ณ พระราชวัง
ผืนดินที่ถูกเผาเสียเกรียม
มีควันดำทั่วทุกสารทิศ
มีเพียงพระราชวังฉางหมิงที่ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ยังคงประทับนิ่งไม่ขยับอยู่บนพระที่นั่งบัลลังก์มังกร จ้าวอีโต้วมองฉากตรงหน้าด้วยความหดหู่
กิเลนล้มลงแล้ว
คาดไม่ถึงว่ามันล้มลงแล้ว!
ดาบจิงหุน 4 เล่ม ตอกแขนขาของมันไว้ ทำให้มันถูกตรึงไว้ที่พื้นดินที่ไหม้เกรียม
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิเก็บกลับสายฟ้านับพันที่ลอยอยู่บนกิเลนแล้วค่อยๆม้วนปิด
นี่ก็หมายความว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว กิเลนถูกปราบแล้ว
เมื่อครู่จ้าวอีโต้วไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวเลย ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่ากิเลนถูกไป๋ฉี่เหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า!
จ้าวอีโต้วตกใจมาก “เดรัจฉาน! เจ้าลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! เจ้าลุกขึ้นมาสิ!”
เป็นไปได้ยังไง?
เป็นไปได้ยังไง?
เซียวเฉวียนปราบกิเลนได้อย่างไรกัน?
จมูกของกิเลนพ่นเปลวไฟเล็กมากๆออกมา ท่าทางไม่พอใจเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าบุ่มบ่าม มันเหนื่อยแล้ว
จ้าวอีโต้วได้เห็นกระบวนการการปราบ แต่ฮ่องเต้เห็น
กิเลนเป็นสัตว์สงคราม เหมือนกับอาวุธ กระหายเลือดเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากไป๋ฉี่และภาพรุ่งอรุณใบไม้ผลิควบคุมกิเลนได้แล้ว ไป๋ฉี่ก็ให้เลือดมัน
ไป๋ฉี่ใช้มีดปาดข้อมือของตัวเอง เลือดสดๆหยดลงศีรษะของกิเลน
เซียวเฉวียนตะลึงมาก “ไป๋ฉี่! เจ้าทำอะไร!”
ให้เวลาภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิอีกสักหน่อย กิเลนก็จะถูกปราบจนจำนนแล้ว แต่ไป๋ฉี่กลับเลือกวิธีที่รุนแรงและไม่อ้อมค้อม
สัตว์ที่ดุร้ายแค่ไหนได้กลิ่นอาหารก็ล้วนมีสัญชาตญาณติดตาม
เลือดคาวหวาน ทำให้กิเลนที่บ้าคลั่งอยู่ลืมแม้กระทั่งจะพ่นเปลวไปออกมาแล้ว
กิเลนหิวมานานมาก
เพราะจ้าวอีโต้วไม่เคยให้อาหารสดๆเอาให้
นี่คล้ายกับหลักการเลี้ยงสุนัข หากให้สุนัขหลงในอาหารสดๆแล้ว สุนัขจะกระหายเลือดและสู้เก่ง การจู่โจมก็จะเยี่ยมมากยิ่งขึ้นและอาจถึงขั้นทำร้ายผู้คน
ดังนั้นจ้าวอีโต้วจึงไม่กล้าให้อาหารสดหรือเลือดสดๆกับกิเลน เขากลัวว่าเขาจะควบคุมกิเลนไว้ไม่อยู่
หลักการนี้ จ้าวอีโต้วรู้ เซียวเฉวียนก็รู้เช่นกัน
ดังนั้นเลือด จะให้ได้มั่วซั่วได้ยังไงกัน?
กิเลนเงยหน้า เลียเลือดที่ไหลลงจากแขนของไป๋ฉี่ รสชาติดีสุดๆ!
ใช่แล้ว!
รสชาตินี้เอง!
นี่มันรสชาติที่ยาวนานและทำให้หลงใหล!
กิเลนลืมคำสั่งของเจ้านายไปชั่วขณะ สำหรับสัตว์ประหลาดแล้วมีนมก็ถือว่าเป็นแม่ ไป๋ฉี่ที่ให้เลือดมัน ก็ใกล้ชิดยิ่งกว่าจ้าวอีโต้วมากนัก
เวลานี้เอง ในที่สุดจ้าวอีโต้วก็เห็นร่องรอยเลือดจากปากของกิเลน เขาเบิกตาโต “ไป๋ฉี่! เจ้าบ้าไปแล้ว! เพื่อที่จะชนะ เจ้าไม่สนวิธีขนาดนี้เลยรึ?”
ในสนามรบการกระทำเช่นนี้ของไป๋ฉี่ไม่ผิดเลย
สิ้นสุดการต่อสู้ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมแม่นยำและรวดเร็วเป็นความสามารถที่ราชองครักษ์สมควรทำ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไป๋ฉี่แสดงความคิดของตนในการต่อสู้
ครั้งแรกก็เป็นหนึ่งครั้งที่ทำให้เซียวเฉวียนจดจำตลอดไป
ไป๋ฉี่ทำเช่นนี้ต้องจ่ายราคาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
ในตอนนั้นเซียวเฉวียนปราบเซี่ยวเฟิง สาเหตุสำคัญคือเซี่ยวเฟิงสัมผัสเลือดของเซียวเฉวียนแล้ว เซี่ยวเฟิงยอมรับเขาเป็นเจ้านาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...