ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 603

สรุปบท บทที่ 603 เริ่มลงมือ: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 603 เริ่มลงมือ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 603 เริ่มลงมือ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ! ไอ้สัตว์เดรัจฉานงั้นรึ?”

จ้าวอีโต้วเงยหน้าขึ้นโห่ร้อง คำพูดของเซียวจิงช่างน่าขันเสียจริง “แม่นางน้อย แม้ว่าข้าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ ท่านพ่อของเจ้าไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

“ศพของเขาคงมีแต่หนอนชอนไช เลือดเนื้อของเขาคงกลายเป็นแอ่งน้ำหนองไปแล้ว อ้อ...” จ้าวอีโต้วตาลุกวาว “เขาตายมาหลายปีแล้ว ตอนนี้คงเหลือแต่กระดูกแล้วล่ะ”

“เจ้าว่าตอนที่เขานอนอยู่ใต้ดินจะหนาวหรือไม่? จะอบอุ่นเหมือนข้าที่สวมขนมิงค์หรือไม่?”

ทุกคำทุกประโยคของจ้าวอีโต้ว สำหรับผู้ที่สูญเสียคนที่รักแล้วนั้น ราวกับถูกมีดแทงทะลุที่หน้าอกของเซียวจิง “เลิกพูดได้แล้ว! เลิกพูดได้แล้ว!”

เมื่อเห็นท่าทางของเซียวจิง จ้าวอีโต้วมีความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจมากขึ้น เขาเหมือนกับสัตว์ร้ายที่มืดมน กัดกินความเจ็บปวดและน้ำตาของเซียวจิงเป็นอาหาร “เจ้าคงไม่รู้สินะ ตอนที่ท่านพ่อเจ้าตายยังเคยขอร้องพวกข้าด้วย”

“ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้มีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ กลับเคยขอร้องพวกข้า! โอ้ย แม่นางน้อย เจ้าคงนึกไม่ถึงสินะว่าท่านพ่อของเจ้าเคยคุกเข่าขอร้องพวกข้าด้วย! ฮ่า ๆ ๆ!”

“ที่น่าขันก็คือ เจ้ารู้ไหมว่าเขาขอร้องสิ่งใดต่อพวกข้า?”

“ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ!” จ้าวอีโต้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สนามรบในตอนนั้นเรียกได้ว่ามีกลิ่นคาวเลือดอันคละคลุ้งไปหมด สายเลือดที่ลอยอยู่บนฟ้าล้วนไม่ใช่ของศัตรู และไม่ใช่ของโจรต่างแดนเหล่านั้น แต่เป็นของกองทัพตระกูลเซียว

จ้าวอีโต้วเงยหน้าขึ้น เขากำลังรำลึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี แต่เขายังคงจำเหตุการณ์นั้นได้

เพียงแต่ในตอนนั้นเขายังอายุน้อยมาก ไม่เป็นที่รู้จัก และไม่ใช่กองกำลังหลัก เป็นเพราะเขายืนมองอยู่ข้าง ๆ จึงเห็นว่าเหตุการณ์โดยรวมน่าหวาดกลัวมากแค่ไหน

เลือดพุ่งกระเซ็นออกมาราวกับหยาดฝน

ศพกองอยู่เต็มพื้น

ในอากาศล้วนคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่หอมหวาน หืม คาวเหลือเกิน คาวจนอยากคลื่นไส้อาเจียน

ในตอนนั้นจ้าวอีโต้วก็น้ำลายไหลออกมา พลางขมวดคิ้วแน่น หุบเขาแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ธรรมชาติที่มีภูเขาสีเขียวซ้อนทับกันอีกต่อไป แต่กลายเป็นหลุมฝังศพ

กองทัพตระกูลเซียวเสียชีวิตด้วยด้วยน้ำมือชาวยุทธ์แท้ของเว่ยเชียนชิว

บางทีในเวลานั้น กองทัพตระกูลเซียวอาจจําได้ว่าคนที่แอบโจมตีพวกเขาเป็นคนของตัวเอง เขาทั้งหลายก็หนีไม่พ้น จึงมีความโกรธที่เต็มเปี่ยม ทำได้เพียงถือดาบคมไว้ในมือ กระโจนเข้าไปฟาดฟันกับชาวยุทธ์แท้อย่างไม่ขาดสาย

เซียวเทียนกำลังหัวเสีย ปีศาจกวีก็กำลังหัวเสีย เสียงร้องคำรามของพวกเขาสั่นสะเทือนถึงสวรรค์ชั้นเก้า ตอนนี้จ้าวอีโต้วยังจำเสียงออกคำสั่งของเซียวเทียนได้เป็นอย่างดี เสียงที่แน่วแน่ ไม่ยอมแพ้ และไม่กลัวความตาย

แต่แล้วอย่างไรเล่า?

เมื่อเทียบอาวุธสังหารระดับสุดยอดของกองทัพตระกูลเซียวและชาวยุทธ์แท้ ยังถือว่าแตกต่างกันพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของกองทัพตระกูลเซียว ไม่เอื้ออํานวยต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

กองทัพตระกูลเซียวห้าหมื่นคน ถูกสังหารโดยชาวยุทธ์แท้เพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น

“แม่นางน้อย หากเจ้าได้เห็นเหตุการณ์ของสงครามเช่นนั้น เรื่องมากมายบนโลกใบนี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย”

จ้าวอีโต้วภาคภูมิใจในตัวเอง การตายของกองทัพตระกูลเซียวในแนวความคิดของเขา ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่แปลกตา และประสบการณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น

“หุบปากนะ!”

เซียวจิงร้องไห้จนตาแดงก่ำ “ท่านและเว่ยเชียนชิวจะต้องไม่ตายดี!”

จ้าวอีโต้วถอนหายใจอย่างเยือกเย็น “เพียงตระกูลเซียวตัวเล็ก ๆ ช่างน่าขันเสียจริง! ตั้งแต่รุ่นพ่อจวบจนถึงรุ่นลูกต่างกล้าท้าทายพวกข้า! ยังกล้ามาตำหนิข้าด้วยงั้นหรือ? ตบปาก!”

สิ้นเสียงของจ้าวอีโต้ว นายหญิงสกุลจ้าวรีบรุดเข้ามาในทันที และตบหน้าเซียวจิงดังเพี๊ยะ ๆ เซียวจิงถูกตบจนหน้ามืดตาลาย พร้อมกับมีเลือดพุ่งออกมาเต็มปาก

“นายท่าน นางสำรอกเลือดออกมา”

นายหญิงสกุลจ้าวตื่นตระหนกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ผู้แอบแฝงคนอื่น ๆ ที่มาแทนเจ้าของเดิม โดยปกติแล้วเจ้าของเดิมจะได้รับการดูแลจากจวนจ้าวเป็นอย่างดี อย่างไรเสียคุณหนูใหญ่ผู้เกิดในตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้ล้วนเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง

มีเพียงเซียวจิงที่ไม่ว่านายท่านอารมณ์ดีหรือไม่ดี ต่างต้องลากตัวนางออกมาทรมานสักรอบ หากเบาหน่อยก็แค่ดื่มน้ำล้างเท้า แต่ถ้าหนัก ๆ ก็จะเป็นการทุบตี

เซียวจิงดูท่าทางเหมือนคนผอมบาง แต่กลับมีแรงต่อต้าน ทว่าจู่ ๆ วันนี้นางสำรอกเลือดออกมา ทำให้นายหญิงสกุลจ้าวทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย “เว่ยเจียนกั๋วสั่งว่าให้ไว้ชีวิตนาง หากตีนางจนตายจะบอกเขาอย่างไรดีนายท่าน!”

ในใจของจ้าวอีโต้ว ชื่อของเว่ยเจียนกั๋วเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เขาโบกมือและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เอาล่ะ พอได้แล้ว”

“อ้ะ ๆ ๆ ได้ ๆ ๆ” นายหญิงสกุลจ้าวพยักหน้าและรีบวางมือ

“นำตัวนางไปมัดไว้ที่เตียง เมื่อข้าเข้าเฝ้าเสร็จแล้ว ข้าต้องการตัวนาง เอาผ้าขนหนูอุดปากนางไว้ ห้ามให้นางกัดลิ้นและปลิดชีวิตตัวเองเด็ดขาด”

“โอ้ย!”

เสียงกรีดร้องของเซียวจิง ร้องเสียจนผู้คนขนพองสยองเกล้า

เหล่าคนรับใช้ของจวนจ้าวได้ยินต่างก็พากันขนหัวลุก พวกนางต่างพูดกันต่าง ๆ นา ๆ “ผู้ใดทำให้ท่านฮูหยินไม่พอใจอีกงั้นหรือ?”

“ฟังเสียงกรีดร้องนี้ ช่างทรมานเสียจริง เหตุใดช่วงนี้มักได้ยินเสียงร้องที่ทรมาน แต่กลับไม่มีผู้ใดในกลุ่มของพวกเราที่บาดเจ็บเลย?”

“เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้หญิงข้างนอกนั่นเข้ามายั่วยวนนายท่าน และถูกฮูหยินพบเข้า จึงถูกจับขังและทรมาน”

“อาจเป็นไปได้ แย่แล้ว ๆ ไม่รู้ว่าใครกันที่ทำผิดต่อฮูหยินเช่นนี้”

คนรับใช้กลุ่มนี้ได้ยินเสียงกรีดร้องต่างพากันส่ายหน้า ฮูหยินจ้าวขี้อิจฉาริษยา สาวรับใช้อย่างพวกนางต่างไม่กล้าเสนอหน้าไปให้นายท่านพบเห็นง่าย ๆ มิเช่นนั้นหากทำสีหน้าท่าทางที่ผิดพลาดไป จะถือว่าพวกนางยั่วยวนนายท่าน จากนั้นพวกนางก็จะถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม

ขณะที่เหล่าคนรับใช้ซุบซิบกันอยู่ จู่ ๆ ชายสูงใหญ่หลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นและเงาก็ปกคลุมพวกนาง

พวกนางตกตะลึง เงยหน้าขึ้นและสบตากับดวงตาที่น่ากลัวราวกับเสือและหมาป่าหลายคู่

“วันนี้จวนจ้าวจะมีภัยพิบัติใหญ่ หากยังอยากมีชีวิตรอดก็รีบหนีไปซะ”

เสียงของคนผู้นั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งเดือนสิบสอง เมื่อเขาพูดจบ ดาบจิงหุนก็ลอยเข้ามาอย่างรวดเร็วและฟันหินลับมีดด้านหน้าพวกนางแตกกระจุย

“อ๊าย!”

เหล่าคนรับใช้ตกใจจนพากันกรีดร้อง พลางหนีไปคนละทิศคนละทาง

จวนจ้าวก็สับสนอลหม่านทันที

ไป๋ฉี่ชักดาบจิงหุนที่พื้นขึ้นมา เขาหันตัวกลับไปพร้อมกับปีนขึ้นไปบนหลังคา และมองไปที่จวนจ้าวอย่างดุเดือด “ปิดล้อมจวนจ้าว! ปล่อยคนรับใช้ออกไป จับกุมคนที่ใช้สกุลจ้าวไว้ทั้งหมด!”

“ขอรับ!”

เจ้าหนึ่งถึงเจ้าสิบส่งสายตาเยือกเย็น หายตัวแวบและกระจายกันไปตามคำสั่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย