ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 620

สรุปบท บทที่ 620 ภาพลวงตาที่ชัดแจ้ง: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 620 ภาพลวงตาที่ชัดแจ้ง – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 620 ภาพลวงตาที่ชัดแจ้ง ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“เจ้ารู้มาจากที่ใดว่านางตายอย่างน่าสังเวช? รู้จากที่ใด!”

จ้าวอีโต้วเสียสติไปเล็กน้อย นี่คือความลับ!

นี่คือความลับ! ความลับที่ห้ามให้ผู้อื่นล่วงรู้!

จ้าวอีโต้วไม่ยอมให้ผู้ใดมาเผยความลับนี้ได้!

ในสายตาของคนบนโลก ชวีฝานปรมาจารย์วรรณคดีหญิงที่อยู่ในรายชื่อ เป็นหญิงที่งดงามองอาจตลอดกาล

นางไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย

ไม่มีความสกปรกโสมมเพียงนิดเดียว

เซียวเฉวียนจะรู้ไม่ได้!

ไม่ได้เด็ดขาด!

เลือดที่ลิ้นของจ้าวอีโต้ว หากพูดให้ถูกก็คือเลือดปากมารได้ซึมเข้าไปในช่องระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียน ซึมเข้าไปในรอยประทับจาง ๆ ของเขา

พลังของสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีเสียงดัง “ปิ้ว” ทำให้เซียวเฉวียนต้องลอยตัวอยู่กลางอากาศ

เซียวเฉวียนปิดตาสองข้างไว้แน่น เขาไม่ได้ยินเสียงตะโกนของจ้าวอีโต้วเลยแม้แต่นิดเดียว

ฮ่องเต้เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ในตอนที่ปีศาจกวีเรียนรู้ที่จะถ่องคาถา พระองค์ก็ทรงอยู่ในเหตุการณ์

ทว่าเวลาล่วงเลยมานานเกินไป ฮ่องเต้จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นมีรายละเอียดเป็นอย่างไร

ฮ่องเต้จำได้เพียงว่า ตอนนี้ต้องห้ามไม่ให้ผู้ใดมารบกวนเซียวเฉวียนได้

ฮ่องเต้ส่งสัญญาณผ่านสายตา ขันทีหม่ารุดหน้าไปทันที และอุดปากของจ้าวอีโต้วไว้แน่น

“อื้อ ๆ ๆ ๆ!”

จ้าวอีโต้วถูกปิดปากไว้จนแทบหายใจไม่ออก อย่ามองว่าขันทีหม่าอายุมากแล้ว เมื่อตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม เขาเป็นมือดีในการลงโทษคนรับใช้ในวังที่ฝ่าฝืนกฎ ดังนั้นเรี่ยวแรงของขันทีหม่าถือว่าไม่ธรรมดาเลย

จ้าวอีโต้วจ้องเซียวเฉวียนที่ลอยอยู่กลางอากาศ เจ้าพูดมาสิ! เจ้าพูดมาสิ! เจ้าพูดมาสิ!

พระตำหนักฉางหมิงเข้าสู่ความเงียบงัน จ้าวอีโต้วที่รีบร้อนอยากได้คำตอบก็แทบคลั่ง

เขาเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปแล้ว

เขารู้สึกเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

ขอเพียงเซียวเฉวียนบอกเขาว่ารู้เรื่องของชวีฝานได้อย่างไร และเขาจะตอบทุกคำถามที่เซียวเฉวียนอยากรู้!

