สรุปตอน บทที่ 610 กิเลนนปรากฏตัว – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 610 กิเลนนปรากฏตัว ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
กวนหยางตัวจริงเสียงอ่อนแรง เล่าเรื่องของคนปลอมให้ฟังอย่างน่าสนใจ
ทั้งหอตำหนักเงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงของกวนหยางที่กำลังเล่าอย่างน้อยอกน้อยใจ
ในที่สุดคดีของคนปลอม ก็ถูกเปิดเผย
คนทั้งราชสำนักตกใจมาก
กวนเหลียงตะโกนด้วยความโกรธ "จ้าวอีโต้ว! ข้าเป็นเพื่อนกับเจ้ามาตั้งหลายปี! ไม่คิดว่าเจ้ามาทำกับข้าอย่างนี้!"
จ้าวอีโต้วตัวสั่น "ท่านกวน มันไม่ใช่! ฝ่าบาท มันไม่ใช่อย่างนั้น!"
”หรือเจ้าจะหาว่ากวนหยางบ้านข้าให้ร้ายเจ้าเหรอ?” กวนเหลียงคว้าตัวปลอมมา “แล้วคนนี้คือใคร! แล้วกิ๊บติดผมไข่มุกที่เธอสวมบนหัวนั่นคืออะไร!”
”ท่านจงฟังคำอธิบายของข้าสิ!”
“ข้าไม่! เจ้าต้องบอกมาดีๆ นะ!”
จ้าวอีโต้วและกวนเหลียงก็ทะเลาะกันขึ้นมา
แต่ในหูของเซียวเฉวียน ได้ยินมีแต่เสียงนี้ "โฮ้ง ๆ ๆ ?"
“โฮ้ง ๆ ๆ !”
“โฮ้ง ๆ ๆ ๆ ๆ?”
“โฮ้ง ๆ !”
สุนัขสองตัวเห่ากันไปเห่ากัน และกัดกันไปกัดกันมา
ไม่น่าแปลกใจที่กวนเหลียงจะโกรธขนาดนี้ เป็นใครๆ ก็โกรธ
แต่เซียวเฉวียนไม่สนใจ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่ลิ้นของจ้าวอีโต้วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกำจัดเรื่องคนปลอมของ เว่ยเชียนชิวไม่ให้มีอยู่อีกต่อไป สำหรับกระบวนการปัจจุบันเป็นยังไง เซียวเฉวียนไม่ได้กังวลมันมากนัก
หลังจากเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ที่เหลือบรรดาขุนนางราชสำนักก็จะจัดการเอง เรื่องนี้พัวพันกันกว้างมาก จ้าวอีโต้วจะต้องถูกคนทั้งหลายรุมทึ้งอย่างแน่นอน
ถ้าไม่ใช่นี่เป็นตำหนักฉางหมิง ตอนนี้เซียวเฉวียนอยากจะตั้งโต๊ะวางน้ำชา จิบชากันไปพร้อมกับรับชมฉากเรื่องราวอันยอดเยี่ยมนี้ให้มันส์ไปเลย
เวลานี้องค์จักรพรรดิได้ทรงถือโอกาสประกาศรายชื่อผู้ที่ถูกแทนที่โดยคนปลอม ในนั้น ข้าราชฯ ที่เฝ้าดูเหตุการณ์บางคนเอ๊ะขึ้น เฮ่ยอะไรว่ะ ของข้ามีด้วยหรือ?
เฮ่ย แม.....ง ?
กวนเหลียงยิ่งโกรธ เวร ภรรยาของข้าก็โดนเปลี่ยนไปด้วยเหรอ?
และแล้ว กวนเหลียงก็ควบคุมตัวไม่อยู่แล้ว
เมื่อเผชิญกับหลักฐานที่มาอย่างฉับพลันและรุนแรง จ้าวอีโต้วก็ทำอะไรไม่ถูก ตอนกวนเหลียงโผเข้ามาทุบตีกับเขา ปากอันทรงพลังของเขาก็ไร้ประโยชน์ ทำได้แต่ตีประกบกับกวนเหลียงเท่านั้น
ตำหนักฉางหมิงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
บรรดาข้าราชฯ ที่มีคนปลอมอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชฯ ฝ่ายองค์จักรพรรดิหรือข้าราชฯ ฝ่ายเว่ยเชียนชิว เริ่มคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดโดยไม่รู้ตัว
เวรกรรมอะไรเช่นนี้ ข้าราชฯ คนหนึ่งฝ่ายเว่ยเชียนชิว ถึงกับมารดาวัยชราในบ้านก็โดนสลับเปลี่ยนไป!
ข้าราชฯ คนนั้นเป็นลูกกตัญญู เขาตบต้นขา "จ้าวอีโต้ว! ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!"
”นี่ ๆ ๆ !” ขันทีหม่ากงกงอยู่ในราชสำนักมาหลายปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์วุ่นวายถึงขนาดนี้มาก่อน เขามองดูพวกข้าราชฯ ผู้ถูกกระทำที่โกรธแค้น ทุบตีกับจ้าวอีโต้วด้วยกัน ไม่รู้จะทำยังไงดี “ฝ่า...ฝ่าบาท ไม่เรียกทหารองครักษ์หน้าตำหนักหรือ? ไม่ห้ามหรือ?”
ข้าราชฯ จำนวนมากประพฤติตนไม่เหมาะสมต่อหน้า เป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรงต่อฝ่าบาท!
”ไม่เป็นไร มันหลีกเลี่ยงไม่ได้” องค์จักรพรรดิก่ายหน้าผาก รู้สึกลำบากใจยิ่งนัก
น้องสาวชายาของพระองค์ก็ถูกจ้าวอีโต้วสังหาร ไม่ต้องพูดถึงข้าราชฯ ที่ถูกกระทำมิดี แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังจะก้าวไปข้างหน้าและชกจ้าวอีโต้วผู้ไร้หัวใจคนนี้ให้ตาย
อย่างไรก็ตาม พระองค์คือจักรพรรดิ
พระองค์ทำได้เพียงนั่งนิ่งราวกับภูเขายักษ์ มองดูความวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้าพระองค์
”ไปเรียกทหารองครักษ์หน้าตำหนักดีกว่า”
องค์จักรพรรดิกระซิบ "แค่แสดงให้ดูเฉยๆ พอ"
ขันทีหม่ากงกงรู้ความหมาย "มา คนมานี่ ไปห้ามผู้ใหญ่ทุกท่านให้ยั้งมือ! ค่อยๆ อย่าทำให้เจ็บนะ!"
เมื่อจ้าวอีโต้วได้ยิน เขาก็คิดว่า หุ ๆ ๆ ! รอดแล้วเรา!
ทหารองครักษ์หน้าตำหนักอยู่กับองค์จักรพรรดิมาหลายปีแล้ว จะไม่เข้าใจเจตนาขององค์จักรพรรดิได้อย่างไร
ค่อยๆ ขององค์จักรพรรดิ ก็คือไปทำเหมือนห้ามแต่ไม่ห้ามนั่นแหละ
ดังนั้น เมื่อทหารองครักษ์เข้ามา ก็ทำหน้าว่าทำอะไรไม่ถูก แสร้งทำเป็นพูดว่า "อย่าตีกัน อย่าตีกัน ท่านทั้งหลายหยุดตีกันได้แล้ว ที่นี่คือตำหนักฉางหมิง ทำเสียมารยาทไม่ได้ "
ทหารองครักษ์พูดก็พูดไป ถ้าหมัดใครมาลงที่หน้าจ้าวอีโต้ว รับรองไม่มีหมัดไหนพลาด
"อุ๊ย ๆ ๆ ๆ !"
"อ่า ๆ ๆ ๆ ๆ !"
เมื่อเห็นการแสดงออกที่หลากหลายในสายตาของบรรดาข้าราชฯ ซึ่งซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง เซียวเฉวียนก็หัวเราะเยาะ อ่า วันนี้เป็นวันที่มีชีวิตชีวาจริงๆ
เซียวเฉวียนอยากให้มาเขียนแต่งความชั้นประถมศึกษาเดี๋ยวนี้เลยเสียจริง เขียนบันทึกฉากที่ยอดเยี่ยมนี้เอาไว้
จากระยะไกล เฉาสิงจือเหลือบมองมาที่เซียวเฉวียนจากแต่ไกล
ในฉากที่วุ่นวายนั้น เซียวเฉวียนดูสงบสบาย แต่ดวงตาของเขาเยือกเย็นมาก
เซียวเฉวียนยืนตัวตรง ยกมือขวาขึ้นเล็กน้อย และกำมือไว้เบาๆ ด้วยสีหน้าบ่งบอกรู้แจ้งในใจ
นิ่งเฉย
ทรงพลัง
ทะนงตัว
ท่าทางทั้งสามนี้ผสมผสานกันอยู่ในเซียวเฉวียน พลังแรงที่กระจายออกมานั้นช่างเยือกเย็นชวนขนลุก
ตอนนี้ของเซียวเฉวียนช่างดูเหมือนปีศาจกวีมากจริงๆ
ตอนที่ปีศาจกวียังหนุ่ม เขาก็ทะนงตัว ไม่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา
มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของพวกเขา
นอกจากสิ่งนี้แล้ว ไม่มีสิ่งอื่นใดที่สามารถดึงดูดสายตาพวกเขาได้
แม้ว่ามีสิ่งอื่นเข้ามาอยู่ในสายตา มันก็เหมือนเมฆที่ลอยมาและจะจางหายไปทันที
สิ่งนั้นได้รวมเข้าไปในสายเลือด ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของพวกเขา
หากสูญเสียสิ่งนั้น พวกเขาจะดูไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป
สิ่งนั้นคือการต่อสู้ เลือด และเพลิงโกรธแค้นที่ลุกไหม้อยู่ชั่วนิรันดร์
ในขณะที่เฉาสิงจือจมอยู่กับความคิด จ้าวอีโต้วผู้ซึ่งเจ็บปวดสุดที่จะทนก็คำรามด้วยความโกรธ "อ๊ากกก! กิเลน! จงมานี่!"
เหนือฟ้าเก้าชั้นโน่น เสียงคำรามเหมือนฟ้าพิโรธดังมาแต่ไกล!
ตำหนักฉางหมิงทั้งเรือนสั่นสะเทือน!
องค์จักรพรรดิตกใจและมองไปที่เซียวเฉวียน นี่อะไรกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...