ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 584

พู่กันเฉียนคุนคืออาวุธที่ปีศาจกวีมอบให้กับเขา ผู้ซึ่งตั้งความหวังไว้ว่าเซียวเฉวียนจักสามารถใช้พู่กันเฉียนคุนพลิกสถานการณ์อะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เดิมทีอาวุธควรจะเป็นสิ่งของที่ไร้ชิวต หากมีอยู่ในมือย่อมต้องงาน อย่างไรก็ตามอาวุธของต้าเว่ยนั้นกลับมีจิตวิญญาณ

ในคราที่ได้รับพู่กันเฉียนคุนมากนั้น พู่กันเฉียนคุนหาได้ยอมรับในตัวตนของเซียวเฉวียน ไม่ ทั้งยังมิยินยอมให้เซียวเฉวียนใช้การอีกด้วย ยังเป็นเซียวเฉวียนที่ทำการขู่ให้พวกมันกลัวว่าจักพาพวกมันไปทิ้งขยะ เช่นนี้พวกมันจึงเชื่อฟังมากขึ้น

ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อฟังบ้าง แต่พวกมันก็ยังคงซุกซนยิ่งนัก

ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนจักออกคำสั่งเช่นไรออกมา พวกมันก็มักจะทำภารกิจสำเร็จ หากแต่ไม่อาจสำเร็จได้ทันเวลามากนัก

ฉะนั้นแล้วในสนามรบ เวลาคือเส้นเลือด!

ความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ย่อมสามารถทำให้สูญเสียได้เป็นนับพันลี้!

ไม่ว่าหนึ่งวินาทีหรือหนึ่งนายทีก็ไม่อาจล่าช้าได้ไป!

หากพลาดแล้วถือว่าพลาดโอกาสสำคัญไปเลย! มิอาจย้อนคืนเวลาเหล่านั้นออกมาได้อีก!

เมื่อเห็นเซียวเฉวียนร้องตะโกนออกมาเช่นนี้ นั่นจึงทำให้ขนแปรงของพู่กันเฉียนคุนงอตัวเล็กน้อยด้วยความตกใจ ราวกับเด็กที่กำลังก้มหัวลงด้วยความคับข้องใจ

“เจ้ายังรู้สึกเสียใจด้วยรึ?” เซียวเฉวียนพลันหยิบใบเสร็จรับเงินออกมาดัง “ปั๊ก” ก่อนจะเอ่ยว่า “ในระหว่างทางที่ข้าให้พวกเจ้าไปแจ้งเว่ยเฉียนชิวนั้น พวกเจ้ากลับไปที่บ้านของชาวนาเพื่อก่อปัญหา ทำเอาไก่สุนัขภายในจวนบินว่อนวิ่งวุ่นไปหมด แม้แต่ไก่ที่พวกเขาเลี้ยงดูเอาไว้ก็ยังตกใจตาย! พวกเขาอุ้มไก่ที่ตายห้าหกตัวมาวิ่งโร่ร้องทุกข์ต่อตระกูลเซียวเพื่อเรียกร้องค่าชดเชย!”

หากว่าพู่กันเฉียนคุนเป็นคนแล้วไซร้ พวกมันย่อมเป็นเด็กซุกซนที่น่ารำคาญเป็นที่สุด เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาด้วยความโมโห "เอาล่ะ อาวุธบรรพกาลของเซียวเฉวียนนั้น ในเมื่อพวกเจ้ากล้าที่จะออกไปรังแกเหล่าราษฎรคนธรรมดา! โดยที่ฝ่าบาทเพิ่งยอมรับต่อหน้าเหล่าข้าราชบริพารมากมายว่าพวกเจ้าเป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เพียงแค่นี้พวกเจ้าก็ทำให้เซียวเฉวียนและตระกูลเซียวต้องอับอายขายขี้หน้าขนาดนี้แล้ว!”

"..."

พู่กันทั้งสองเขียนจุดวงกลมขึ้นมาอย่างเงียบๆ เซียวเฉวียนเองก็ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรเช่นกัน เขายังคงวางมาดเป็นบิดาที่เข้มงวดเช่นเดิม "หยุดแสร้งว่ารู้สึกผิดเสีย! ข้าจวนตระกูลเซียวคงมิอาจเก็บพวกเจ้าเอาไว้ได้อีกแล้ว!"

"!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ พู่กันเฉียนคุนก็เขียนเครื่องหมายอัศเจรีย์ขนาดใหญ่ขึ้นมาในอากาศในทันที

หัวใจของเซียวเฉวียนได้แต่เต้นขึ้น ๆ ลงๆ ก่อนที่เขาจะเขาก็ถอนหายใจลากยาวกล่าวว่า "พวกเจ้ายังมิรู้อีกหรือว่าตนเองทำอะไรผิดไป?"

แววตาของเซียวเฉวียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า "ในวันนั้น หากพวกเจ้าไม่ไปบ้านชาวนาเพื่อสร้างปัญหาและเชิญเว่ยเฉียนชิวมาได้ทันเวลาละก็ หากเจ้าเชิญเว่ยเฉียนชิวมาก่อนเวลาได้ แล้วข้าจักกลายเป็นคนโง่งในยามนั้นไปได้อย่างไร"

“เรื่องในวันนั้นของเว่ยเชียนชิวและเหลียงไหวโหรวนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้ามิได้สนใจเรื่องของตราประทับมู่อวิ๋นเลยสักนิด”

"ข้าแค่อยากให้เว่ยเชียนชิวตกอยู่ในข้อหากบฏ! ข้าต้องการแกแค้นให้กับท่านปู่ของฉันฉินปาฟาง ท่านอาจารย์เหวินฮั่นของข้า แก้แค้นให้กับท่านอาจารย์แล้วก็คดีของพวกเขาอี้อู๋หลี่อีกด้วย ข้าจักไปขอให้เว่ยเชียนชิวเอ่ยสำหรับคำอธิบายและหาความยุติธรรมให้กับคนที่จากไปแล้ว! ทว่าเว่ยเชียนชิวกลับใช้โอกาสเหล่านี้โบยบินหนีออกไปได้!”

“โอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ของข้าต้องมาถูกทำลายเพราะพวกเจ้า! ในยามนี้เหลียงไหวโหรวก็ตกตายไปแล้ว แผนการของข้าต้องพังทลายไปเพราะพวกเจ้าถึงครึ่งหนึ่ง!” ร่างกายของเซียวเฉวียนพลันสั่นเทาไปทั่วร่าง "พวกเจ้ารู้หรือไม่ หากนี้เป็นกองทัพ การกระทำของพวกเจ้านับว่าการกระทำที่ดูถูกชีวิตทหารมากมาย?!”

“หากเจ้าเป็นมนุษย์แล้วไซร้! ข้าเซียวเฉวียนจักทำการสับหัวพวกเจ้าแน่นอน!”

พู่กันเฉียนคุนตัวสั่นและล้มลงบนพื้นอย่างเงียบ ๆ จากกลางอากาศ

“พวกเจ้ามีพลังทางจิตวิญญาณ แต่ข้าเซียวเฉวียนเป็นนายของพวกเจ้า!” เซียวเฉวียนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย “หากพวกเจ้าไร้ประโยชน์เช่นนี้ ก็จากข้าไปเสีย เหตุใดในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้พวกเจ้าก็ยังเล่นซุกซนออกมาได้เล่า?”

“พวกเจ้ามิได้มีพลังวิญญาณหรือ?”

เซียวเฉวียนก้มหน้ามองดูพวกเขา "ในเมื่อพวกเจ้ามีพลังทางจิตวิญญาณ เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่รู้ว่านี่คือแผนการที่ข้าต้องการจัดการกับเว่ยเชียนชิวมานานเท่าใดแล้ว"

“เหตุใดถึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันสำคัญมากเพียงใดสำหรับข้า?”

“หลักฐานทุกอย่างข้าล้วนแต่ให้ไป๋ฉี่ไปจัดเตรียมให้หมดแล้ว แต่สุดท้ายเล่า พวกเจ้ามีความสามารถมากจริง ๆ ”

เซียวเฉวียนยังเอ่ยตั้งคำถามออกมา และตำหนิพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างของพู่กันเฉียนคุนทั้งสองจึงค่อย ๆ ห้อยตัวลงมาราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้

“มันเป็นความผิดของข้าเช่นกัน” เซียวเฉวียนกุมหน้าผากของตนเองเอาไว้ “ข้าเองก็มิรู้ว่าการยุติพันธะเลือดนั้น จักเกิดปฏิกิริยาใหญ่ในร่างกายของข้ามากมายถึงเพียงนี้”

ในขณะที่พู่กันเฉียนคุนกำลังจะเงยหน้าขึ้นมองนั้น คำพูดต่อมาของเซียวเฉวียนทำให้พวกเขาก้มหน้าลงทันทีด้วยความกลัว "บางที พวกเจ้าอาจจะเกิดมาพร้อมกับอาวุธวิเศษ และมนุษย์เช่นฉันคงไม่มีวาสนาหรือโชคชะตาที่จะได้ครอบครองพวกเจ้า "

"เอาเช่นนี้" เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่มิว่าอย่างไรเขาก็ยังนึกอยากเลือกทางเดินนี้เช่นเดิม "เจ้าไปหานายรับใช้คนใหม่เสีย"

ทั่วตัวของพู่กันเฉียนคุนเอาตัวสั่นเทาออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสมือนกับเป็นการปฏิเสธ

หากแต่เซียวเฉวียนยังคงเมินเฉยต่อท่าทีของพวกเขา “ถึงอย่างไรฝ่าบาท ก็ได้บอกเจ้าหน้าที่เหล่าข้าราชบริพารทุกคนเอาไว้แล้วว่า พวกเจ้ามีความสามารถมากเพียงใด ทุคนล้วนแต่ริษยาข้ากันทั้งนั้นที่ได้ครองรองอาวุธบรรพการเช่นพวกเจ้า "

"ฮ่า" เซียวเฉวียนส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาด้วยความเย็นชา "แต่ข้าไม่ต้องการอะไรจากพวกเจ้าอีกแล้ว ในเมื่อพวกเขาชอบพวกเจ้ามากนัก เจ้าก็สามารถเลือกเจ้านายคนใหม่ที่มีสถานะสูงกว่าข้าได้"

"ไปเสีย พวกเจ้าไปกันเถอะ"

เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าเขาอดที่จะเสียใจขึ้นมามิได้ แต่เขาก็ยังต้องทำเช่นนี้

พู่กันเฉียนคุนรับว่าเป็นอาวุธที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากแต่มันก็มีจิตวิญญาณความนึกติดเป็นของตนเองเช่นเดียวกัน ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงไม่สบายใจหากจะต้องหยิบพวกมันขึ้นมาใช้การ ในเมื่อพวกมันทำเรื่องผิดพลาดเข่นนี้ขึ้นมาได้ ก็มิรู้ว่าในคราวต่อไปมันจะทำเรื่องอันใดได้อีก

หากอาวุธที่ถูกใช้มิถูกมือหรือหยิบจับไม่ราบราบรื่นเช่นนี้จักเรียกว่าอาวุธได้อย่างไร?

ไม่ว่าอาวุธดังกล่าวจะทรงพลังมากแค่ไหน เซียวเฉวียนก็มิกล้าใช้มันเช่นกัน เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ตนเองจะถูกพวกมันทำร้ายด้วย

เช่นนี้ หากรังพวกมันเอาไว้ข้างกตัวก็มีแต่เปล่าประโยชน์ มิสู้ปล่อยให้พวกมันไปหานายใหม่ไม่ดีกว่าหรือ ไม่ว่าพวกมันจักอยากไปอยู่กับฝ่าบาทก็ดีหรือขุนนางผู้มีอำนาจคนใดก็ได้ ขอแค่อย่ามาติดตามเขาไปก็พอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย