ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 567

วันที่สิบสองของวันที่เซียวเฉวียนเป็นบ้า

หลังจากที่องค์หญิงมิอยู่เป็นวันที่สองนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเซียวพลันปิดข่าวการหายตัวไปขององค์หญิงเสียมิดชิด

ในขณะเดียวกัน องค์ชายจากซินเจียงทั้งสองพระองค์นั้นก็ได้ขอตัวลากลับไป

เนื่องจากพวกเขามาเยือนต้าเว่ยนานแล้ว ได้เวลาอันสมควรที่พวกเขาจักต้องกลับไปยังแคว้นของตนเองเสียที

เพื่อเป็นการเลี้ยงส่งองค์ชายทั้งสองพระองค์นั้น ทางฝั่งพระราชวังจึงได้จัดงานเลี้ยงอำลาขึ้นมาให้ในทันที

ทว่า ทั้งเซียวเฉวียนและองค์หญิงต้าถงหาได้มาปรากฏตัวร่วมงานไม่ บางคนกล่าวว่าโดยสภาพของพระราชบุตรเขยเช่นเซียวเฉวียนในยามนี้ องค์หญิงจะมีหน้าตาไปพบปะผู้คนได้เช่นไรกัน หากผู้อื่นเป็นพระนางละก็ พวกเขายอมที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไกล เพื่อที่จะได้มิเป็นการขายหน้าผู้คนเช่นเดียวกัน

ส่วนองค์ชายจากซินเจียงทั้งสองพระองค์นั้น หาได้เอ่ยถามอันใดไม่ ว่าเป็นเพราะเหตุใดว่าทั้งน้องสาวของตนและน้องเขยถึงได้มิมาร่วมงาน นั่นจึงทำให้คนนอกรู้สึกว่า องค์ชายจากซินเจียงทั้งสองพระองค์คงจะรู้สึกว่าน้องเขยเช่นเซียวเฉวียนไร้ประโยชน์ยิ่งนัก หากมิพบหน้าก็มิได้เป็นอันใด

ส่วนการแลกเปลี่ยนระหว่างซินเจียงและต้าเว่ยนั้น หากตัดเรื่องราชบุตรเขยเช่นเซียวเฉวียนออกไปแล้วไซร้ การแลกเปลี่ยนระหว่างมหาอำนาจทั้งสองแคว้นก็นับว่าเป็นไปด้วยความพึงพอใจ

ฉะนั้นแล้ว ยามที่องค์ชายแห่งซินเจียงจากไปนั้น พวกเขาจึงเดินทางออกไปอย่างมีความสุข

ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้านึงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่าองค์ชายทั้งสองพระองค์นั้นจักต้องเป็นผู้ที่พาตัวองค์หญิงไปอย่างแน่นอน ทว่า หลังจากที่พวกเขาลอบสืบหาตามหาผู้คนภายในคณะทูตของแคว้นซินเจียงนั้น หาได้พบเจอองค์หญิงต้าถงไม่

เป็นไปไม่ได้สิ

ทั้งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าต่างนึกสงสัยยิ่งนัก เมื่อไม่กี่วันก่อนองค์ชายทั้งสองพระองค์ยังทะเลาะเบาะแว้งโหวกแหวกโวยวายว่าต้องการพาองค์หญิงติดตามกลับไปด้วย ทว่า องค์หญิงมิยอมติดตามกลับไป ทั้งสองพระองค์ยังตามราวีไม่เลิก

หากแต่ในยามนี้ พวกเขากลับเดินทางกลับไปด้วยสีหน้าเป็นสุขเช่นนี้ พวกท่านมิต้องการองค์หญิงที่เป็นถึงน้องสาวของพวกเขาแล้วหรือ?

องค์หญิงจักต้องถูกพวกเขาพาตัวไปอย่างแน่นอน

ไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าหาได้วางใจไม่ พวกเขาลอบติดตามคณะทูตของซินเจียงอยู่นานถึงสามวัน ทว่า พวกเขาก็มิอาจพบเรื่องราวที่น่าสนใจแต่อย่างใด

หากว่านายท่านได้สติขึ้นมาแล้วมิพบองค์หญิงเล่า พวกเขาจักทำเช่นไร?

ทว่า สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ในท้องขององค์หญิงยังมีก้อนเลือดเนื้อเชื้อไขของนายท่านอยู่ด้วย!

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเซียวเฉวียนยังมีสภาพเป็นเช่นนี้ ทั้งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าจึงมิอาจติดตามคณะทูตซินเจียงไปได้ตลอด พวกเขายังจำเป็นที่จะต้องปกป้องตระกูลเซียวเอาไว้ มิให้ผู้ใดเข้ามาข่มเหงรังแกเอาได้

มิมีทางเลือก เมื่อไป๋ฉี่และเหมิงเอ้ามิพบเห็นองค์หญิงมานานหลายวันนั้น พวกเขาจึงถอยหลังกลับไปตั้งหลักที่เมืองหลวงในทันที

"หึ"

องค์ชายสามพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมาด้วยความเย็นชา ก่อนจะหันกลับไปมองร่างของไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าที่หายลับสายตาของตนเองไป พลางกลอกสายตาไปมาด้วยท่าทีมิสบอารมณ์ยิ่งนัก ตามติดไม่เลิกจริง ๆ

“น้องห้าเจ้าทำใจตามพี่กลับไปที่ซินเจียงเสียเถิด เจ้าวางใจได้ คนของต้าเว่ยย่อมคิดว่าเจ้าได้ตกตายไปแล้วเป็นแน่”

องค์ชายสามพลันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเก็บมีดที่ชี้ไปที่ท้องขององค์หญิงต้าถงกลับออกมา "หากเจ้าเชื่อฟังคำข้า เด็กคนนี้พี่จักยอมให้เจ้าคลอดออกมาแต่โดยดี หากเจ้ามิยอมกลับไปกับพี่ ยังดื้อด้านที่จะอยู่ในต้าเว่ยละก็ เจ้าเด็กนี่คงมิอาจเก็บไว้ได้อีก "

องค์ชายสามพลันมองไปยัง "องค์ชายห้า" ที่นั่งอยู่ภายในรถม้าด้วยความเย่อหยิ่งทว่าก็ปนไปด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกัน

ที่แท้องค์หญิงต้าถงได้ทำการปลอมตัวเป็นองค์ชายสาม

เดิมทีองค์หญิงต้าถงและองค์ชายห้านั้นเป็นฝาแฝดกัน ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของพวกเขาจะไม่ได้คล้ายกันมากนัก ทว่า หากได้ทำการปลอมตัวแล้วไซร้ ย่อมสามารถหลอกผู้อื่นได้มากถึงเก้าส่วนเลยทีเดียว

รวมไปถึงไป๋ฉี่และเหมิงเอ้า ต่างก็เป็นบุรุษหยาบกระด้าง ทั้งยังมิค่อยได้ใกล้ชิดกับองค์หญิงต้าถงมากนัก พวกเขาจึงมิรู้เรื่องดวงตาและลักษณะท่าทางขององค์หญิงต้าถงมาก

ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงต้าถงยังถูกกักขังอยู่ในรถม้าและมิสามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีก เนื่องจากปลายมีดในมือขององค์ชายสามที่จี้ไปที่หน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยของนาง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งองค์หญิงและไป๋ฉี่จึงได้คลาดกันไป

ส่วนองค์ชายห้าตัวจริงนั้น กำลังออกเดินทางจากประตูเมืองอีกฟากหนึ่ง เพื่อตามมาสมทบกับขบวนของคณะทูตซินเจียงในอีกสองวันให้หลัง

เหล่าคณะทูตจากซินเจียงจึงเร่งฝีม้าเพื่อเดินทางกลับแคว้นซินเจียงไปในทันที

องค์หญิงที่ต้องห่างจากเซียวเฉวียนไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ

พระนางเหม่อมองพระอาทิตย์อัสดงอยู่ไกล ๆ พร้อมด้วยหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลลงมาเป็นทางยาวทั้งสองข้าง ด้วยท่าทีหมดหนทาง

“บุรุษที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ สมควรจะมีบุตรและภรรยาด้วยหรือ?”

เมื่อองค์ชายสามเห็นน้องสาวของตนเองโศกเศร้าถึงเพียงนั้น ก็หาได้เอ่ยวาจาปลอบใจขึ้นมาสักคำไม่ ทั้งยังเหยียบย่ำซ้ำเติมเซียวเฉวียนอย่างรุนแรงอีกด้วย

“มิจำเป็นต้องคิดถึงเซียวเฉวียนอีกต่อไป” องค์ชายสามเอ่ยพึมพำออกมา “เมื่อเจ้ากลับไปยังซินเจียงเมื่อใดนั้น ก็เตรียมคลอดบุตรออกมาเสีย แล้วจึงนำเด็กคนนี้ไปให้ผู้อื่นชุบเลี้ยง เจ้าค่อยแต่งออกไปใหม่อีกคราหนึ่ง”

“ทุกอย่างย่อมสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เจ้าเองก็สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าตอนนี้ได้อีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า เจ้าสามารถมีชีวิตดั่งองค์หญิงคนหนึ่งได้เช่นกัน”

“อะไรนะ? พวกเขาเอาตัวองค์หญิงไปจริงๆ หรือ?” เหมิงเอ้าที่ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเซียวเอ่ยออกมาเช่นนี้ ความเอาแต่ใจและอำนาจของเหล่าผู้มีอำนาจนั้นอยู่นอกเหนือความเข้าใจของเขา “ทว่า องค์หญิงเป็นฮูหยินเอกของนายท่านนะขอรับ! ทั้งยังเป็นสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาทพระราชทานให้อีก!”

“หากพวกเขาทำเช่นนี้ พวกเขาเห็นนายท่านเป็นตัวอันใดกัน?”

"เช่นนั้นจักให้ทำเช่นใด..." ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเซียวพลางหลับตาเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "เดิมทีคนจากซินเจียงล้วนแต่ดูถูกตระกูลเซียวมาโดยตลอด ในยามนี้บุตรชายของข้ายังมาเป็นเช่นนี้อีก..."

อำนาจของแคว้นซินเจียงนั้น มีมากมายเสียยิ่งกว่าตระกูลฉินเสียอีก

มิต้องเอ่ยถึงการลอบพาองค์หญิงออกไปอย่างลับๆ เลย ถึงแม้ว่าพวกเขาจักพาองค์หญิงออกไปอย่างโจ่งแจ้ง ตระกูลเซียวจักไปทำอันใดได้?

“ท่านพี่ ท่านรีบตื่นเร็ว ๆ เข้า รับตื่นเร็ว ๆ สิ”

ในยามที่องค์หญิงแต่งเข้าตระกูลเซียวนั้น พระนางได้รับการต้อนรับและได้รับความรักและเอ็นดูจากตระกูลเซียวเป็นอย่างดี เซียวจิงเองก็รักและผูกพันกับพี่สะใภ้คนนี้มากนัก พวกนางทั้งสองสนิทสนมกันมิต่างจากพี่สาวน้องสาวสายเลือดเดียวกันเลยทีเดียว เมื่อองค์หญิงมาหายตัวไปในยามนี้ เซียวจิงย่อมรู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก นางเอาแต่เขย่าแขนของเซียวเฉวียนไปมา "ท่านพี่ ท่านรีบหายไวๆ สิ! ฮือฮือ! เหตุใดยังไม่หายดีอีกล่ะ ฮือฮือ!”

ในขณะเดียวกันเซียวเฉวียนก็กำลังกินข้าวอยู่ นับตั้งแต่ที่เขากลายมาเป็นคนโง่นั้น ความอยากอาหารของเซียวเฉวียนพลันเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า ไม่ว่าเซียวจิงจักเอ่ยสิ่งใดออกมาเขาล้วนแต่ได้ยินทั้งหมด หากแต่มิได้มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับ

เซียวเฉวียนยังคงกินและกินต่อไป ร่างกายของเขาจึงเริ่มแข็งแรงกำยำขึ้นมามากกว่าเดิม

หมอนใต้ก้นของเซียวเฉวียนเองหาใช่อันอื่นอันใดไม่ หากแต่เป็นเซี่ยวเฟิง เมื่อเซียวเฉวียนขยับก้นเพียงนิดเดียวละก็ เซี่ยวเฟิงพลางร้องคร่ำครวญออกมาสองสามครั้งด้วยความไม่พอใจแทน

เบาะที่นุ่มและอบอุ่นเช่นนี้ เซียวเฉวียนนั่งลงไปด้วยความสบายตัวเลยทีเดียว เซี่ยวเฟิงที่ยอมแพ้ให้กับการดิ้นรนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังแล้วนั้น มันจึงนอนอยู่บนเก้าอี้โดยกางอุ้งเท้าทั้งสี่ออกมา เพื่อให้เซียวเฉวียนสามารถนั่งได้สบายตามใจชอบ

เมื่อเทียบกับผู้อื่นที่คอยกังวลเรื่องราวภายในจวนนั้น เย่าเหล่ากลับเป็นกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเซียวเฉวียนมากกว่า

ยังเหลือเวลาอีกสิบวัน ใกล้จักครบหนึ่งเดือนที่เซียวเฉวียนได้ตกลงกับจักรพรรดิแห่งต้าเว่ยเอาไว้แล้ว

เซียวเฉวียนยังมิได้เริ่มฝึกซ้อมพลังแห่งถ้อยคำเลยสักนิด

เมื่อถึงเวลานั่น เขาไปทำลายผนึกจูเสินกับฝ่าบาทได้อย่างไร?

มิอาจมิพูดได้เลยว่า ชะตากรรมของตระกูลคุนหลุนทั้งหมดนั้นล้วนแต่ผูกเอาไว้ในกำมือของเซียวเฉวียนผู้โง่เขลาคนนี้แล้ว

หากแต่วันนี้ เย่าเหล่ากลับดีใจยิ่งนักที่พบว่าเซียวเฉวียนมิได้โง่เง่าเหมือนเช่นเคยอีกต่อไป

จุดเทียนหลิงที่ขุ่นหมองของเซียวเฉวียนนั้น กำลังแปรเปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย