ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 569

เว่ยอวี๋พลันมีความสุขจนล้มปริ่ม!

ช่วงเวลาดี ๆ มาไวยิ่งนัก!

“ไปกันเถอะ! ข้าจักไปหาเขา!”

เว่ยอวี๋ถือโอกาสคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของหยางอวี้ฮวนมาไว้กับตนเอง ก่อนจะพากันจูงมือวิ่งไปทางทิศตะวันออกของเมือง

หยางอวี้ฮวนที่ถูกลากมาด้วยเช่นนี้ นางถึงกับตกตะลึงไปในทันที ก่อนจะเดินตามหลังเว่ยอวี๋ไปทีละก้าว พลางเอ่ยวาจาที่ชวนให้ผู้คนตกหลุมรักออกมาได้ง่าย ๆ ว่า "ท่านอ๋องเพคะ ทางตะวันออกของเมืองอยู่ไกลยิ่งนัก พระองค์มิอยากนั่งรถม้าหรือเพคะ?"

นั่งรถม้า?

จะนั่งรถม้าไปทำไมกัน?

หากนั่งรถม้าจักจับมือนางได้เช่นไร?

หากนั่งบนรถม้าไม่นานก็ถึงที่หมายแล้ว เช่นนี้เขาจักสามารถจับมือนางนาน ๆ ได้อย่างไร?

ดียิ่ง!

เว่ยอวี๋รู้สึกมีความสุขมากนัก หากย้อนกลับไปในยุคปัจจุบันแล้วละก็ ถ้าเขาไปเอ่ยเล่าให้คนพวกนั้นฟังว่าตนเองได้จับมือกับหยางอวี้ฮวนแล้วไซร้ เช่นนี้มือของเขาจักมิควรถูกเสนอเป็นของโบราณหรอกหรือ?

ฮ่าฮ่าฮ่า!

เว่ยอวี๋พลางหัวเราะออกมาด้วยท่าทีมีชัย หยางอวี้ฮวนที่พยายามจะนำมือของตนออกมานั้น หากแต่เว่ยอวี๋หาได้ให้โอกาสนางทำเช่นนั้นไม่ "ไปเร็ว หากเจ้าหลงทางขึ้นมา เหล่าเซียวได้ฆ่าข้าแน่!"

ทุ่งนาข้าวทางตะวันออกของเมือง

นาข้าวในยามสารทฤดูใกล้จะออกรวงเต็มที บรรยากาศโดยรอบพลันตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวไปโดยพลัน

“นายท่าน นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ขอรับ”

ข้าง ๆ ทุ่งนาข้าวนั้น พลันมีไป๋ฉี่ที่คอยเล่าถึงเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงยี่สิบวันที่ผ่านมา

ส่วนคำพูดมากมายที่พยายามทำให้ตระกูลเซียวและเซียวเฉวียนดีรับความอับอายนั้น ไป๋ฉี่ล่วนแต่ฟังจนเบื่อแล้ว ดังนั้นเขาจึงมิได้เอ่ยเล่าออกมา

เรื่องราวที่ไป๋ฉี่เอ่ยรายงานออกมานั้น มีเพียงเรื่องสำคัญสามเรื่องเท่านั้น เรื่องแรกองค์หญิงถูกลักพาตัว

เรื่องที่สอง ตระกูลจ้าวกุเรื่องราวมาใส่ร้ายป้ายสีความบริสุทธิ์และชื่อเสียงของคุณหนูรอง ทั้งยังพยายามบังคับคุณหนูรองให้แต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยา

เรื่องที่สาม เหลียงไหวโหรวโหรวตายแล้ว

ยามที่อยู่ท่ามกลางทุ่งนาขาวสีเหลืองทองอร่ามเช่นนี้ ตราประทับสีชาดที่ขึ้นอยู่ระหว่างหัวคิ้วของไป๋ฉี่นั้น ดูสะดุดตายิ่งนัก

ทว่าสายตากลับเจือไปด้วยความเย็นชา

ทั่วร่างของเซียวเฉวียนที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำโคลนเช่นนี้ เขาเพียงแค่ยืนฟังคำรายงานไป๋ฉี่อย่างเงียบ ๆ เท่านั้น หาได้เอ่ยอันใดออกมาสักคำไม่

