สรุปตอน บทที่ 615 การต่อสู้ในพระราชวัง – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 615 การต่อสู้ในพระราชวัง ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“อ๊าก!”
กิเลนโมโหอย่างมาก ทำไมภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนของนายท่านไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียน!
ทำไม?
ทำไม!
กิเลนส่งเสียงร้องอย่างโมโห กีบเท้าทั้งสี่กีบกำลังลุกเป็นไฟ!
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนมีแสงสายฟ้าผ่านับหมื่นถูกปล่อยออกมามากมาย พุ่งออกมาด้านหน้าเพื่อนำทางให้ไป๋ฉี่
กิเลนค่อยๆถอยออกมา สายตาเยือกเย็นของไป๋ฉี่ ดาบจิงหุนทั้งสิบเล่มพุ่งเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
แสงฟ้าผ่านี้เป็นแสงฟ้าผ่าบนเกาะจูเสิน ตอนนั้นหลังจากที่ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิได้เก็บแสงฟ้าผ่าเข้าไป เซียวเฉวียก็ค้นพบว่า เก็บเข้าไปหนึ่งครั้ง ก็สามารถนำออกมาใช้งานได้อย่างไม่จำกัด
ยอดเยี่ยม!
ยอดเยี่ยม!
แสงฟ้าผ่านับหมื่น สว่างกว่าพระอาทิตย์ในตอนกลางวัน
ลำแสงที่สว่างไสวนี้ ส่องสว่างจนทำให้จ้าวอีโต้วลืมตาไม่ขึ้น
จ้าวอีโต้วทำให้พระราชวังฉางหมิงกลายเป็นเปลวไฟภูเขาที่แผดเผา และเซียวเฉวียนทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นนรกที่แม้แต่ผียังหวาดกลัว!
เขาไม่สามารถลืมตาได้!
มันสว่างมาก!
ถ้ายังพยายามที่จะลืมตาขึ้น กลัวว่าตาจะบอดได้!
เขาหลับตาแน่น หยุดอยู่ที่เดิม เขาไม่กล้าออกไปแล้ว มิฉะนั้นกิเลนยังไม่ทันที่จะเข้ามาใกล้เขา เขาจะโดนแสงฟ้าผ่าที่มีอยู่เต็มไปหมดจนตาย!
จ้าวอีโต้วเพียงแค่ได้ยินเสียงการต่อสู้ก็สามารถแยกแยะสถานการณ์ของการต่อสู้ได้
“อ๊าก!”
“ชง เชง เชง!”
“ฟู่ฟู่พลักกลัก!”
กิเลนส่งเสียงร้องคำรามสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าทำให้รู้สึกเยือกเย็น เสียงของดาบจิงหุนดังและมีพลัง ยิ่งมีพลังรวมเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น!
ไป๋ฉี่จะต้องเข้าไปใกล้กิเลนแล้ว!
ยังมีไฟ เสียงไฟฟู่ฟู่พลักพลักดังขึ้น!
จ้าวอีโต้วขมวดคิ้ว “พลักพลัก” เป็นเสียงของท่อนไม้ที่โดนผ่าแยกออกเป็นสองท่อน
จะต้องเป็นเสียงสายฟ้าผ่าที่มีพลังอย่างหนาแน่นถึงจะสามารถผ่าเสาของพระราชวังออกเป็นสองท่อนได้!
เสียงมีความสลับซับซ่อนมาก แต่ทุกๆเสียงที่ได้ยินมีความชัดเจน ทุกๆเสียงทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีพลังอย่างมาก!
ไป๋ฉี่และกิเลนต่างฝ่ายต่างไม่มีทางยอมกันแน่นอน!
ในอากาศ มีกลิ่นไม้ที่ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า
หลังจากที่เกิดฟ้าผ่า ยังคงมีกลิ่นของดินลอยอยู่ในอากาศ
กลิ่นนั้น ยิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ
มีเพียงเสียงของเซียวเฉวียนเสียงเดียวที่จ้าวอีโต้วไม่ไม่ได้ยิน และก็ไม่ได้ยินเสียงของฮ่องเต้ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาทั้งสองข้าง แสงที่สว่างไสวผ่านทางสายตาก็ยังทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
น่ากลัว!
น่ากลัวอย่างมาก!
พู่กันเฉียนเขายังไม่ทันที่จะได้ขโมยเอามาได้ ก็เกิดเรื่องของภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ!
จ้าวอีโต้วรู้ว่า ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบรูปภาพภาพหนึ่งให้เซียวเฉวียนและฉินซูโหรว แต่ทุกคนคิดว่าก็เป็นแค่เพียงแค่ภาพๆหนึ่งเท่านั้น
ผลสุดท้าย กลับเป็นอาวุธ และยัง เป็นอาวุธที่สามารถบันทึกเสียงของคนเอาไว้ได้!
