ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 598

รากจิตอักษรเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พละกำลังและความสามารถในการขับบทกลอนของคนผู้หนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

ปัญญาชนทุกคนในต้าเว่ยต่างก็ติดตามการเปลี่ยนแปลงของรากจิตอักษรของตนเองอย่างใกล้ชิด แม้นายท่านจะไม่สนใจอะไรเลย จะมีก็มีไม่มีก็ช่าง กระทั่งมองก็ไม่มองเลยก็ตาม

ในตอนที่ไป๋ฉี่กับเหมิงเอ้าต้องจดจำวงโคจรและลักษณะการเติบโตของรากจิตอักษรแทนเขานั้น นายท่านมันจะปฏิเสธต่อต้านเป็นอย่างมากอยู่เสมอ การบอกให้ผู้ชายตัวใหญ่บึกบึนสองคนมาจ้องมองเรือนร่างของตนเองนั้น มันก็ดูจะแปลกหน่อย ๆ

ไป๋ฉี่จะร้องไห้ก็ไม่ได้ จะยิ้มก็ไม่ออก ทุกครั้งในช่วงเวลาเช่นนี้ นายท่านมันจะขวยเขินคล้ายกับแม่นางน้อยเลยก็ไม่ปาน สู้เรี่ยวแรงมหาศาลขององครักษ์เหล่านี้อย่างพวกเขาไม่ได้

นายท่านกล่าวว่าริ้วรอยของรากจิตอักษรนี้ก็เป็นเพียงแค่รอยสักแสนเท่บนร่างกายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิมีประโยชน์อื่นใดเลย มีสิ่งใดน่ามองกันเชียว

ไป๋ฉี่จึงทำได้เพียงแค่ช่างมันแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นไป๋ฉี่จึงมิได้ตรวจสอบรากจิตอักษรของนายท่านมาเนิ่นนานแล้ว วันนี้เมื่อได้มามองดู รากจิตอักษรที่ลามมาจนถึงลำคอแต่เดิม บัดนี้กลับลุกลามจากลำคอไปยังแขน หลังจากนั้นก็ไปตามข้อมือแล้ว

เซียวเฉวียนไม่ยินยอมให้ไป๋ฉี่กับเหมิงเอ้าจ้องมองมันทุกวัน ทว่าการมองดูแลปกป้องร่างกายของนายท่านนั้น ทั้งก็เป็นหน้าที่ที่องครักษ์จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน

ในทุกครั้งยามที่เซียวเฉวียนหลับใหลไป ไป๋ฉี่จะใช้กำลังภายในตรวจสอบร่างกายของเซียวเฉวียนหนึ่งหนอยู่เสมอ ตรวจสอบว่าเส้นลมปราณของนายท่านยังติดขัดอยู่หรือไม่ มีร่องรอยของการถูกพิษอยู่อีกหรือไม่ มีการบาดเจ็บภายในอยู่อีกหรือไม่

โชคดีที่เซียวเฉวียนเป็นผู้ที่แข็งแรงเป็นอย่างมากมาโดยตลอด ไป๋ฉี่ตรวจสอบดูทุกวัน ทั้งก็มิได้ค้นพบสิ่งใดเช่นเดียวกัน

วันคืนผ่านพ้นไป ในสถานที่ที่เซียวเฉวียนมองเห็นและมองไม่เห็น ไม่ว่าเซียวเฉวียนจะอยู่ไกลหรือว่าอยู่ใกล้ไป๋ฉี่ก็ตาม ไป๋ฉี่ก็ล้วนรับบทบาทเป็นผู้คุ้มครองอย่างเต็มกำลังอยู่ดี

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายเซียวเฉวียน ไป๋ฉี่ทราบดีราวกับลายนิ้วมือบนฝ่ามือ

รวมไปถึงตราประทับระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียนด้วย มันมีสีเข้มขึ้นมาเล็กน้อย เซียวเฉวียนมิได้ค้นพบมันเลย ทว่าไป๋ฉี่กลับกระจ่างแจ้งเป็นอย่างมาก

ตอนกลางวันไป๋ฉี่กับเหมิงเอ้าจะทำการฝึกฝนอย่างเต็มรูปแบบ พอมาตกกลางคืนไป๋ฉี่กับเหมิงเอ้าก็มักจะเหลือเวลาเอาไว้ให้เล็กน้อยอยู่เสมอ เพื่อแอบติดตามสุขภาพของนายท่าน