แต่สายไปเสียแล้ว

จ้าวอีโต้วไม่มีโอกาสได้เจรจาต่อรองกับเซียวเฉวียน

พระตำหนักฉางหมิง เข้าสู่ความเงียบที่แปลกประหลาด

มีเพียงลมหายใจดัง ฟู่ ๆ ของเซี่ยวเฟิงและกิเลน ที่ดังอยู่รอบหูของฮ่องเต้และคนอื่น ๆ

เสียงของคนอื่น ๆ พวกเขาต่างก็ไม่ได้ยิน

แม้แต่ฮ่องเต้กระแอมไอขึ้นมาเบา ๆ ทั้งที่ควรได้ยินเสียงไอ แต่พวกเขาไม่ได้ยิน

เสียงลมหายใจ พวกเขาก็ไม่ได้ยิน

เสียงฝ่าเท้าของพวกเขาที่ถูกับพื้น ก็ราวกับหายสาบสูญไป

พระตำหนักฉางหมิงที่ใหญ่โตโอ่อ่า ถูกกดปุ่มปิดเสียงลงในชั่วพริบตาเดียว

นอกจากเสียงของเหล่าสัตว์สงคราม พวกเขาต่างไม่ได้ยินเสียงใดเลย แม้แต่เสียงโบกมือพวกเขาต่อหน้าตัวเอง เดิมทีที่ควรได้ยินเสียงพัดของแขนเสื้อ หรือเสียงลมพัดของฝ่ามือ ทว่ากลับไม่มีเลย

เงียบเป็นเป่าสาก

ในตอนนี้ไป๋ฉี่นึกถึงแค่สุภาษิตนี้ สุภาษิตนี้นายท่านเป็นผู้ที่เคยสอนไว้ นายท่านกล่าวว่า คำนี้มีชีวิตชีวาและภาพที่สมจริง คนที่พูดออกมาจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความรู้

ฟู่...

ฟู่...

ฟู่...

เสียงลมหายใจของเซี่ยวเฟิง ดังอยู่รอบหูของเซียวเฉวียน

“ท่านคิดดีแล้วหรือไม่?”

“ท่านคิดดีแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

“การเลือกในครั้งนี้ ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว”

ตอนนี้เซียวเฉวียนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เขาได้ยินเสียงของเย่าเหล่า

นี่เป็นบทสนทนาครั้งสุดท้ายของเย่าเหล่าและหญิงในตระกูลเซียว ก่อนที่จะออกจากจวนเซียน

“ใต้เท้าเซียว ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”

“หลังจากเรียนรู้ในการถ่องคาถาแล้ว ท่านก็จะเหมือนกับพวกไป๋ฉี่ เหมือนกับปีศาจกวี มองดูผิวเผินอาจดูเหมือนมนุษย์ ทว่าธาตุแท้ได้เปลี่ยนเป็นอาวุธสงครามไปแล้ว”

“มีเพียงอาวุธสงครามเท่านั้นที่จะกระหายเลือด”

“ท่านใช้เลือดปากมาร เรียนรู้ในการท่องคาถา ไม่ต่างอะไรจากพู่กันเฉียนคุนที่ใช้เลือดในการเขียน”

มนุษย์แต่ละคนจะมีเลือดบริสุทธิ์อยู่ต่างที่กัน ปัญญาชนส่วนใหญ่จะมีเลือดบริสุทธิ์อยู่กลางระหว่างคิ้ว

คนที่พิเศษเช่นขุนนางที่ปรึกษาอย่างจ้าวอีโต้ว ส่วนใหญ่แล้วเลือดบริสุทธิ์มักอยู่กลางลิ้น ปากของเขาผู้นี้สังหารมนุษย์มานับไม่ถ้วน ชวีฝานที่นึกถึงอยู่ตลอดเวลาก็ตายเพราะปากมาร

เขาทำความชั่วช้ามานับครั้งไม่ถ้วน เลือดบริสุทธิ์หยดนี้ของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ที่สามารถสร้างภาพลวงตาขึ้นมาได้ ผู้ที่ไม่มีพลังแข็งแกร่งมากพอก็ไม่อาจดูดซึมเลือดบริสุทธิ์ของจ้าวอีโต้วได้

