วันที่สิบสองของวันที่เซียวเฉวียนเป็นบ้า
หลังจากที่องค์หญิงมิอยู่เป็นวันที่สองนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเซียวพลันปิดข่าวการหายตัวไปขององค์หญิงเสียมิดชิด
ในขณะเดียวกัน องค์ชายจากซินเจียงทั้งสองพระองค์นั้นก็ได้ขอตัวลากลับไป
เนื่องจากพวกเขามาเยือนต้าเว่ยนานแล้ว ได้เวลาอันสมควรที่พวกเขาจักต้องกลับไปยังแคว้นของตนเองเสียที
เพื่อเป็นการเลี้ยงส่งองค์ชายทั้งสองพระองค์นั้น ทางฝั่งพระราชวังจึงได้จัดงานเลี้ยงอำลาขึ้นมาให้ในทันที
ทว่า ทั้งเซียวเฉวียนและองค์หญิงต้าถงหาได้มาปรากฏตัวร่วมงานไม่ บางคนกล่าวว่าโดยสภาพของพระราชบุตรเขยเช่นเซียวเฉวียนในยามนี้ องค์หญิงจะมีหน้าตาไปพบปะผู้คนได้เช่นไรกัน หากผู้อื่นเป็นพระนางละก็ พวกเขายอมที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไกล เพื่อที่จะได้มิเป็นการขายหน้าผู้คนเช่นเดียวกัน
ส่วนองค์ชายจากซินเจียงทั้งสองพระองค์นั้น หาได้เอ่ยถามอันใดไม่ ว่าเป็นเพราะเหตุใดว่าทั้งน้องสาวของตนและน้องเขยถึงได้มิมาร่วมงาน นั่นจึงทำให้คนนอกรู้สึกว่า องค์ชายจากซินเจียงทั้งสองพระองค์คงจะรู้สึกว่าน้องเขยเช่นเซียวเฉวียนไร้ประโยชน์ยิ่งนัก หากมิพบหน้าก็มิได้เป็นอันใด
ส่วนการแลกเปลี่ยนระหว่างซินเจียงและต้าเว่ยนั้น หากตัดเรื่องราชบุตรเขยเช่นเซียวเฉวียนออกไปแล้วไซร้ การแลกเปลี่ยนระหว่างมหาอำนาจทั้งสองแคว้นก็นับว่าเป็นไปด้วยความพึงพอใจ
ฉะนั้นแล้ว ยามที่องค์ชายแห่งซินเจียงจากไปนั้น พวกเขาจึงเดินทางออกไปอย่างมีความสุข
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้านึงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่าองค์ชายทั้งสองพระองค์นั้นจักต้องเป็นผู้ที่พาตัวองค์หญิงไปอย่างแน่นอน ทว่า หลังจากที่พวกเขาลอบสืบหาตามหาผู้คนภายในคณะทูตของแคว้นซินเจียงนั้น หาได้พบเจอองค์หญิงต้าถงไม่
เป็นไปไม่ได้สิ
ทั้งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าต่างนึกสงสัยยิ่งนัก เมื่อไม่กี่วันก่อนองค์ชายทั้งสองพระองค์ยังทะเลาะเบาะแว้งโหวกแหวกโวยวายว่าต้องการพาองค์หญิงติดตามกลับไปด้วย ทว่า องค์หญิงมิยอมติดตามกลับไป ทั้งสองพระองค์ยังตามราวีไม่เลิก
หากแต่ในยามนี้ พวกเขากลับเดินทางกลับไปด้วยสีหน้าเป็นสุขเช่นนี้ พวกท่านมิต้องการองค์หญิงที่เป็นถึงน้องสาวของพวกเขาแล้วหรือ?
องค์หญิงจักต้องถูกพวกเขาพาตัวไปอย่างแน่นอน
ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าหาได้วางใจไม่ พวกเขาลอบติดตามคณะทูตของซินเจียงอยู่นานถึงสามวัน ทว่า พวกเขาก็มิอาจพบเรื่องราวที่น่าสนใจแต่อย่างใด
หากว่านายท่านได้สติขึ้นมาแล้วมิพบองค์หญิงเล่า พวกเขาจักทำเช่นไร?
ทว่า สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ในท้องขององค์หญิงยังมีก้อนเลือดเนื้อเชื้อไขของนายท่านอยู่ด้วย!
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเซียวเฉวียนยังมีสภาพเป็นเช่นนี้ ทั้งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าจึงมิอาจติดตามคณะทูตซินเจียงไปได้ตลอด พวกเขายังจำเป็นที่จะต้องปกป้องตระกูลเซียวเอาไว้ มิให้ผู้ใดเข้ามาข่มเหงรังแกเอาได้
มิมีทางเลือก เมื่อไป๋ฉี่และเหมิงเอ้ามิพบเห็นองค์หญิงมานานหลายวันนั้น พวกเขาจึงถอยหลังกลับไปตั้งหลักที่เมืองหลวงในทันที
"หึ"
องค์ชายสามพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชา ก่อนจะหันกลับไปมองร่างของไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าที่หายลับสายตาของตนเองไป พลางกลอกสายตาไปมาด้วยท่าทีมิสบอารมณ์ยิ่งนัก ตามติดไม่เลิกจริง ๆ
“น้องห้าเจ้าทำใจตามพี่กลับไปที่ซินเจียงเสียเถิด เจ้าวางใจได้ คนของต้าเว่ยย่อมคิดว่าเจ้าได้ตกตายไปแล้วเป็นแน่”
องค์ชายสามพลันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเก็บมีดที่ชี้ไปที่ท้องขององค์หญิงต้าถงกลับออกมา "หากเจ้าเชื่อฟังคำข้า เด็กคนนี้พี่จักยอมให้เจ้าคลอดออกมาแต่โดยดี หากเจ้ามิยอมกลับไปกับพี่ ยังดื้อด้านที่จะอยู่ในต้าเว่ยละก็ เจ้าเด็กนี่คงมิอาจเก็บไว้ได้อีก "
องค์ชายสามพลันมองไปยัง "องค์ชายห้า" ที่นั่งอยู่ภายในรถม้าด้วยความเย่อหยิ่งทว่าก็ปนไปด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกัน
ที่แท้องค์หญิงต้าถงได้ทำการปลอมตัวเป็นองค์ชายสาม
เดิมทีองค์หญิงต้าถงและองค์ชายห้านั้นเป็นฝาแฝดกัน ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของพวกเขาจะไม่ได้คล้ายกันมากนัก ทว่า หากได้ทำการปลอมตัวแล้วไซร้ ย่อมสามารถหลอกผู้อื่นได้มากถึงเก้าส่วนเลยทีเดียว
รวมไปถึงไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า ต่างก็เป็นบุรุษหยาบกระด้าง ทั้งยังมิค่อยได้ใกล้ชิดกับองค์หญิงต้าถงมากนัก พวกเขาจึงมิรู้เรื่องดวงตาและลักษณะท่าทางขององค์หญิงต้าถงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงต้าถงยังถูกกักขังอยู่ในรถม้าและมิสามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีก เนื่องจากปลายมีดในมือขององค์ชายสามที่จี้ไปที่หน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยของนาง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งองค์หญิงและไป๋ฉี่จึงได้คลาดกันไป
ส่วนองค์ชายห้าตัวจริงนั้น กำลังออกเดินทางจากประตูเมืองอีกฟากหนึ่ง เพื่อตามมาสมทบกับขบวนของคณะทูตซินเจียงในอีกสองวันให้หลัง
เหล่าคณะทูตจากซินเจียงจึงเร่งฝีม้าเพื่อเดินทางกลับแคว้นซินเจียงไปในทันที
องค์หญิงที่ต้องห่างจากเซียวเฉวียนไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ
พระนางเหม่อมองพระอาทิตย์อัสดงอยู่ไกล ๆ พร้อมด้วยหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลลงมาเป็นทางยาวทั้งสองข้าง ด้วยท่าทีหมดหนทาง
“บุรุษที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ สมควรจะมีบุตรและภรรยาด้วยหรือ?”
เมื่อองค์ชายสามเห็นน้องสาวของตนเองโศกเศร้าถึงเพียงนั้น ก็หาได้เอ่ยวาจาปลอบใจขึ้นมาสักคำไม่ ทั้งยังเหยียบย่ำซ้ำเติมเซียวเฉวียนอย่างรุนแรงอีกด้วย
“มิจำเป็นต้องคิดถึงเซียวเฉวียนอีกต่อไป” องค์ชายสามเอ่ยพึมพำออกมา “เมื่อเจ้ากลับไปยังซินเจียงเมื่อใดนั้น ก็เตรียมคลอดบุตรออกมาเสีย แล้วจึงนำเด็กคนนี้ไปให้ผู้อื่นชุบเลี้ยง เจ้าค่อยแต่งออกไปใหม่อีกคราหนึ่ง”
“ทุกอย่างย่อมสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เจ้าเองก็สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าตอนนี้ได้อีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า เจ้าสามารถมีชีวิตดั่งองค์หญิงคนหนึ่งได้เช่นกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...