เรื่องนี้มิสามารถให้นายท่านทราบได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นนายท่านก็จะกอดตัวเองเอาไว้จนสั่นหงึก ๆ ริมฝีปากเอ่ยกล่าวโทษว่า "ที่พวกเจ้าจ้องข้าทุกวันแบบนี้เพราะคิดอะไรกับข้าใช่ไหม"

ฉากกำบังหนึ่งกำลังปิดคลุมเซียวเฉวียนเอาไว้อยู่ ฝนที่อั้นมาทั้งวันในท้ายที่สุดก็ตกลงมาแล้ว ตอนกลางคืนของฤดูใบไม้ร่วงนั้นหนาวเย็น ไป๋ฉี่สร้างฉากกำบังให้เซียวเฉวียนสามารถนอนได้อย่างเต็มอิ่ม

ไป๋ฉี่เงยศีรษะขึ้น สบตามองไปยังฝนห่าใหญ่ ยังคงรู้สึกเศร้าโศก

ครึ่งปีก่อนหน้ายามที่เขาสบตามองฝนเช่นนี้ยังคงเป็นทาสคุนหลุนผู้หนึ่งอยู่เลย เขาอยู่ที่หัวถนนท้ายซอยของเมืองหลวง ตัวเปียกชุ่มอย่างรุนแรงและหนาวเหน็บเพราะฝน บนศีรษะไม่มีแม้กระเบื้องครึ่งแผ่นมาคลุมศีรษะเอาไว้

ทว่าบัดนี้ยังผ่านไปไม่ถึงปี เขาได้กินเป็นอย่างดีแล้ว ได้สวมใส่เป็นอย่างดีแล้ว มารดาเองก็อาศัยอยู่ในจวนเซียวอย่างปลอดภัย ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเป็นสุข น้องสาวก็เข้าวังไปเป็นสนมคนโปรด

ชะตาชีวิตทั้งสองที่ไม่เหมือนกันกลับแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในระยะเวลาหนึ่งปี

ไป๋ฉี่สบตามองเซียวเฉวียนที่หลับสนิทไปแล้วหนึ่งหน บนโลกใบนี้คงมีเพียงนายท่านเท่านั้นแล้วที่มีความสามารถนี้กระมัง

ที่สำคัญที่สุดเลยคือไป๋ฉี่สามารถเป็นอิสระจากการผูกมัดของผนึกจูเสินได้ ความสบายอกสบายใจของเรือนร่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คนนอกมองดูแล้วเขากับตอนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก ทว่าเขานั้นกลับสามารถสัมผัสได้ถึงมันจริง ๆ สิ่งที่เรียกว่าอิสระพรรค์นั้นน่ะ

ภายในหัวใจของเขาไม่ถูกพละกำลังของการดูถูกผูกมัดอีกต่อไปแล้ว

นี่คืออิสระของการหายใจอย่างหนึ่ง

คืออิสระที่ได้ถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์อย่างหนึ่ง

คืออิสระที่ได้เป็นเหมือนดั่งสรรพสิ่งในโลกอย่างหนึ่ง เขากำลังเติบโตภายใต้แสงอาทิตย์และอากาศอย่างตามอำเภอใจ

ความรู้สึกนี้ช่างทำให้มนุษย์ลุ่มหลงเสียจริง

ในดวงตาของไป๋ฉี่ยังคงมีกลิ่นอายสังหารกับแสงสว่างเกี่ยวพันกันอยู่

เห็นโลกยามค่ำคืนที่มีฝนโปรยปรายดังนี้แล้ว ภายในหัวใจของไป๋ฉี่มิได้มีความหนาวเหน็บเลยแม้แต่นิดเดียว มีเหลือเพียงแค่พละกำลังอันไร้ที่สิ้นสุดและความอบอุ่นเท่านั้น

ไป๋ฉี่คิดอยากที่จะให้เหมิงเอ้าพวกเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เป็นอิสระเช่นนี้บ้าง ทำลายผนึกจูเสิน เขากับเซียวเฉวียนก็เหมือนกัน เป็นเรื่องที่จะต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

...

พระตำหนักฉางหมิง

มีคนผู้หนึ่งที่มิรู้ว่าคุกเข่าอยู่ที่นี่มาเนิ่นนานเท่าใดแล้ว

คงจะเนิ่นนานเป็นอย่างมากแล้วกระมัง

เนิ่นนานจนกระทั่งหัวเข่าเจ็บระบมไปหมดแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย