ฮ่องเต้ย่อมทรงทราบอยู่แล้วว่าคนตงฉินเช่นเฉาสิงจือนั้นมิใช่คนเช่นนั้น
ทว่าหากไม่กระตุ้นเขาเช่นนี้เสียหน่อยแล้วละก็ ความดื้อรั้นหัวแข็งของเฉาสิงจือนี้ เกรงว่าคงจะต้องคุกเข่าไปจนแก่เฒ่าจริง ๆ เป็นแน่น
เขาไม่นอน แต่ฮ่องเต้อยากนอนแล้ว
ข้อต่อนิ้วพระหัตถ์ของฮ่องเต้ล้วนเต็มไปด้วยรอยด้านจากการจับพู่กัน มือของเฉาสิงจือเหี่ยวอยู่เล็กน้อยแต่กลับมิสู้ความด้านหนาจากพระหัตถ์ของฮ่องเต้ได้เลย "เฉาอ้ายชิง ตัวข้ารู้ว่าบัดนี้เซียวเฉวียนดีขึ้นมากแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงมาโน้มน้าวข้าอย่างลุกลี้ลุกลนเช่นนี้ใช่หรือไม่"
อัสนีในสาทรฤดูดังสนั่นขึ้นหนึ่งเสียงทันที พระสุรเสียงของฮ่องเต้ราวกับอัสนีบนท้องนภาที่มีอานุภาพมหาศาลเลยก็ไม่ปาน "เฉาอ้ายชิง ที่เจ้ากล่าวถึงความปลอดภัยกับการปกรักษาที่ว่า ตัวข้าเองก็ทำมานานหลายปีแล้ว"
"ทุกคนต่างก็โน้มน้าวให้ตัวข้ามั่นคง สั่งสมกำลัง มิต้องเกรงกลัวคนผู้นั้น"
คนผู้นั้นที่ฮ่องเต้ทรงตรัสถึงคือเว่ยเชียนชิว การที่ผู้อยู่เหนือปวงประชาตรัสออกมาเช่นนี้นั้น ทำให้คนรู้สึกผิดอย่างไร้เทียบเทียม ริมฝีปากของเฉาสิงจือสั่นระริกทันที รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย เป็นเพราะขุนนางอย่างพวกเขาที่ไร้ความสามารถ ดังนั้นฝ่าบาทจึงต้องทรงตกที่นั่งลำบากเช่นนี้...
"ตัวข้าทำได้แล้ว ในหลายปีมานี้ข้าฟังคำพูดของพวกเจ้าแล้ว ข้าเองก็แอบสั่งสมกำลังแล้วด้วยเช่นกัน ข้าแก้การสอบเข้ารับราชการแล้ว ปกป้องปัญญาชน รักใคร่ปวงประชา"
"หึ" ฮ่องเต้กำมือของเฉาสิงจือเอาไว้แน่น "นี่ยังไม่พอ ยังไม่พอเลยสักนิด ข้ารู้ว่าอ้ายชิงทำเรื่องราวระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่พวกเราระมัดระวังมากเกินไปแล้ว คนเช่นเซียวเฉวียนพรรค์นี้น่ะ ช่างสามารถชดเชยส่วนที่ขาดหายของพวกเราไปได้อย่างพอดี"
เฉาสิงจือส่ายศีรษะ "หากผนึกจูเสินแตกแล้วละก็ องครักษ์ก็จะไม่ถูกหยุดยั้งอีกต่อไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ท่านคงจะทราบดี! ตำราโบราณมีบันทึกเอาไว้ว่าผนึกจูเสินถือกำเนิดมาเพื่อปราบปรามชาวคุนหลุน!"
"ตัวข้ารู้ดี!" เมื่อฮ่องเต้ทรงตรัสประโยคนี้ออกมาแล้ว เฉาสิงจือพลันชะงักนิ่งทันที "เฉาสิงจือ หากต้องการที่จะต่อกรกับพยัคฆ์ร้ายเช่นเว่ยเชียนชิวพรรค์นี้ มีเพียงแค่ต้องปล่อยพยัคฆ์อีกตัวออกไปเท่านั้นแล้ว! หากอาศัยการถอยทัพในตอนก่อนหน้าแล้วละก็ มันก็เป็นเพียงแค่การทำให้เว่ยเชียนชิวยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้น!"
"ฝ่าบาท..." เฉาสิงจือสบตามองด้วยความตกตะลึง ปีนี้ฮ่องเต้ทรงมีพระชันษาเพียงแค่สิบเก้าชันษาเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีความทะเยอทะยานบนสีพระพักตร์เยาว์วัยนั่นมาก่อนเลย
ทว่าบัดนี้สีพระพักตร์ทางด้านบนนั้นกลับมากไปด้วยความอับจนปัญญา
"ฝ่าบาท จำเป็นที่จะต้องเป็นเซียวเฉวียนเท่านั้นจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?"
ดวงตาของเฉาสิงจือสาดประกายวับวาว บางทีหากรออีกหน่อยก็อาจจะมีหนทางที่ดีกว่าที่จะสามารถกำจัดเว่ยเชียนชิวได้ก็เป็นได้
"ใช่ ต้องเป็นเขาเท่านั้น" ฮ่องเต้ทรงพยักพระพักตร์อย่างหมายมั่น "ในหนนี้หลังเซียวเฉวียนดีขึ้นแล้ว ผนึกจูเสินจะถูกทำลายทันที ข้าวางแผนว่าจะโยกย้ายเขาเข้ามาทำงานในราชสำนัก"
หา?
เฉาสิงจือตะลึงงันทันที เข้าทำงานในราชสำนัก?
ตำแหน่งงานใดในราชสำนักที่เหมาะสมกับเซียวเฉวียน?
"แม้เซียวเฉวียนจะเป็นรองรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงของกองราชองครักษ์ ทั้งยังเป็นประมุขแห่งชิงหยวน ทว่าคนผู้นี้เกียจคร้านเป็นอย่างมาก การงานล้วนสั่งการให้หลี่มู่กับอี้กุยพวกเขาทำทั้งหมด กระทั่งพระอนุชาแท้ ๆ ของตัวข้ายังไปสอนหนังสือแทนเขาที่สถานศึกษาชิงหยวนเสียด้วยซ้ำ"
"ข้าราชการเช่นนี้ เที่ยวเล่นทำตัวว่างการว่างงานข้างนอก เป็นเช่นนี้จะคู่ควรกับเงินเดือนที่ตัวข้าให้ได้อย่างไร?"
ฮ่องเต้แย้มพระสรวลเล็กน้อย "ข้าต้องจับตาดูเขาในทุกวัน เอาเซียวเฉวียนเข้ามาไว้ในราชสำนักแล้วเขาจึงจะไม่สร้างเรื่องราวอะไร ตัวข้าถึงจะได้วางใจ"
ฮ่องเต้ตรัสไปมา เฉาสิงจือล้วนหลงลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อครู่ได้พูดคุยหัวข้อสนทนาใดกับฮ่องเต้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ไหลไปตามหัวข้อสนทนาของฮ่องเต้เท่านั้นแล้ว "เช่นนั้นฝ่าบาททรงคิดจัดแจงให้เซียวเฉวียนรับตำแหน่งใดในราชสำนักหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
ยามที่เอ่ยถามคำถามนี้นั้น สมองของเฉาสิงจือล้วนหมุนติ้ว ๆ ไปทั้งหมดแล้ว
ในราชสำนักนี้แทบจะมิมีตำแหน่งราชการใดที่จะเหมาะสมกับเซียวเฉวียนอีกแล้วกระมัง
งานที่จะสามารถอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทได้ในทุก ๆ วันนั้น หากมิใช่องครักษ์ก็คงต้องเป็นขันทีแล้ว
หากเป็นองครักษ์ละก็ เซียวเฉวียนย่อมไม่ทำอย่างแน่นอน มิต้องกล่าวถึงปกป้องความปลอดภัยของฝ่าบาทหรอก เพราะเซียวเฉวียนจะต้องสร้างความวุ่นวายขึ้นมาก่อนเป็นแน่น
หรือว่าจะเป็นขันที?
เฉาสิงจือขมวดคิ้วแน่น สบตามองไปยังฮ่องเต้อย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ "ฝ่า ฝ่าบาท นี่...ไม่ค่อยดีกระมัง? เซียวเฉวียนเป็นชายชาตรี ทั้งก็เป็นบุตรเพียงผู้เดียวของตระกูลเซียวด้วยเช่นกัน ให้เขามาอยู่ข้างพระวรกายท่านทุกวันเช่นนี้ นี่มัน...นี่มันจะ..."
นี่มันจะเกินไปหน่อยแล้วหรือเปล่า?
ผู้สอบเข้ารับราชการได้ลำดับที่หนึ่งผู้หนึ่ง ประมุขแห่งชิงหยวนผู้หนึ่งจะสามารถเป็นขันทีได้เช่นไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นแล้วฝ่าบาทยังแบ่งอำนาจในของรัฐไป๋ลู่ครึ่งหนึ่งให้กับเซียวเฉวียนอีก ก่อนหน้านี้ปฏิบัติต่อเซียวเฉวียนดีมากขนาดนั้น ตอนนี้จะให้เซียวเฉวียนเป็นขันทีอีก หากเซียวเฉวียนทราบเข้าจะต้องสร้างความวุ่นวายมหาศาลเป็นแน่!
หรือจะเป็นเพราะว่าช่วงยี่สิบวันมานี้ตนเองจอแจฝ่าบาทเข้าให้เสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วฝ่าบาทจึงทรงบันดาลโทสะต่อเซียวเฉวียน ดังนั้นจึงปฏิบัติต่อเซียวเฉวียนเช่นนี้?
ขาทั้งสองข้างของเฉาสิงจืออ่อนแรงทันที สร้างบาปกรรมแล้ว! สร้างบาปกรรมแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...