เซียวเฉวียนที่มีท่าทีโง่เง่าในวันนี้ มิรู้ว่าเขานึกครึ้มอันใดถึงได้วิ่งมาคลุกดินซุกซนพร้อมกับสุนัขสีเหลืองตัวน้อยและเซี่ยวเฟิงที่ทุ่งนาข้าวแห่งนี้เสียได้

หลังจากที่พากันเล่นสนุกไปมาแล้วนั้น ไม่นานนักเซียวเฉวียนก็พลันได้สติกลับมา

หมอกหนาที่ปกคลุมจุดเทียนหลิงนั้น จู่ ๆ ก็อันตรธานหายไปอย่างกะทันหัน ทำให้เซียวเฉวียนภาพทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าของตนเองได้อย่างชัดเจน

ในสายตาของไป๋ฉี่นั้น เซียวเฉวียนกลายเป็นโง่เง่ามายี่สิบวันแล้ว

หากแต่ในความนึกคิดของเซียวเฉวียนนั้น ราวกับมันผ่านไปเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง

เขาจำได้เพียงว่าเขาเห็นมันฝรั่งหนึ่งหัว หลังจากที่เขาได้สติกลับมา ตนเองก็มายืนอยู่ในทุ่งนาข้าวเสียแล้ว

ไป๋ฉี่ได้แต่ยกมือกุมขมับของตนเองในทันที "นายท่าน ท่านจดจำสิ่งใดได้จริง ๆ หรือ?"

“ข้าควรจดจำสิ่งใดได้กัน?”

เซียวเฉวียนพลันขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะหันไปมองใบหน้าของไป๋ฉี่ เหตุใดเขารู้สึกถึงเค้าลางแห่งความเจ้าเล่ห์กัน?

“ท่านจำไม่ได้หรือว่าตนเองไปถอนผมของเว่ยเชียนชิว?”

“ห้ะ?” เซียวเฉวียนตกตะลึงไปในทันที “มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?”

โอ้ เขามิเคยคิดเลยว่าตัวเองจะเก่งกาจขนาดนี้ “ท่านจำมิได้หรือว่า ท่านพยายามจะตุ๋นเซี่ยวเฟิงกับน้ำแกงรากบัว?”

เซียวเฉวียนพลันส่ายหัวไปมาด้วยท่าทีว่าง่าย เรื่องที่เกินกว่าเหตุเช่นนี้เขาจักไปทำได้อย่างไร?

“ท่านยังกินใบต้นหอมหมื่นลี้ในสวนดอกไม้จนหมดต้น ท่านก็จำมิได้หรือ?”

ในยามนั้น เซียวเฉวียนยังถือต้นอบเชยและเคี้ยวใบมันไปด้วย ไม่ว่าไป๋ฉี่จะดึงจะลากให้ลงมาเช่นไรก็ไม่ยอมลงมา จนกระทั่งกินจนใบเหี้ยนเกรียนหมดทั้งต้น บางลำต้นยังมีร่องรอยฟันแทะของเซียวเฉวียนอยู่เลย

“ข้าจำไม่ได้” เซียวเฉวียนส่ายหัวไปมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย พระเจ้า... ข้าเซียวเฉวียนสามารถทำสิ่งที่น่าอับอายเช่นนี้ลงไปได้ด้วยหรือ?

“ท่านยังเอาแต่วิ่งไล่ตามท่านอ๋องทั้งยังเอ่ยเรียกเขาว่าพี่ใหญ่เสียสนิทสนม เพียงเพื่อต้องการกินปิงถังหูหลูของผู้อื่นอีกด้วย”

“อีกทั้ง ท่านยังใช้เซี่ยวเฟิงมาเป็นเบาะนั่งของตนเองทุกวันด้วย”

“สุนัขสีเหลืองตัวน้อยยังถูกท่านจับมาผูกหางเป็นปมทุกวันอีก”

“ท่านยังไปแคะอิฐในสวนดอกไม้ลงมาทุกวัน จนเหมิงเอ้าต้องเก็บอิฐเข้าไปซ่อมให้ทุกวันเช่นกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย