สรุปตอน บทที่ 582 ตัวช่วยชั่วขณะหนึ่ง – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 582 ตัวช่วยชั่วขณะหนึ่ง ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หากเว่ยเป้ยไม่ได้นับวันเดือนปีอย่างแน่วแน่ เขาคงจะไม่ตระหนักว่าตัวเองมาที่ต้าเว่ยหลายปีแล้ว
เพราะเวลา 7 ปีช่างยากเย็น เว่ยเป้ยใช้ชีวิตในแต่ละวันราวกับเป็นปี
ตอนที่เว่ยเป้ยเป็นนักศึกษาวิทยาศาสตร์ในสมัยปัจจุบัน ถึงแม้เคยเรียนประวัติศาสตร์แต่ก็ไม่ได้สนใจในประวัติศาสตร์อะไรมากนัก จึงไม่คุ้นชินกับสมัยโบราณอะไรขนาดนั้นเท่ากับเซียวเฉวียน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่แปลกหูแปลกตาไปหมด ทั้งอาหาร ประเพณี ด้านมนุษยศาสตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนทำให้เว่ยเป้ยทรมานเป็นอย่างมาก
เขาก็เคยครุ่นคิดว่าจะไปจากโลกนี้ได้ยังไง แต่เขาก็ตายไม่ได้
หากแอบไปกระโดดแม่น้ำ เขาจะถูกคนช่วยขึ้นมาตลอด
หากกินยาพิษฆ่าตัวตาย เขาก็จะเกิดเหตุผิดแปลกซื้อยาปลอม
สรุปแล้วเขาไม่เคยตายได้สำเร็จเลย นี่ทำเอาเขารู้สึกกลัดกลุ้มสุดขีด
เขากับเซียวเฉวียนต่างกัน การที่ตายไม่ได้สำหรับเซียวเฉวียนแล้วเป็นดั่งวงแหวนแสงของพระเจ้าสำหรับตัวละครหลักที่เจ๋งสุดๆ
แต่สำหรับเว่ยเป้ยแล้วนี่เป็นกรงขังที่ไม่สามารถสลัดออกได้เลย
ราวกับเขาจะถูกขังไว้ที่นี่ตลอดกาล
ตายก็ตายไม่ได้ เว่ยเป้ยจึงเริ่มลองหาความสนุก โชคดีที่ตระกูลที่เขาข้ามยุคมาร่ำรวยมาก ต้องการอะไรก็ได้อันนั้น
เว่ยเชียนชิวก็ปฏิบัติต่อลูกชายคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว เว่ยเป้ยมีความต้องการเรียกร้องอะไร พ่อคนนั้นก็จะทำให้จนพอใจ
แต่เว่ยเป้ยดีใจไม่ออก
เขาเป็นพลเมืองโลกปัจจุบันที่ปฏิบัติตามกฎหมายคนหนึ่ง ทั้งวาจาทั้งการกระทำก็ไม่เคยทำผิดมาก่อน แต่พ่อจากโลกโบราณคนนี้กลับฆ่าคนราวกับผักปลา ชื่อเสียงไม่ดี ทำให้เขาที่เป็นพลเมืองดีในโลกยุคปัจจุบันตัวสั่นสะท้าน
เขากลัวมาก
แต่เขาก็ยังแสร้งว่าไม่กลัว เพราะเว่ยเป้ยคนก่อนเคยชินกับพ่อเช่นนี้เป็นปกติแล้ว
มาที่ต้าเว่ย 7 ปี เรื่องที่เว่ยเป้ยดีใจที่สุดก็คือหลังจากที่เซียวเฉวียนเปิดโรงเหล้า เขาก็กินรสชาติอันคุ้นเคยได้แล้ว
เขาไม่เคยไปที่หอปี๋เซิ่งด้วยตัวเองมาก่อน ทุกวันได้แต่แอบส่งคนไปซื้อบะหมี่ผักดองที่เปรี้ยวสะใจสุดๆชามหนึ่ง หมูสามชั้นผัดผักกาดที่ทั้งหอมและมัน รวมทั้งตีนไก่หมาล่ารสเผ็ดที่เผ็ดจนน้ำลายไหล
นี่เป็นครั้งแรกที่เว่ยเป้ยได้กินรสชาติที่ใกล้เคียงกับฮว๋าเซี่ยหลังจากมาที่ต้าเว่ย
อาหารเลิศรสของหอปี๋เซิ่งเป็นสิ่งปลอบโยนเพียงหนึ่งเดียวของเขา เป็นตัวช่วยชั่วขณะหนึ่ง คนเราเมื่อมาอยู่ต่างแดนนานแล้ว อาหารเลิศรสเพียงคำเดียวก็สามารถชโลมจิตใจและจิตวิญญาณได้เพียงพอแล้ว
ที่จริงแล้วเซียวเฉวียนย้อนเวลามาไม่นานนัก เว่ยเป้ยก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้เหมือนกับเขา เป็นคนที่มาจากฮว๋าเซี่ยเหมือนกัน
ขณะที่เซียวเฉวียนกำลังประชันบทกวีกับจูเหิ่งหอจืออี้ ชนะได้อย่างหมดจดงดงาม เว่ยเป้ยได้ยินบทกวีเหล่านั้นก็รู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นคนฮว๋าเซี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนั้นเว่ยเป้ยดีใจอย่างบ้าคลั่งว่าในที่สุดก็มีคนบ้านเดียวกันมาแล้ว!
แต่คาดไม่ถึงว่า นิสัยของเซียวเฉวียนจะต่างกับเว่ยเป้ยมาก
เว่ยเป้ยซ่อนเร้น เซียวเฉวียนเป็นจุดสนใจ
ตลอดทางเซียวเฉวียนหาเรื่องไม่น้อย เซียวเฉวียนที่มีชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงเวลา 1 ปีสั้นๆทำให้พวกขุนนางชนชั้นสูงพากันรังเกียจเคียดแค้นจนกัดฟันกรอด
ครั้นแล้ว แม้ว่าเซียวเฉวียนตอนนี้จะเป็นประมุขแห่งชิงหยวน และเป็นอาจารย์ในนามของเว่ยเป้ย แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้เซียวเฉวียน
เว่ยเป้ยที่ซ่อนเร้นไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ รับไม่ได้กับการกระทำและวิธีการที่หุนหันพลันแล่นอย่างเซียวเฉวียน
เขารู้ว่าเซียวเฉวียนเป็นคนที่ไม่ยอมคน ก็เหมือนกันลิงในนิยายตำนานของฮว๋าเซี่ย ภายนอกดูเหมือนเรียบๆไม่มีอะไรโดดเด่ด แต่ใครหาเรื่องเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนต้องพลิกฟ้ากบฏ
เขานับถือเซียวเฉวียน หากเซียวเฉวียนเป็นซุนหง๋อคง งั้นเว่ยเป้ยก็คือตือโป้ยก่ายที่ทั้งอ่อนแอและขี้ขลาด
เขาที่แสดงเป็นเว่ยเป้ยด้วยความสั่นกลัว เพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นมองออกถึงความแตกต่างของเขากับคนเดิม
เว่ยเป้ยก็รู้จักอี้อู๋หลี่คนนั้น เพราะว่าอี้อู๋หลี่และเซียวเฉวียนกระทำการใดล้วนเป็นจุดสนใจ เปลี่ยนแปลงต้าเว่ยอย่างปังปังตลอดมา นำเสนอทักษะหลากหลาย นี่จึงทำให้พวกชนชั้นสูงบางกลุ่มในต้าเว่ยมีความคิดนั้นต่อคนจากฮว๋าเซี่ย
เว่ยเชียนชิวเคียดแค้นคนฮว๋าเซี่ยแล้ว
แต่ถ้าเว่ยเป้ยเป็นหลี่ไป๋และตู้ฝู่ละก็ เว่ยเป้ยน่าจะไม่โกรธ แต่รู้สึกยินดีเพราะถึงยังไงบทกวีของพวกเขาก็มีผู้คนมากมายชื่นชอบและนับถือในช่วงยุคอื่น ถือว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
“ท่านอ๋องรองกำลังยิ้มอะไรหรือ?” หญิงรับใช้ที่ฝนหมึกให้เขายิ้มอย่างอ่อนโยน
เว่ยเป้ยรีบเก็บรอยยิ้มแล้วเงยหน้า “ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว รีบไป......”
“ข้าน้อยทราบแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ยิ้มแย้ม “ท่านอ๋องรองอยากทานหมูสามชั้นผัดผักกาดและตีนไก่ของหอปี๋เซิ่งใช่หรือไม่? ข้าน้อยจะไปซื้อเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
ใบหน้าเว่ยเป้ยเผยรอยยิ้มที่พึงมีสมอายุหนุ่มน้อยคนหนึ่งขึ้นมา หญิงรับใช้ส่ายหน้าแล้วยิ้มกล่าว “ครัวของจวนเจียนกั๋วดีกว่าราชวัง แต่ท่านอ๋องรองของพวกเรากลับชอบทานอาหารของหอปี๋เซิ่งเสียได้”
เว่ยเป้ยพยักหน้าอย่างเขินอาย “จำเอาไว้ อย่าให้ท่านพ่อข้ารู้ล่ะ”
“ท่านอ๋องรองวางใจได้ ข้าน้อยทราบดี”
หญิงรับใช้ตัวน้อยคนนั้นพยักหน้าหงึก มองเว่ยเป้ยด้วยแววตาเอ็นดูแล้วก็ถอยออกไป
เว่ยเจียนรังเกียจกั๋วเซียวเฉวียนเช่นนี้ แต่อ๋องรองกลับชอบทานของจากหอปี๋เซิ่งเป็นพิเศษ กินได้ทุกวันไม่เบื่อ
หญิงรับใช้ส่ายหน้า หากเจียนกั๋วที่ชอบระแวงสงสัยรู้เข้า เกรงว่าคงไม่ปล่อยท่านอ๋องรองที่เป็นลูกชายคนนี้ไปง่ายๆแน่
จวนเซียว
เย่าเหล่าจับชีพจรให้เซียวเฉวียนที่กำลังฟื้นตัวจากการป่วย กลับขมวดคิ้วมากขึ้น คนด้านข้างก็ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ “เป็นเยี่ยงไร? ยังมีปัญหาหรือไม่?”
เย่าเหล่าส่ายหน้า แล้วก็พยักหน้าอีกด้วย แล้วก็ส่ายหน้า
เขากวาดตาขึ้นมอง เซียวเฉวียนกินขาไก่อย่างไม่สนใจอะไร ร่างกายของเซียวเฉวียนดีมาก ไม่มีปัญหาเลยสักนิด
แต่เพราะไม่มีปัญหาสักนิดเดียวถึงแปลกสิ เซียวเฉวียนเพิ่งจะหายจากการป่วยครั้งใหญ่ ทำไมไม่หลงเหลืออาการป่วยอะไรสักนิดเลยล่ะ ตอนนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย
“ฮูหยินผู้เฒ่าเซียว ขอตัวพูดคุยส่วนตัวสักหน่อยได้หรือไม่?”
ท่าทางนี้ของเย่าเหล่าทำให้หัวใจเซียวเฉวียนเต้นตึกตัก กลัวที่สุดก็แต่ท่าทางลังเลที่จะพูดของหมอนี่แหละ “พูดอะไรหรือ ไยต้องปกปิดข้าด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...