จวนเจี้ยนกั๋ว
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
เสียงหัวเราะเบิกบานใจของใครหลายคนดังขึ้นมาต่อเนื่อง
“เจ้าไม่ได้เห็นไป๋ฉี่คนนั้นยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน หลักฐานกองเป็นพะเนินปานนั้น ได้ยินมาว่าคิดอยากจะคว่ำจวนเว่ยเจี้ยนกั๋วของพวกเรา!”
“จิ๊ๆๆ ช่างเป็นผู้ไม่ประมาณกำลังเอาเสียเลย!”
“ฮ่าๆๆๆๆ! สองนายบ่าวนี่ล้วนโง่นัก! แต่ว่า ได้ยินมาว่าเซียวเฉวียนพอหายดีแล้วก็ไปก่อเรื่องพลิกฟ้าคว่ำดินที่จวนจ้าวมา!”
“ดีแล้วจะอย่างไรล่ะ! ใครจะไปรู้เขาอาจจะป่วยขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้!”
เหล่าองครักษ์กลุ่มหนึ่งหน้าประตูจวนเจี้ยนกำลังซุบซิบนินทา สำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องของเซียวเฉวียนล้วนเป็นเรื่องตลกทั้งสิ้น
พวกเขาไม่ได้มีตำแหน่งในสังคมสูงเท่ากับเซียวเฉวียน และไม่ได้มีตำแนห่งขุนนาง แต่ก็ไม่ได้หยุดยั้งมิให้พวกเขาพูดล้อเลียนอดีตลูกเขยของจวนฉินรายนี้ได้ แถมตอนนี้ยังเป็นลูกเขยแต่งเข้าของแคว้นซินเจียงด้วย
“บังอาจ!”
เสียงตวาดอ้อแอ้เสียงหนึ่งดังขึ้น “หัวเราะอะไรดังปานนี้ กระทบเวลาอ่านหนังสือของจวิ้นอ๋อง! ควรรับโทษเช่นใด!”
เหล่าองครักษ์ตกใจจนต้องหันศีรษะกลับ เพียงได้เห็นเว่ยเป้ยถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้ในมือ สีหน้าของเขาไม่มีแววยินดีเลยสักนิด นางกำนัลข้างกายของเขาเห็นสีหน้าเจ้านายไม่ดี ก็ตวาดซ้ำอีกครั้ง สั่งสอนจนพวกองครักษ์ไม่กล้าเงยหน้า
“พอละ” เว่ยเป้ยที่รู้สึกว่าหนวกหูเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “อีกหน่อยอย่าให้ข้าได้ยินชื่อเซียวเฉวียนในจวนหลังนี้อีก ไม่อย่างนั้น จะฆ่าเสียให้เรียบ”
เว่ยเป้ยนั้นย่อมไม่อาจจะสังหารใครได้ แต่ในเมื่อมีนามของบิดาแท้ๆ อยู่ตรงนี้ ย่อมมีอิทธิพลเป็นที่สุด ดังนั้นเพียงแค่เว่ยเป้ยเอ่ยเบาๆ ประโยคหนึ่ง เหล่าองครักษ์เหล่านั้นก็ตกใจจนต้องก้มหน้าลง “ขอรับๆๆ! อีกหน่อยพวกข้าน้อยไม่กล้าเอ่ยวาจามากความแล้ว! จะไม่ให้ไปกระทบจวิ้นอ๋องแน่!”
“ไปเถอะ”
ไม่ใช่ว่าเว่ยเป้ยไม่อยากได้ยินคำว่าเซียวเฉวียนสองคำนี้ เขาเพียงแค่ไม่ชอบที่คนโบราณพวกนี้เย้ยหยันหมิ่นหยามเซียวเฉวียน
แม้จะทะลุมิติมายังต้าเว่ยเหมือนกัน แต่ชะตาของเซียวเฉวียนอาภัพกว่าเล็กน้อย
เว่ยเป้ยมาอยู่ที่นี่หลายขวบปี กลายเป็นจวิ้นอ๋องที่สูงส่งเหนือใคร เว่ยเป้ยได้มีความทะนงและเวทนาสงสารในแบบที่ผู้มีอำนาจสูงศักดิ์พึงมีโดยไม่รู้ตัว
ทว่า ก็เป็นแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เหล่าองครักษ์ทั้งหลายที่ล่าถอยออกไปทำหน้าคล้ายเห็นผีก็ไม่ปาน ภายในใจหวาดหวั่น จวิ้นอ๋องเว่ยเป้ยผู้นี้ยามปรกติแล้วเป็นมิตรสนิทสนมด้วยง่าย นิสัยไม่เหมือนกับเจี้ยนกั๋วเลย เหตุใดวันนี้จึงดุปานนี้ หรือว่าเริ่มมีบุคลิกแบบเจี้ยนกั๋วหลายส่วนแล้ว?