เพียงแต่เซียวเฉวียนไม่คาดคิดว่า ภาพลวงตาของจ้าวอีโต้วจะสะอาดและเรียบง่ายเช่นนี้ ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นหมื่นลี้ ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาว สาวงามสวมเสื้อผ้าที่สวยงามปลิวไหวตามแรงลม อ่อนโยนและเงียบสงบ

เย่าเหล่าบอกว่า หลังจากที่ระหว่างคิ้วของเซียวเฉวียนได้ดูดซึมเลือดบริสุทธิ์นี้แล้ว เลือดจะบริสุทธิ์อีกครั้งและจะกำจัดความชั่วร้ายของเลือดปากมารออก ซึ่งแน่นอนว่าสามารถเรียนรู้ที่จะถ่องคาถาได้โดยธรรมชาติ

ดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฉวียนกลางอากาศ ชวีฝานยิ้มบาง ๆ “ข้าเกิดขึ้นจากความชั่วร้าย หากท่านทำลายข้า ท่านก็จะออกไปจากภาพลวงตานี่ได้”

เกิดจากความชั่วร้าย?

เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว เกิดจากความชั่วร้ายก็ควรเป็นวิญญาณชั่วร้าย รูปลักษณ์ที่น่าเกลียดและบิดเบี้ยวมิใช่หรือ?

เสื้อผ้าของชวีฝานลอยไปตาม ดวงตาของนางสะท้อนแสงของท้องฟ้า ดูน่าประทับใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่านางรู้ถึงความฉงนใจของเซียวเฉวียน จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “แม้ว่าข้าเกิดจากวิญญาณที่ชั่วร้าย แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างของท่านแล้ว ความชั่วร้ายของข้าก็จะมลายหายไป”

“แม้ว่าท่านจะไม่สังหารข้า แต่ข้าก็จะหายไปโดยเร็วแล้ว”

“เลือดบริสุทธิ์ระหว่างคิ้วของท่านทำให้ข้าบริสุทธิ์ ท่านและข้าจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน”

“ท่านไม่ใช่คนที่นี่สินะ” ชวีฝานมองเซียวเฉวียนและยิ้มบาง ๆ “เลือดบริสุทธิ์ของท่านไม่เหมือนพวกเรา”

ชวีฝานยื่นมือออกมา นิ้วที่เรียวยาวแตะที่ระหว่างคิ้วของเขา “คาถา...”

การทิ่มแทงที่เจ็บปวด ทำให้เซียวเฉวียนกระตุกไปทั้งตัว

รูปลักษณ์ของชวีฝาน ก็กลายเป็นรูปร่างขององค์หญิงต้าถงเพียงเสี้ยววินาที

“สามี” องค์หญิงต้าถงยิ้ม “มัวอ้ำอึ้งอะไรกัน”

เซียวเฉวียนตะลึงงัน เย่าเหล่าก็ไม่ได้พูดสิ่งใด ภาพลวงตาที่เลือดบริสุทธิ์สร้างขึ้นล้วนมีแต่สาวงามงั้นหรือ?

...

ณ พระตำหนักฉางหมิง

ขันทีหม่าลนลานเล็กน้อย “ฝ่าบาท เหตุใดใต้เท้าเซียวจึงยังไม่ฟื้น? เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วนะพะยะค่ะ!”

“ไม่ต้องร้อนใจ” ฮ่องเต้พลิกหนังสือ และทำสมาธิอยู่ในห้องโถงที่เต็มไปด้วยกลิ่นไหม้

“ฝ่าบาท พวกเราไม่ร้อนใจ ทว่า ทว่าคนผู้นั้นเข้ามาในวังแล้วพะยะค่ะ!”

“ผู้ใดกัน? ข้าไม่ได้เรียกผู้ใดมา”

“ยังมีผู้ใดที่จะกล้าเข้าวังโดยไม่ต้องเรียกอีกพะยะค่ะ! นอกเสียจากเจี้ยนเหล่า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย