บทที่ 613 แสงแห่งฮ่องเต้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 613 แสงแห่งฮ่องเต้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เขาคุนหลุน
ชิงหลงวิงเวียนศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง แทบจะล้มลงไปกับพื้น
ผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อตกใจเป็นการใหญ่ กุลีกุจอเข้าไปพยุงเขาทันที "องค์ชาย!"
สีหน้าของชิงหลงซีดเผือด ยืนอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
"ใครก็ได้เรียกตัวหมออูมาหน่อย!"
"มิต้องแล้ว..." ชิงหลงโบกมือไปมา เขาทราบดีว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร
ตอนแรกเซี่ยวเฟิงไม่ยอมรับการอบรมสั่งสอน มักจะพุ่งเข้าไประเบิดอารมณ์ใส่เซียวเฉวียนเสมอ ชิงหลงจึงทำให้มันตัวเล็กลง และตอนนี้เซี่ยวเฟิงกำลังพุ่งโจมตีผนึกของเขา ต้องการที่จะฟื้นกลับคืนสู่ร่างเดิม
ทั้งก็เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ชิงหลงจึงปวดเศียรเวียนเกล้า ทั้งก็ไม่ทราบว่าเซี่ยวเฟิงแข็งแกร่งมากขึ้น หรือเป็นเซียวเฉวียนที่แปรเปลี่ยนเป็นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกันแน่
"องค์ชาย เป็นเพราะว่าในระยะนี้สร้างอาวุธจนเหน็ดเหนื่อยมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อพยุงเขาเอาไว้อยู่ ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น ประคองซุปโสมมาหนึ่งถ้วย "ผนึกจูเสินยังไม่แตก ท่านมิอาจล้มได้นะ"
"ที่มิเป็นปัญหาคือต้าเว่ย"
"ต้าเว่ย?" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อชะงักนิ่งไปทันที "ต้าเว่ยนับวันยิ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วหรือ?"
"ใช่" สีหน้าเหนื่อยล้าบนใบหน้าของชิงหลง มันเผยความปลื้มปีติสายหนึ่งออกมาแล้ว "เซียวเฉวียนแทบจะเปลี่ยนไปเป็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น วันที่ผนึกจูเสินจะถูกทำลายเองก็อยู่ที่ไกลแล้ว"
มองเห็นท่าทางคาดหวังรอคอยอย่างเต็มที่ของชิงหลงแล้ว ผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อจึงวางซุปโสมในมือลง "องค์ชาย กระหม่อมมิได้จะสาดน้ำเย็นใส่ท่าน เพียงแต่ว่า...ท่านเชื่อใจเซียวเฉวียนมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?"
ใช่ เซียวเฉวียนทำให้ไป๋ฉี่หลบหนีจากการคุมขังของผนึกจูเสินได้
ทว่าก็มีเพียงแค่ไป๋ฉี่ผู้เดียวเท่านั้นด้วยเฉกเช่นเดียวกัน
บางทีนี่อาจจะเป็นความสามารถสูงสุดของเซียวเฉวียนแล้วก็เป็นได้ การที่จะคิดอยากที่จะให้เขาทะลุเป้าอีกครั้งนั้น มันยากเกินไปแล้ว ยากเกินไปแล้วจริง ๆ
"องค์ชาย ท่านลืมเซียวเทียนไปแล้วหรือ? เซียวเทียนนั้นแข็งแกร่งกว่าเซียวเฉวียนบุตรชายผู้นี้เป็นอย่างมาก เขายังสัมผัสได้ถึงกวีสมุทรคุนหลุนก่อนปีศาจกวีเพียงเล็กน้อย ในปีนั้นกองทัพตระกูลเซียวตายอย่างน่าอนาถ เซียวเทียนคิดอยากที่จะทำลายผนึกจูเสิน คิดอาศัยองครักษ์มาพลิกตัว ผลลัพธ์สุดท้ายก็อย่างที่สุดคนล้วนได้ประจักษ์แล้ว..."
เซียวเทียนไม่อาจทำลายผนึกจูเสินได้ กองทัพตระกูลเซียวจึงตายอย่างน่าอนาถ
เรื่องราวที่เซียวเทียนสัมผัสกวีสมุทรคุนหลุนได้นั้น สามารถปกปิดคนต้าเว่ยได้ ทว่ามิอาจปกปิดชาวคุนหลุนได้ ผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อกล่าวถึงเซียวเทียนขึ้นมาด้วยความสงสารเสียดายอย่างไร้เทียบเทียม
ในเมื่อในปีนั้นชาวคุนหลุนเองก็เคยมีความหวังว่าจะทำลายผนึกจูเสินทิ้งไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงฝากความหวังเอาไว้บนร่างของเซียวเทียนกับปีศาจกวี
ทว่าเป็นเซียวเทียนตายไปแล้ว
ปีศาจกวีเองก็ตายไปแล้วด้วยเหมือนกัน
พวกเขาผู้หนึ่งเป็นบิดาแท้ ๆ ของเซียวเฉวียน ผู้หนึ่งเป็นอาจารย์ของเซียวเฉวียน เรื่องราวที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านทำมิสำเร็จ บุตรชายจะสามารถทำสำเร็จได้หรือ?
"เซียวเฉวียนกับบิดาเขามิเหมือนกัน" ชิงหลงเงยศีรษะขึ้น ดวงตามีความมิพอใจอยู่เล็กน้อย เขามิได้ชมชอบให้ผู้อื่นมาสงสัยเซียวเฉวียน "เขากับเซียวเทียนไม่เหมือนกันเป็นอย่างมาก"
ไม่ว่าเซียวเฉวียนทำเพื่อเรื่องราวหรือว่าผู้คนก็ตาม ต่างก็ล้วนไม่คล้ายกับเซียวเทียนกระดานคร่ำครึพรรค์นั้นเลย
ความสามารถของเซียวเทียนคือความแข็งแกร่ง ทว่าเข้มงวดและมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อต้าเว่ยอย่างไร้เทียบเทียม
ทว่าเซียวเฉวียนนั้นกลับมิอาจเชื่อคนผู้หนึ่งได้อย่างหมดหัวใจได้ เขาฉลาดหลักแหลม ไม่ถูกผูกมัด
แต่เซียวเฉวียนกับปีศาจกวีนั้นกลับคล้ายกันยิ่งนัก ต่างก็กระทำการอย่างแปลกประหลาด ทำเรื่องราวอย่างมิได้มีกฎเกณฑ์ใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญที่สุดเลยคือชมชอบทำให้ผู้คนบันดาลโทสะ
"ผนึกจูเสินจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน"
ชิงหลงพึมพำกับตนเอง ชาวคุนหลุนเตรียมตัวเอาไว้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อาวุธของพวกเขา คนของพวกเขา ม้าของพวกเขา ทุกอย่างตระเตรียมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขอเพียงแค่รอให้เซียวเฉวียนทำลายผนึกจูเสินทิ้งไป พวกเขาชาวคุนหลุนก็จะมีโอกาสพลิกตัวเป็นแน่ ทั้งใต้หล้านี้ก็จะกลับมาเป็นใต้หล้าของคุนหลุนอีกครั้ง!
ต้าเว่ยกระไร ซินเจียงกระไร ทุกอย่างต่างก็จะเป็นเหมือนกาลก่อน กลายเป็นพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาชาวคุนหลุน!
ชาวคุนหลุนมิได้มีสงครามมาเนิ่นนานมากแล้ว มือของพวกเขามิได้เปื้อนโลหิตมานานมากแล้ว!
พวกเขารอคอยวันนั้นกันมาอย่างเนิ่นนานมากแล้ว!
"พรวด!"
โลหิตสดคำหนึ่งพ่นออกมาจากลำคอของชิงหลง ทำเอาผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อมึนงงทันที "นี่คือกระไรอีกกัน?"
"เซี่ยวเฟิงพุ่งออกมาจากผนึกของข้าแล้ว" ชิงหลงเช็ดโลหิตที่ข้างริมฝีปากไปพลาง ก่อนจะยกยิ้ม "ที่แท้เซียวเฉวียนก็แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว เซี่ยวเฟิงจึงพุ่งออกมาจากผนึกของข้าได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้"
ต้าเว่ย พระตำหนักฉางหมิงในพระราชวัง กลุ่มควันกำลังพวยพุ่งสู่ท้องนภา เซียวเฉวียนท่องบทกลอนจนดังสนั่นไปทั่วทั้งพระราชวัง
"หูลู่ [1] อาละวาดในแดนเหนือ หูซิงส่องแสงสว่างเป็นประกาย!"
"สาสน์ด่วนถูกส่งมาปานสายฟ้าฟาด คบเพลิงถูกจุดทุกคืนวัน!"