“ก็ไม่แปลกหรอก ท่านว่านโหลวเป็นอาจารย์ที่สอนจวิ้นอ๋องมาแต่เล็ก เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าเรื่องคดีของขุนนางบุ๋นแปดคนในเทศกาลจงชิว เซียวเฉวียนฆ่าว่านโหลวทิ้ง จวิ้นอ๋องจะไม่โกรธได้อย่างไร?”
“ตอนนี้ใกล้จะสอบเค่อจวี่แล้ว อาจารย์ไม่อยู่ ตัวจวิ้นอ๋องคงจิตใจร้อนรนอยู่เล็กน้อย”
“อืมๆ ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยคงไม่อาจจะพูดถึงเซียวเฉวียนได้แล้ว”
เหล่าองครักษ์พึมพำก่อนจะล่าถอยไป พวกเขาไฉนเลยจะรู้ เว่ยเป้ยนั้นเป็นถึงอาจารย์สอนเคมี แถมยังจบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยชั้นยอดด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนอีกด้วย
เขาจะไปต้องการคำสั่งสอนจากว่านโหลวได้อย่างไร
กลับกันแล้ว เขาเกลียดชังระดับการสั่งสอนของว่านโหลวเป็นอย่างมาก ในยุคปัจจุบันเว่ยเป้ยเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง หากจะถกเรื่องการสอนหนังสือ เว่ยเป้ยนับเป็นชั้นหนึ่ง
หากมิใช่ว่าต้องการปกปิดตัวตน เขาคงไม่ยอมไปกระทั่งสำนักศึกษาชิงหยวนด้วยซ้ำ
ตอนนี้สำนักศึกษาชิงหยวนนั้น มีเว่ยอวี๋เป็นผู้นำ ความรู้ที่สอนก็เป็นแค่ระดับชั้นประถม สำหรับคนโบราณแล้วก็พอไหวอยู่
ทว่าสำหรับเว่ยอวี๋แล้ว นับว่าน่าเบื่อเป็นที่สุด
แต่ว่าต่อให้เบื่อแค่ไหนเขาก็จะไป
ได้ยินมาว่าวันนี้เว่ยอวี๋เป็นผู้สอนด้วยตนเอง ต้องการสอนบวกลบคูณหาร
อา เวรกรรมแท้ เซียวเฉวียนเลือกเว่ยอวี๋ ระดับของเขาต่ำเสียจนเว่ยเป้ยอยากจะขึ้นไปสอนด้วยตนเอง
ตอนนี้เว่ยเป้ยไม่เพียงขึ้นไปสอนไม่ได้ แต่ยังต้องมองหน้าเว่ยอวี๋ด้วยสีหน้า ว้าว สอนได้ยอดเยี่ยม!
หลังจากนั้นเว่ยเป้ยยังต้องแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทำหน้าประจบเข้าไปขอให้สอน ยิ่งเว่ยอวี๋พี่ชายผู้นี้เขายิ่งเห็นแล้วขัดตาอยู่ด้วย 300 หารด้วย 30 เหตุใดจึงเหลือแค่ 1 กันล่ะ?
พ่อ*** นี่หากให้นักเรียนในยุคปัจจุบันของเขารู้เข้า ตัวเขาเว่ยเป้ยยังจะมีหน้าเหลืออยู่ที่ไหน?
“จวิ้นอ๋อง เตรียมรถดีแล้ว มุ่งหน้าไปสำนักศึกษาชิงหยวนกันเถอะ”
“อืม”
นางกำนัลพยุงตัวเว่ยอวี๋ขึ้นรถม้า นัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาจับจ้องสองนายบ่าวเดินทางห่างออกไป จากนั้นเขาหมุนตัวจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...