้แต่ไป๋ฉี่เองก็มิอาจควบคุมความซุกซนของนายท่านตัวเองได้ไหวอีกแล้ว เนื่องจากนายท่านมีเรี่ยวแรงเยอะยิ่งนัก ไป๋ฉี่มิอาจควบคุมเขาได้อีกต่อไป
ทุกวันนี้ ผู้คนภายในตระกูลเซียวต่างก็ออกไปเสาะหาหมอมามากมาย แต่ก็มิมีอันใดคืบหน้าขึ้นเลย
อีกทั้ง ทางฝั่งของเย่าเหล่าก็มิมีสิ่งใดคืบหน้า วัน ๆ เอาแต่เปิดตำราถอนหายใจไปมาด้วยความท้อแท้
ผู้คนภายในจวนตระกูลเซียวในยามนี้ต่างก็ทำอะไรไม่ถูก มีเพียงเว่ยอวี๋เท่านั้นที่มีความสุขยิ่งนัก วัน ๆ เอาแต่พาเซียวเฉวียนก่อความวุ่นวายให้วุ่น
เดิมทีเพียงแค่พวกเขาต้องมาต่อกรกับเจ้านายของตนเองก็นับว่าเหนื่อยพอแล้ว ในยามนี้ยังมามีเว่ยอวี๋คอยเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟให้ลุกโชติขึ้นอีก
เหมิงเอ้าที่ใกล้จะร่ำไห้ออกมานั้น เขามิอาจนิ่งนอนใจได้อีกต่อไป พลางวิ่งมาถามฉินเซิงถึงที่นี่
เมื่อเห็นว่าฉินเซิงมิได้รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เหมิงเอ้าเองก็มิอาจเอ่ยอันใดออกมามากได้ จึงได้แต่หันไปเอ่ยเตือนกับฉินเซิงว่า "ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องที่นายท่านยกเลิกพันธะโลหิต ท่านแม่ทัพฉินได้โปรดช่วยเก็บเป็นความลับให้ด้วยเถิดขอรับ "
"เจ้าวางใจได้เลย......"
ฉินเซิงพลางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ๆ เดิมทีเขาคิดว่าเซียวเฉวียนจะล้มป่วยเพียงสองหรือสามวันเท่านั้น ผู้ใดจะไปคาดคิดว่าผ่านไปถึงสิบวัน เซียวเฉวียนก็ยังอาการมิดีขึ้นเลย
ภายในสิบวันนี้ เหลียงไหวโหรวจักต้องถูกประหารชีวิตแล้ว
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานั้น ทุกคนต่างก็เอาแต่พูดถึงเซียวเฉวียน เมื่อเหลียงไหวโหรวจักต้องถูกประหารนั้นหาได้มีผู้ใดสนใจเขาไม่
มีเพียงเหล่าราษฎรทั่วไปที่ชื่นชอบชมเรื่องราวสนุก ๆ ไปดูการประหารตัดหัวของเหลียงไหวโหรวแทน
มิมีแม้แต่จวนตระกูลขุนนางอื่นใด รวมไปถึงของคนของตระกูลฉินเองก็มิไปดูเขาเช่นกัน
ก่อนที่เหลียงไหวโหรวจักต้องจบชีวิตลงนั้น เขาหาได้ยินยอมไม่ ทั้งยังทำการสังหารแม่ฉินอีก พร้อมทั้งคืนตราประทับมู่อวิ๋นที่ยึดไปให้พวกเขา ทว่า การกระทำเช่นนี้ก็มิได้เป็นการดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้มีอำนาจเลยสักนิด?
ฉินเซิงมิพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉินเซิงที่ได้ยินมาว่า ก่อนที่เหลียงไหวโหรวจักตายนั้น เขาได้ร้องขอพบหน้าเซียวเฉวียนสักครั้ง
เหลียงไหวโหรวพลันกล่าวว่า เขาได้ทำการนัดหมายกับเซียวเฉวียนเอาไว้แล้ว
หากเป็นเซียวเฉวียนในสภาพปัจจุบันละก็ เขาย่อมมิสามารถรับปากนัดหมายเช่นนั้นลงไปได้แน่ ๆ อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้เลยที่หัวหน้าของเหล่าขุนนางจักทำการยอมรับคำร้องขอของเหลียงไหวโหรวอีกด้วย
เมื่อใกล้ถึงยามเที่ยงวัน ในยามที่เหลียงไหวโหรวกำลังจักต้องถูกตัดหัวนั้น ก่อนตายเขาพลันร้องตะโกนออกมาว่า "เซียวเฉวียน! เซียวเฉวียน! เจ้าสัญญากับข้าแล้ว! เหตุใดเจ้าไม่มา! ทำไมเจ้าไม่มา!"
“เจ้าผิดสัญญาต่อข้า!”
“เจ้ากล้าผิดคำพูดต่อข้าหรือ!”
มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเซียวเฉวียนทำสัญญาอันใดกับเหลียงไหวโหรวเอาไว ในยามที่หัวของเหลียงไหวโหรวตกลงบนพื้นนั้น สายตาของเขายังคงจับจ้องมองมีดาบของเพชฌฆาตเอาไว้ด้วยอารมณ์ของคนหมดหนทางและทำสิ่งใดมิถูก
ยามกรีดเลือดนับญาติในคราก่อนนั้น ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้วว่า
เหลียงไหวโหรวและเว่ยเชียนชิวมีสายสัมพันธ์พ่อลูกกัน
ยามที่เว่ยเชียนชิวเห็นผลที่ออกมานั้น เขาหาได้มีท่าทีโกรธโมโหออกมาไม่ กลับส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียจนเหล่าข้าราชบริพารที่อยู่ดูโดยรอบต่างก็รู้สึกขนหัวลุกไปตาม ๆ กันในทันที "ฮ่าฮ่าฮ่า! เซียวเฉวียนนะเซียวเฉวียน ช่างเป็นกลอุบายที่แยบยลเสียจริงๆ!"
ทว่า เว่ยเชียนชิวกลับปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาคือผู้ที่มอบตราประมู่อวิ๋นให้กับเหลียงไหวโหรว ดังนั้นเว่ยเชียนชิวจึงปัดเรื่องนี้ออกไปให้พ้นตัวได้อย่างสะอาดหมดจด
เว่ยเชียนชิวพลันกล่าวออกมาว่า ตราประทับมู่อวิ๋นนั้นหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอันใดกับจวนเจียนกั๋ว ต้องเป็นเหลียงไหวโหรวที่มิรู้ว่าตนเองไปขโมยมันมาจากที่ใดอย่างแน่นอน
สายตาของเหลียงไหวโหรวที่จับจ้องมองมายังเว่ยเชียนชิวนั้น เต็มไปด้วยความสิ้นหวังยิ่งนัก เขาดูเหมือนจะเอ่ยสิ่งใดออกมา แต่จนแล้วจนรอดเขาก็เก็บคำพูดกลืนลงไป พร้อมกับยอมรับแต่โดยดี
เหลียงไหวโหรวที่รั้งรอเซียวเฉวียนอยู่นั้น แต่เขาหาได้รู้ไม่ว่า จู่ ๆ เซียวเฉวียนก็เกิดอาการป่วยขึ้นมา นั่นจึงทำให้เขามิได้พบหน้ากับเซียวเฉวียนอีก
นี่คือฉากเหตุการณ์ของลานประหารชีวิต
เหลียงไหวโหรวที่ร่ำไห้ออกมาราวกับสายเลือดในลานประหารนั้น เขาโวยวายออกมาอย่างบ้าคลั่งพลางกล่าวว่าต้องการเซียวเฉวียนให้ได้ หากแต่สุดท้ายแล้วนั้น เขาหาได้ทำสำเร็จไม่
เดิมทีคนของฝ่าบาทที่พยายามจะเข้าไปจับกุมตัวเว่ยเชียนชิวในข้อหากบฏของแผ่นดินนั้น มิคาดคิดเลยว่าเพียงเพราะการออกนอกสนามของเซียวเฉวียน จักทำให้พวกเขากล้าโต้แย้งเหล่าข้าราชบริพารคนอื่น ๆ นั่นจึงทำให้การจับกุมพวกเขาล้มเหลวลงไปในทันที
กุญแจสำคัญในการตัดสินลงโทษและจับกุมเว่ยเฉียนชิวนั้น อยู่ที่เหลียงไหวโหรว
ทว่า มิรู้เป็นเพราะอันใดเหลียงไหวโหรวจึงเอาแต่เรียกหาแต่เซียวเฉวียนเพียงผู้เดียว
ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะใช้กำลังขู่เข็ญเช่นไร หากแต่เหลียงไหวโหรวก็หาได้ยอมเอ่ยความจริงออกมาไม่
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานั้น ทุกคนภายในจวนตระกูลเซียวรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก หากแต่เซียวเฉวียนและเว่ยอวี๋กลับเอาแต่เล่นสนุกอยู่ในจวน
"ขุด ขุด ขุด!"
ภายในจวนตระกูลเซียว เซียวเฉวียนพลางเอ่ยสั่งการออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...