"โฮก!" สุรเสียงของเซี่ยวเฟิงทำผู้คนหวาดหวั่น กลิ่นอายสังหารพวยพุ่งจ้องเขม็งไปยังกิเลน มันขวางอยู่ตรงหน้าองครักษ์ของพระราชวัง กลืนกินเพลิงในคำเดียว!
"แหวะ!" เซี่ยวเฟิงสะบัดริมฝีปากด้วยความขยะแขยง เพลิงนี้ไม่อร่อยเลยง่ะ
กิเลนชะงักนิ่งไปทันที บัดนี้ร่างกายของเซี่ยวเฟิงมิได้มีความแตกต่างจากมันเลย กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่าตนเองไปหน่อยเสียด้วยซ้ำ หลังเห็นเซี่ยวเฟิงกลืนเพลิงไปได้อย่างสบาย ๆ แล้วนั้น กิเลนตกตะลึงจนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที
จ้าวอีโต้วชะงักนิ่งไปทันที เซี่ยวเฟิงประเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นตัวใหญ่ประเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นตัวเล็กราวกับของเล่นเช่นนี้เลยหรือ?
ไม่! เขาจะต้องออกไปจากพระราชวังให้ได้! จะต้องมีชีวิตรอดออกไปให้จงได้!
แต่เซี่ยวเฟิงขวางเอาไว้อยู่ กิเลนเข้ามามิได้!
เข้ามามิได้หรือ?
"กิเลน! เผาพระตำหนักฉางหมิงนี่เสีย!"
ความคิดของจ้าวอีโต้วบ้าคลั่งไปแล้ว กิเลนเข้ามาไม่ได้ ขอเพียงแค่เขาออกไปได้เท่านั้นก็พอแล้วใช่หรือไม่!
หากเพลิงเผาพระตำหนักฉางหมิงแล้วละก็ คนเหล่านี้จะไม่ต้องกลิ้งออกไปกันหรอกหรือ?
"ฝ่าบาท! รีบเคลื่อนย้ายเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อขันทีหม่าได้ยินว่าจ้าวอีโต้วจะสังหารองค์เหนือหัว ดังนั้นจึงรีบหันไปกล่าวกับฮ่องเต้อย่างกุลีกุจอทันทีว่า "หากเดินไปทางหลังพระตำหนักก็จะสามารถออกจากพระตำหนักฉางหมิงได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ให้เหล่าขุนนางข้าราชการบุ๋นบู๊ออกไปก่อน ขอเพียงแค่มีขุนนางผู้หนึ่งอยู่เท่านั้น ตัวข้าก็จะมิไป"
"ฝ่าบาท! ท่านเป็นองค์เหนือหัวนะพ่ะย่ะค่ะ!" ขันทีหม่าใกล้จะร่ำไห้ออกมาอยู่แล้ว
"จ้าวอีโต้ว เจ้าที่มันช่างกล้าเสียจริง" คิดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้จะทรงมิเคลื่อนพระวรกายไปไหนจริง ๆ เขาจ้องจ้าวอีโต้อย่างเอาเป็นเอาตาย อำนาจคุกคามของฮ่องเต้นี้ทำเอาจ้าวอีโต้ตกใจจนสั่นสะท้านทันที
"พวกท่านรีบถอยไปเร็วเข้า!" ฮ่องเต้ทรงสบตามองเหล่าขุนนางข้าราชการฝ่ายบุ๋นบู๊ที่กำลังทำสิ่งใดมิถูกอยู่ตรงหน้าหนึ่งหน "ทุกท่านทั้งหมด! ไป!"
ขุนนางฝั่งเว่ยเชียนชิวเมื่อได้ยินคำตรัสนี้แล้ว ดังนั้นจึงตกตะลึงอย่างไร้เทียบเทียม ฝ่าบาท...แม้กระทั่งพวกเขาก็ยังคงปกป้องด้วยเช่นกันหรือเนี่ย
"ไป! นี่คือราชโองการ!"
ความดุดันในสายพระเนตรของฮ่องเต้ส่งแสงวับวาว บนพระพักตร์เยาว์วัยนั่น การมิหวาดกลัวต่ออันตรายตรงหน้าและความรับผิดชอบคือสิ่งที่ฮ่องเต้ผู้หนึ่งพึ่งกระทำ
[1] หูลู่ หมายถึง ศัตรู
[2] ดาวยาโต้ หมายถึง หนึ่งในดาวจักรราศี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...