บ้าเอ้ย เซียวเฉวียนมีของล้ำค่ามากมายเช่นนี้ ทำไมไม่รีบเอาออกมาใช้โดยเร็ว?ถ้าข้าจ้าวอีโต้วรู้มาก่อนว่ามีของล้ำค่ามากมายอย่างนี้ ข้าจะต้องค่อยระแวดระวังเซียวเฉวียนให้มากกว่านี้!
เซียวเฉวียนและกิเลนต่อสู้กัน ทำให้คนทั้งพระราชวังตื่นตกใจ ทั้งลำแสงฟ้าผ่าหมื่นแสงผ่าจากฟ้าลงมา แสงฟ้าผ่าลอดผ่านเผาไหม้ไปทั่ว พุ่งตรงไปยังอสุราของไป๋ฉี่ พระราชวังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างนี้มาก่อน?
“ท่านหญิง!โอกาสมาถึงแล้ว!”
ตอนนี้ ข้าหลวงหญิงของวังหลังต่างเร่งรีบไปแจ้งข่าวสถานการณ์การต่อสู้
หลังจากที่นางนิ่งสงบลงแล้ว มั่วสี่ที่มือไม่ได้เปื้อนเลือดแม้แต่น้อย และไม่หันกลับไปมองแม้แต่นิดเดียว: “เอาตัวนางผู้หญิงเลวนี่ไปฝัง เก็บเป็นความลับ”
“เพคะ ท่านหญิง”
บนพื้น เลือดของแม่เล้าเกาไหลไปโดนปลายเท้าของมั่วสี่
มั่วสี่ยังจำได้ดีว่าเลือดนั้นทั้งเหนียวทั้งเหนอะ นางขมวดคิ้วรังเกียจ ดีใจยิ้ม มองไปที่ต้นผลไม้ในลานบ้าน ท่าทางขี้เกียจเป็นอย่างมาก:“คนเลวนั่น ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
คนเลว เป็นชื่อเรียกแทนของฉินซูโหรว
ฉินซูโหรวเป็นองค์หญิง สูงส่งและมีเกียรติ ตระกูลก็เป็นตระกูลแม่ทัพ นางสนมของวังหลังถึงแม้ว่าส่วนมากจะเกิดมาในชาติตระกูลที่สูงส่งร่ำรวย แต่ก็ไม่มีเกียรติสูงส่งมากเท่ากับองค์หญิงฉินซูโหรว
ดังนั้นเหล่านางสนมให้เกียรติเคารพฉินซูโหรวอย่างมาก พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ก็จะเรียกว่าองค์หญิง
มีเพียงมั่วสีคนเดียวที่ใช่คำว่าคนเลวเรียกนาง มั่วสีเกิดในตระกูลที่ไม่ได้สูงส่งมาก แต่ความทะเยอะทะยานมีมากกว่านางสนมคนอื่น
ฉินซูโหรวอะไร ไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาไม่สนใจ
ถ้านับจากตามฐานะแล้ว มั่วสี่เป็นพี่สะใภ้ของฮ่องเต้ของฉินซูโหรว ในสายตาของมั่วสี่ ฉินซูโหรวไม่ได้มีอะไรสูงส่งเลย
เหล่าข้าหลวงหญิงคุ้นชินกับการที่นายหญิงของพวกนางเรียกแบบนี้ ขันทีคนหนึ่งเดินเข้าไป รีบแจ้งข่าวว่า:“ท่านหญิง คนเลวคนนั้นได้รับกระบี่ชีวันมาเล่มหนึ่ง”
กระบี่ชีวัน?
นี่มันเป็นข้อห้ามข้อแรก?
“ดี ในที่สุดข้าก็หาข้อผิดพลาดของนางได้แล้ว”
มั่วสี่ดีใจตบมือ ขันทีรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย: “ท่านหญิง คงไม่อาจทำอะไรคนเลวคนนั้นได้ กระบี่ชีวัน ไทเฮาทรงเป็นผู้ประทานให้”
อีแก่คนนี้ ดวงตาของมั่วสี่สงบนิ่งลง ไทเฮาปากก็ทรงตรัสว่ามีความเมตตากรุณาและมีกฏระเบียบ ถึงตอนนี้เพื่อหลานสาวของตัวเอง ถึงกับทำกระบี่ชีวัน?
ในตอนนี้ทางด้านของไทเฮาคงทำอะไรไม่ได้ มั่วสีโยนเมล็ดแตงโมในมือทิ้ง :“แปลกจริงเป็นไปได้อย่างไร!”
“ท่านหญิง เรื่องสำคัญขนาดนี้ ต้องบอกใต้เท้าเซียวไหมพระเจ้าค่ะ?”
“วันนี้พี่เซียวอยู่ในวัง ข้ากับเขานัดเจอกันค่อนข้างลำบาก เรื่องนี้ก็เขียนจดหมายบอกไม่ได้” มั่วสี่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา มีรอยยิ้มที่สวยงาม “เจ้าไปบอกคุณชายอี้กุย เขาสามารถบอกพี่เซียวได้”
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...