เดิมทีเหมิงเอ้าและไป๋ฉี่ต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ว่าเซียวเฉวียนนั้นตีตนออกห่าง
เซียวเฉวียนสั่งไม่ให้ไป่ฉี่มายุ่งเรื่องที่จวนเซียว สั่งให้เขารับผิดชอบในการฝึกเหมิงเอ้าและกลุ่มคนบางกลุ่ม
ไป๋ฉี่พูดว่า สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องแยกออกจากนายท่าน แยกออกจากเซียวเฉวียน
เหมิงเอ้าไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นราชองค์รักษ์ของนายท่าน แล้วเหตุใดจึงต้องแยกห่างจากผู้เป็นนายด้วยเล่า?
นายท่านอยู่ที่ใด ราชองครักษ์ก็ต้องอยู่ที่นั่นสิถึงจะถูก
อีกทั้งไป๋ฉี่ยังพูด นายท่านได้ตัดสินใจแล้วที่จะปล่อยให้พวกเขาออกไป
วันนี้ เหมิงเอ้าที่เห็นเซียวเฉวียนฝึกเขาขนาดนี้ จึงรู้ว่าที่ไป๋ฉี่พูดมานั้นเป็นเรื่องจริง นายท่านเตรียมจะทิ้งพวกเขาจริง ๆ
“ทิ้งอย่างนั้นหรือ?”
เซียวเฉวียนสัมผัสได้ว่าเหมิงเอ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เหมิงเอ้า ถ้าข้าเคยพูดเยี่ยงนี้กับไป๋ฉี่จริง ๆ ล่ะก็ พวกเจ้าคงไม่ได้คุ้มกันง่าย ๆ คงไม่ได้เป็นข้ารับใช้ของขุนนางใหญ่ และคงไม่ได้เป็นขุนพลเช่นนี้หรอก”
“พวกเจ้าควรเป็นวีรบุรุษควบม้าอยู่ที่สนามรบ เป็นนายพลที่ชี้สั่งการกองกำลังหลายพันคน!”
“เหตุผลที่ข้าให้พวกเจ้าอยู่ที่จวนเซียว ก็เป็นเพราะว่ายังมิถึงเวลาที่จะให้พวกเจ้าไปสนามรบ!” เซียวเฉวียนพูดอย่างเคร่งขรึม พูดจนเหมิงเอ้าหันกลับมาก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "นายท่าน..."
“เหมิงเอ้า เพียงเพราะยังไม่ถึงจังหวะโอกาส เพราะฉะนั้นข้าถึงให้พวกเจ้าเป็นราชองครักษ์ของข้า เมื่อกาสมาถึง พวกเจ้าคือนกอินทรีที่สมควรโบยบินไปทั่วท้องฟ้า แม้ว่าข้าจะห้ามให้พวกเจ้าไป พวกเจ้าก็คงไม่เต็มใจคุ้มกันเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าเอง…”
“ใครผู้ใดมันพูด! ข้าเต็มใจ!ไป๋ฉี่เองก็เต็มใจ! พวกเราไม่อยากจะห่างจากท่าน!” เหมิงเอ้าพูดอย่างไม่พอใจ ไม่พอใจจนทำให้วาทศิลป์ที่สวยหรูของเซียวเฉวียนพูดไม่ออก จนปัญญาจะพูดกับเด็กนี่ซะจริง จิตการออกรบอยู่ที่ใดกัน นี่มันเด็กน้อยชัด ๆ !
“เหมิงเอ้า!”
เซียวเฉวียนไม่มีทางเลือกจึงจำต้องตะโกนเขาไปหนึ่งที “ทาสคุนหลุนอย่างพวกเจ้าเกิดมาเพื่อรบสงคราม! พวกเจ้าเกิดมาเพื่อสนามรบ! เกิดมาเพื่อทำสงครามเท่านั้น!”
“ไม่ว่าจะเป็นทาสคุนหลุนของต้าเว่ย หรือว่าคนแห่งเขาคุนหลุนที่อยู่เทือกเขาคุนหลุน ในสายตาข้า กระดูกของพวกเจ้าทุกคนมิได้เขียนว่าต้องก้มหัวให้ใคร!
คำพูดนี้ทำให้เหมิงเอ้าชะงัก เซียวเฉวียนชี้มาทางเขา “เจ้าดูตัวเอง เจ้าดูตัวเจ้าให้จงดี เจ้าทั้งสูง แข็งแรง การต่อสู้เหมือนเสือ เจ้าจะเป็นคนปกติได้เยี่ยงไรกัน?”
“ชาวแห่งเขาคุนหลุนจะเต็มใจเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างไร? เป็นแค่องครักษ์?เป็นแค่ราชองครักษ์เช่นนั้นเองหรือ?”
เซียวเฉวียนก้าวเข้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว บีบไหล่ของเขาแน่น พูดเน้นทุกคำทุกประโยค “รอข้าทำลายผนึกจูเสินให้สำเร็จเสียก่อน ราชองครักษ์อย่างพวกเจ้าก็ไม่ต้องพึ่งบทกวีของปัญญาชนอีกต่อไป! เจ้าจะเป็นเช่นเดียวกับไป่ฉี่ หลบหนีจากพันธนาการจากผนึกจูเสิน เช่นนี้ พวกเจ้าทุกคนก็จะได้ไม่ต้องถูกดขี่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว!
“เมื่อทำลายผนึกจูเสินสิ้นแล้ว แม้ว่าเจ้าจะยังคงถูกพันธนาการกับปัญญาชน แต่มันก็พันธนาการโดยความสัมพันธ์ตามสัญญาเท่านั้น สิทธิในการมีชีวิตของเจ้า สามารถขึ้นอยู่กับตนเองได้แล้ว! เจ้าอยากจะตามนายท่านก็ย่อมได้ หรือไม่อยากตามนายท่านก็ย่อมออกห่างได้เช่นเดียวกัน”
“ยามนี้มีราชองครักษ์ผู้ใดสามารถเลือกนายท่าน ออกห่างจากนายท่านได้บ้างเล่า?” เซียวเฉวียนจับไหล่ของเหมิงเอ้าแน่น จับจนแน่น “ยามนี้ราชองครักษ์ทั้งหมดไม่มีทางเลือก ผู้ที่ไม่มีทางเลือกย่อมด้อยกว่าผู้อื่น แม้แต่ชีวิตก็ไม่ใช่ของตนเอง”
“ต้วข้า เซียวเฉวียนไม่ได้จะขับไล่พวกเจ้าไปจริง ๆ เสียหน่อย พอจวนถึงเวลาจริง เจ้าสามารถเลือกที่จะติดตามข้าต่อไปได้ เจ้าสามารถไปที่สนามรบได้อย่างอิสระ ยืนอยู่ด้วยลำแข็งของตัวเอง” เซียวจ้องมองไปที่เหมิงเอ้า “เหมิงเอ้า เจ้าไม่อยากได้อิสรภาพหรืออย่างไร?”
อิสรภาพ…
คำ ๆ นี้ เหมิงเอ้าไม่เคยนึกถึงมาก่อน
“เหมิงเอ้า ที่ข้าทำมาเยอะถึงเพียงนี้ ที่ข้าสอบขุนนางระดับเคอจี่ ที่เป็นขุนนาง ทั้งทำลายผนึกจูเสิน เจ้าคิดว่าเพื่อหน้าที่การงานอย่างนั้นหรือ?”
“เพื่อให้พวกเจ้ามาเป็นราชองครักษ์ที่จวนเซียวตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ เจ้าสามารถอยู่กับข้าไปตลอดชีวิตได้ แต่เหมิงเอ้า” ดวงตาเซียวเฉวียนมีน้ำตาขึ้น “ข้ารู้ความภักดีของเจ้าและไป๋ฉี่ แต่ข้าอยากจะให้อิสรภาพกับพวกเจ้า! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
เซียวเฉวียนยากที่จะเข้าใจเหมิงเอ้าผู้นี้เสียจริง ใช้ความคิดสมัยใหม่หารือกับเขาถึงสิทธิในการมีชีวิตและเสรีภาพที่พลเมืองควรมี ด้วยเหตุนี้ ตนจึงเลือกวิธีที่ตรงไปตรงมาพูดกับเขา “ข้าไม่เพียงแต่อยากจะให้พวกเจ้าเป็นอิสระ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ข้าอยากให้พวกเจ้าได้เป็นสามัญชนคนธรรมดา”
เซียวเฉวียนขบฟัน น้ำตาใกล้จะไหลออกมาเต็มที “ที่ข้าทำมาทั้งหมดนี้ ข้าต้องการอยากจะให้พวกเจ้าเป็นคนที่มีทางเลือก เป็นคนธรรมดาที่สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้”
เหมิงเอ้าตกตะลึง
“ข้ามิอยากให้ผู้อื่นมองพวกเจ้าเยี่ยงทาส ข้าไม่อยากให้เจ้ายืนอยู่นอกวังตลอดไป” เซียวเฉวียนส่ายหน้า “ข้ามิอยากให้ทุกคนเหยียบย่ำเจ้า! มิต้องการให้ทุกคนดุด่าเจ้า! "
“และยิ่งตอนที่ข้าไม่อยู่ข้ามิต้องการเห็นพวกเจ้าถูกรังแก ทำได้เพียงแค่ก้มหัว! ทำได้แค่เพียงขอร้องให้พวกเขาปล่อยพวกเจ้าไป! ทำได้เพียงอดทนอย่างเงียบ ๆ !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...