เหล่าข้าราชบริพารที่กำลังจับตาดูพู่กันเฉียนคุนของเซียวเฉวียนอยู่นั้น
ภายในจวนตระกูลเซียว เซียวเฉวียนที่โกรธจัดอยากจะโยนพู่กันเฉียนคุนทิ้งออกไปให้เหมือนขยะนอกจวนยิ่งนัก นั่นจึงทำให้ไป๋ฉี่และพู่กันเฉียนคุนได้เกิดการปะทะกันขึ้น โดยมีหลี่มู่ที่พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะห้ามปรามพวกเขาเอาไว้เสียจน หลังคาของจวนตระกูลเซียวนั้นพังไปหมด
เหมิงอ้าวหยิบสมุดบันทึกเล่มนี้ขึ้นมาเขียนด้วยสีหน้าที่มีแต่ความเศร้าสร้อย "อั๊ยหยา ก้อนอิฐหายไปอีกก้อนแล้ว ยังต้องใช้เงินมาซ่อมแซมอีก!"
เมื่อเกิดความความโกลาหลขึ้นมากมายในจวนตระกูลเซียวเช่นนี้ หอปี๋เซิ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน จึงมีเหล่าลูกค้าทั้งหลายชะเง้อคอมองเพื่อรับชมความสนุกยามที่รับประทานอาหารไปพลาง ๆ
พวกเขารู้ดีว่า หอปี๋เซิ่งจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง มิเพียงแต่มีอาหารอร่อยเพียงเท่านั้น แต่ยังมีโรงละครให้ดูและในยามนี้ก็ยังมีการประลองการต่อสู้ให้ดูอีกด้วย
ทักษะการต่อสู้ของไป๋ฉี่และหลี่มู่นั้นล้วนแต่เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง พวกเขาสามารถกระโดด โจมตีและหลบหลีกได้อย่างราบรื่นราวสายน้ำ เหมือนดั่งมังกรสองตัวที่ลงไปในน้ำ ทำให้เกิดคลื่นน้ำที่มองไม่เห็นนับพันสายนับว่าเป็นสิ่งที่สวยงามมากนัก
พู่กันเฉียนคุนนั้นดียิ่งมีฝีมือแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก ด้วยแสงทั้งสีแดงและสีขาวที่เข้าโรมรันกัน เสมือนกับแสงแพรวพราวของสองดวงดาวที่แข็งกันสาดส่องออกมา วาดลวดลายส่วนโค้งที่สวยงามมากมายจนสลักเข้าไปภายในจิตวิญญาณแห่งการฆ่าอันน่าหลงใหล
จวนตระกูลเซียวตกอยู่ในความโกลาหลอย่างอลหม่าน ลูกค้าที่ทานอาหารอยู่กลับปรบมือเอ่ยชมด้วยความชชอบ "การเคลื่อนไหวนี้ยอดเยี่ยมมาก ทำได้ดีมาก ทำได้ดีมาก!"
“ชื่อเสียงของดาบไท่อาและดาบจิงหุนนั้นนับว่าน่าตกใจนี้จริงๆ เพียงแค่ได้เห็นในวันนี้ ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!”
“นี่เรียกได้ว่าเป็นฉากต่อสู้ที่ดีที่สุดในเมืองหลวงในปีนี้ และแม้แต่ตราประทับเหวินอิ้นก็ยังมิอาจโดดเด่นเท่า”
“ตราประทับเหวินอิ้นมีสิ่งใดให้โดดเด่นกัน ทุกครั้งที่ตราประทับเหวินอิ้นเคลื่อนไหว เขาก็แค่บดขยี้คนอื่น บดขยี้จนมิเห็นหัว ตีกันแบบนี้น่าสนใจมากกว่าเสียอีก”
ผู้คนในเมืองหลวงต่างพาซุบซิบกันมากขึ้น พวกเขาจำได้ชัดเจนว่าใครต่อสู้อยู่ในสถานที่ใด ใช้อาวุธอะไร และการต่อสู้เป็นอย่างไร พวกเขายังจัดอันดับให้อีกด้วย ผู้ชมทั่วไปมิได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด
ศึกวันนี้จักต้องติดอันดับหนึ่งในสามฉากการต่อสู้แห่งปีในใจคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรเสียการประลองปีนี้ยังมิจบลง ใครจะรู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจักมีฉากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกหรือไม่?
แต่ถึงกระนั้น การต่อสู้ปะทะกันกลางเมืองของจวนตระกูลเซียวในวันนี้ ก็จะถูกจัดอันดับให้อยู่ในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน
“ไป๋ฉี่! สู้เขา!”
“ใต้เท้าหลี่! สู้เขา!”
พวกเขาแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ยกแขนขึ้นและร้องตะโกนราวกับว่าใครก็ตามที่ชนะจะได้รับรางวัลผู้ชมที่ดีที่สุด
จวนตระกูลเซียวทั้งกลุ่มได้ยืนอยู่ในความงุนงงนอกประตูจวนตระกูลเซียว
พวกเขาถือเครื่องลายคราม ผ้าไหม ทองคำ และเงิน จ้องมองไปที่หลังคาจวนตระกูลเซียวที่พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่อย่างเหม่อลอย
“คุณ คุณชาย... พวกเราอย่าเข้าไปเลย เราค่อยกลับมาทีหลังก็ได้เช่นกัน”
เด็กชายเช็ดเหงื่อจากหน้าผาก ไม่นานหลังจากที่ใต้เท้าเซียวกลับบ้าน จ้าวหลานก็สั่งให้คนเตรียมของหมั้นทั้งหมดแล้วมาส่งที่จวนตระกูลเซียวเพื่อขอแต่งงานกับเซียงจิงในทันที
จ้าวหลานที่จมูกดำตาม่วง มิได้เกรงกลัวหากเซียวเฉวียนจะโจมตีเขาอีกครั้ง
“ไม่” จ้าวหลานขมวดคิ้ว “ข้าจะไม่มีวันถอยอีกแล้ว”
"คุณชาย..."
ข้ารับใช้ของตระกูลจ้าวกำลังจะร้องไห้ วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับคุณชายใหญ่กันแน่ ก่อนหน้านี้เขารังเกียจตระกูลเซียวมากแค่ไหน ตอนนี้ไม่ว่าหน้าซีดมากเพียงใด จวนตระกูลเซียววุ่นวายถึงเพียงนี้ คนธรรมดาควรอยู่ห่างจากจวน แต่คุณชายใหญ่ยังคงยืนอยู่ที่นี่ หันหน้าไปทางกระเบื้องหลังคาที่ตกลงมาเป็นครั้งคราวและแตกเป็นชิ้น ๆ "ใต้เท้าเซียว! ท่านอยากให้ข้าช่วยหรือไม่!"
เซียวเฉวียนที่กำลังจ้องมองพู่กันเฉียนคุน เมื่อได้ยินเสียงที่น่ารำคาญนี้ จึงหันกลับมาอย่างรวดเร็วและร้องตะโกนไปว่า "เจ้ามาทำอะไรที่นี่! ไสหัวไป!"
เด็กข้ารับใช้ตระกูลจ้าวพลันตกตะลึงไปในทันที หยาบคาย! หยาบคายมาก! ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจ ท่าทีของเซียวเฉวียนนี่คือสิ่งใดกัน!
เหอะ! การที่เขามาที่นี่ถือเป็นไว้หน้าให้เซียวเฉวียนแล้ว ในยามที่ข้ารับใช้พยายามจะเอ่ยเกลี้ยกล่อมออกมานั้น คุณชาย! ไปกันเถอะ!
ผลก็คือคุณชายใหญ่ของพวกเขาส่ายหัวไปมาแทน "ข้ามิไป!"
"คุณชาย!"
เมื่อเซียวเฉวียนเห็นแพรตวนสิ่งทอแพรเหล่านั้น ก็ได้รู้ว่าคางคกตัวนี้มาที่นี่เพื่อขอแต่งงาน ดีเสียจริง ทันทีที่เขาก้าวขากลับบ้าน วิญญาณของจ้าวหลานก็มิได้สลายไป!
แต่ตอนนี้เซียวเฉวียนมิมีเวลามาสนใจเขา เจ้าเด็กสารเลวอย่างพู่กันเฉียนคุนยังไม่ได้รับการจัดการ เซียวเฉวียนจะมีเวลาดูแลหมูตัวนี้ที่มาส่งกะหล่ำปลีให้บ้านเขาได้อย่างไ: "ไสหัวไป! มิเช่นนั้นหากเจ้าโดนลูกหลงไป จวนตระกูลเซียวจักมิรับผิดชอบ!”
กระเบื้องหมุนและตกลงมา ถ้าคอของจ้าวหลานถูกตัดโดยมิได้ตั้งใจ เซียวเฉวียนจะไม่เดือดร้อนหรือ?
“ใต้เท้าเซียว ท่านห่วงใยข้าหรือ?” จ้าวหลานซึ่งมีจมูกที่ช้ำและตาที่บวม ดวงตาพลันสว่างไสวขึ้น โดยคิดไปเองว่าพี่เขยเช่นเซียวเฉวียนเป็นห่วง
“เหตุใดเจ้าถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้!”
ดวงตาของเซียวเฉวียนพลางเบิกกว้างขึ้น ก่อนจะเอ่ยด่าออกไปอย่างเสียงดัง เซียวเฉวียนได้พบกับคนที่หน้าหนากว่าตัวเขาแล้วจริงๆ!
จ้าวหลานมิสนใจสิ่งที่เซียวเฉวียนเอ่ย พลางเอ่ยตอบรับคำของเซียวเฉวียนว่า "ขอบคุณใต้เท้าเซียวที่ห่วงใยข้า!"
"..."
"..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...