ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 621

สรุปบท บทที่ 621 เซียน: ซูเปอร์ลูกเขย

ตอน บทที่ 621 เซียน จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 621 เซียน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฮ่องเต้แทบจับหนังสือในมือไว้ไม่มั่น และแทบสำลักน้ำลายตัวเอง “แค่ก! ใครก็ได้...”

ฮ่องเต้สั่งคนคุ้มกันเซียวเฉวียนให้ดี พระองค์จะทรงออกไปต้อนรับเจี้ยนเหล่าด้วยตัวเอง

เจี้ยนเหล่าและเย่าเหล่าเป็นชาวคุนหลุนเหมือนกัน ต่างกันตรงที่เจี้ยนเหล่ามาอยู่ที่ต้าเว่ยเร็วกว่าเย่าเหล่าค่อนข้างมาก ทั้งสองต่างเป็นผู้ที่เลื่องชื่อในคุนหลุน

แต่ละคนมีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน เย่าเหล่าเชี่ยวชาญในการรักษาโรค

เจี้ยนเหล่าช่ำชองในวิชาดาบและการตีดาบ ศาลาคุนหวู่เป็นคลังดาบอันดับหนึ่งของต้าเว่ย ก็มีความเกี่ยวโยงที่แน่นแฟ้นกับเจี้ยนเหล่า

ทว่าเจี้ยนเหล่าผู้นี้มีอุปนิสัยไม่ยี่หระสิ่งใด กล้าได้กล้าเสีย และสำมะเลเทเมาเสียยิ่งกว่าปีศาจกวี

อย่างน้อยปีศาจกวีก็ยังชื่นชอบอาหาร ชอบผักจี้ไช่ที่เจียงหนานอะไรทำนองนี้

สำหรับเจี้ยนเหล่าแล้ว เรื่องของกินประเภทนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขาเลย มีสิ่งใดก็กินสิ่งนั้น ไม่เหมือนปีศาจกวีที่ต้องกินผักจี้ไช่ของเจียงหนาน กินส้มหวานในฤดูใบไม้ผลิ เจี้ยนเหล่ารู้สึกจู้จี้จุกจิกเหมือนผู้หญิง แค่อาหารการกินยังต้องทำให้มากเรื่อง

เจี้ยนเหล่าเป็นเซียนที่ไม่มีความปรารถนาใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง สาวงามหรือบ้านหลังใหญ่ เขาต่างไม่สนใจ

สิ่งของที่ไม่ได้นำมาด้วยตอนเกิด และไม่สามารถนำกลับไปด้วยตอนตาย เจี้ยนเหล่าไม่เคยใส่ใจ

เขาอาศัยอยู่นอกเขตเมืองหลวง สร้างกระท่อมมุงใบจากและขุดส้วมด้วยตัวเอง เพียงแค่นี้เขาก็อาศัยอยู่ได้แล้ว

ตระกูลอี้ดูแลเขาสารพัด ไม่ว่าในชีวิตประจำวันหรือทุก ๆ เทศกาลก็มักจะส่งอาหารและเสื้อผ้าอาภรณ์ รวมทั้งข้าวของที่ใช้ในชีวิตประจำวันให้แก่เขา

ของเล็ก ๆ น้อย ๆ และเงินจำนวนเล็กน้อยเหล่านี้ เจี้ยนเหล่าจะยอมรับไว้

แต่หากส่งข้าวของราคาแพง อย่างเช่นของโบราณ เครื่องประดับทองและเงิน หรือเงินมากกว่าสามตำลึง เขาจะโยนทิ้งโดยไม่ลังเลใจ

ตระกูลอี้รู้จักนิสัยเขาเป็นอย่างดี จึงไม่ส่งของเหล่านั้นให้แก่เขา สิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือการส่งของใช้ที่ดี ราคาไม่แพงจำนวนหนึ่งให้ หากเจี้ยนเหล่ารับไว้ด้วยความยินดี ตระกูลอี้ก็จะมอบให้ด้วยความยินดีเช่นกัน

เจี้ยนเหล่าและอี้อู๋หลี่ถือเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เจี้ยนเหล่าก็คือรุ่นปู่ของอี้กุย

ผู้ที่มีอายุหกเจ็ดสิบปีคนอื่น ๆ จะมีผมขาวและริ้วรอยขึ้นเต็มหน้า ทว่าเจี้ยนเหล่ากลับไม่มีผมขาวแม้แต่เส้นเดียว ใบหน้าของเขาก็มีริ้วรอยเพียงหนึ่งถึงสองเส้นเท่านั้น ดูราวกับคนอายุไม่เกินสามสี่สิบปี

วิชาการตีดาบของเจี้ยนเหล่าล้ำเลิศมาก ดวงตาของเขาแหลมคมอย่างไร้ที่ติ ถ้าเป็นมีดดาบ เพียงเขากวาดตามองก็จะรู้ขนาด วัสดุที่ใช้และความแข็งของดาบ

ต้าเว่ยสถาปนาประเทศได้เพียงไม่กี่ปี เขาก็มายังต้าเว่ย ได้ร่วมศึกษาหารือและเปลี่ยนความรู้วิชาตีดาบกับฮ่องเต้ผู้สถาปนาประเทศ

จนกระทั่งเจี้ยนเหล่าได้มาพบกับอี้อู๋หลี่ในภายหลัง เสียดายที่รู้จักกันช้าไป ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้มีดดาบของต้าเว่ยยกระดับขึ้นได้หลายขั้น และทำให้อำนาจการทหารของต้าเว่ยรุ่งเรืองขึ้นไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม อี้อู๋หลี่ได้เปลี่ยนการทำดาบให้เป็นกิจการกึ่งพาณิชย์และกึ่งทางการ เขาก่อตั้งศาลาคุนหวู่ นับแต่นั้นมาตระกูลอี้ก็มีเงินทองไหลมาเทมา ความร่ำรวยเต็มบ้าน

แต่เจี้ยนเหล่าเลือกที่จะอยู่เบื้องหลัง และไม่ออกมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

แม้แต่ดาบจิงหุนที่เซียวเฉวียนตีออกมา หลังจากที่เขาได้เห็นก็ไม่แสดงความเห็นใดเลย

ฮ่องเต้ไม่ต่างจากอี้กุย พวกเขารู้ว่ามีเซียนระดับปรมาจารย์อยู่ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ คนผู้นี้ชอบไปไหนมาไหนตัวคนเดียว อีกทั้งยังไม่สนใจใครในโลกหล้าใบนี้ เพียงแต่ชอบครุ่นคิดเรื่องมีดดาบคนเดียว

เขาอยากไปที่ใด ก็มักจะหุหันพลันแล่นและบุ่มบ่ามอยู่เสมอ เขาอยากเข้าบ้านตระกูลอี้เขาก็มา อยากเข้าวังเขาก็เข้า แม้แต่ฮ่องเต้ผู้สถาปนาประเทศและอี้อู๋หลี่ยังไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ แล้วยังต้อนรับเขาเป็นอย่างดี

เจี้ยนเหล่าเดินทางมาไกลถึงต้าเว่ย จุดประสงค์ที่แท้จริงก็ง่ายมาก เพื่อความฝันที่ทุกคนบนโลกต่างหัวเราะเยาะ

ความฝันของเจี้ยนเหล่าก็คือการตีดาบดั่งใจต้องการ ฝึกวิชาดาบและการต่อสู้ ร่วมถึงการประลองกับผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

การมีความฝันเช่นนี้ในคุนหลุน ถือเป็นเรื่องที่เกินเอื้อม

หลังจากที่ผนึกจูเสินบีบอัดชาวคุนหลุน จิตวิญญาณของชาวคุนหลุนก็อิดโรยไร้เรี่ยวแรง อย่าว่าแต่การตีดาบ แม้แต่ดาบในมือของพวกเขา ยังคงเป็นรูปแบบและวัสดุที่คนรุ่นก่อน ๆ ทิ้งไว้ให้ มันทั้งเทอะทะและไร้ซึ่งความแหลมคม

อีกทั้งจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวคุนหลุนก็ไม่ดุเดือดเท่าบรรพบุรุษ พวกเขาทุกคนเลือกใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาบนโลก โดยที่ไม่ทำอะไรเลยและไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากกินดื่มและถ่ายอุจจาระ

สิ่งเดียวที่พวกเขาเก่งคือปาก ทุกคืนพวกเขาจะรวมตัวกันรอบกองไฟ และพูดคุยเกี่ยวกับความรุ่งโรจน์ ความเก่งกาจ และความมั่งคั่งของบรรพบุรุษเมื่อหลายพันปีก่อน

เจี้ยนเหล่ามองดูเด็กหนุ่มผู้นี้ แต่ก็นึกไม่ออก “โอ้ ท่านโตขนาดนี้แล้วหรือ?”

ครั้งก่อน ฮ่องเต้องค์ก่อนอุ้มองค์รัชทายาทมาให้เขาดู ก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ในตอนนั้นฮ่องเต้ยังคงเป็นเพียงเด็กทารก

ฮ่องเต้นึกไม่ถึงว่า บรรพชนผู้นี้เริ่มพูดประโยคแรกด้วยความขบขัน พระองค์ตะลึงงัน “อ้อ ท่านเจี้ยนเหล่า ตอนนี้ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

จุ๊ ๆ ที่แท้ก็ผ่านมานานหลายปีแล้วหรือ

เจี้ยนเหล่ามองฮ่องเต้อย่างละเอียด พลางพยักหน้า “ขออภัยด้วย ข้าความจำไม่ค่อยดี”

ความจำไม่ดีที่ไหนกันเล่า หลังจากฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ เจี้ยนเหล่าก็แทบไม่เคยได้พบกับฮ่องเต้เลย ที่เขาบอกว่าความจำไม่ดีก็เพื่อหาทางลงให้ฮ่องเต้ไม่อึดอัดใจ หากเดินอยู่ตามถนน เขาคงจำจักรพรรดิองค์นี้ไม่ได้เป็นแน่

“มิเป็นไรดอก” ฮ่องเต้ขำแห้ง แน่นอนว่าพระองค์ก็หาทางลงไม่ให้บรรพชนต้องอึดอัดเช่นกัน “ไม่ทราบว่าเจี้ยนเหล่ามาด้วยเรื่องใดกัน?”

“เสด็จแม่ของท่านสั่งทำกระบี่ชีวัน พระองค์รู้หรือไม่?”

เจี้ยนเหล่าสื่อสารกับฮ่องเต้อย่างหยาบคายและตรงไปตรงมา ฮ่องเต้ตัวสั่น กระบี่ชีวันงั้นหรือ?

“อีกอย่าง เจ้าเด็กเวรเซียวเฉวียนอยู่ในวังหรือไม่?”

เจี้ยนเหล่าสายตาเย็นชา ฮ่องเต้ยิ่งประหลาดใจ เขาไม่รู้จักแม้แต่ฮ่องเต้ ทว่ามาตามหาเซียวเฉวียน?

“เจี้ยนเหล่า? ท่าน...” ฮ่องเต้ยิ้มบาง ๆ พร้อมกับมารยาทที่จักรพรรดิพึงมี แต่ไม่เป็นที่พอใจของเจี้ยนเหล่า

“พระองค์อย่ามาทำหน้าทะเล้นกับข้า ตอบคำถามของข้าด้วย” เจี้ยนเหล่าจริงจังผิดวิสัย

ท่าไม่ดีเสียแล้ว

ฮ่องเต้หันไปส่งสัญญาณให้ขันทีหม่า คุ้มกันพระตำหนักฉางหมิงให้ดี ห้ามให้เจี้ยนเหล่าเข้าไปเด็ดขาด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย