ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 622

สรุปบท บทที่ 622 ความเจ็บปวดของกระบี่ชีวัน: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 622 ความเจ็บปวดของกระบี่ชีวัน – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 622 ความเจ็บปวดของกระบี่ชีวัน ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ณ จวนฉิน

อี้กุยนั่งอยู่ตรงข้ามฉินซูโหรว ซึ่งกำลังดื่มชาอยู่ที่ศาลาริมทะเลสาบในจวนฉิน

อี้กุยและฉินซูโหรวพูดคุยกัน พลางมองไปรอบด้าน แต่กลับไม่พบกระบี่ชีวันเล่มนั้นของนาง

สีหน้าของนางซีดขาวอย่างมาก ในตอนนี้ยังไม่ถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่นางกลับใช้เตาอุ่นมือเสียแล้ว เห็นได้ว่านางหนาวเหน็บอย่างที่สุด

“คุณชายอี้มาที่ตระกูลฉินของข้าโดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกรงว่าไม่เพียงแค่ร่วมงานศพของท่านแม่ข้าสินะ”

เสียงพูดของฉินซูโหรวทั้งเบาและอ่อนแออย่างมาก ราวกับว่าจะหายใจในเฮือกต่อไปไม่ทันเสียแล้ว อี้กุยและเซียวเฉวียนเป็นสหายที่รักกันอย่างมาก อี้กุยไม่มีทางมีจิตใจดีขนาดนั้น จะมาร่วมแสดงความเสียใจกับการตายของแม่ฉินได้อย่างไร?

ท่านแม่ตายแล้ว อี้กุยแทบอยากจะปรบมือมากกว่าถึงจะถูก

ฉินซูโหรวไม่มีความสามารถอะไร แต่ในเวลานี้กลับประเมินตนเองได้ถูกต้อง

“ท่านหญิง ท่านพูดเกินไปแล้ว ข้ามาในวันนี้เพราะมีเรื่องอยากถามท่านหญิงเสียหน่อย”

“ถามงั้นหรือ?” ฉินซูโหรวยิ้มบาง ๆ ยิ้มอย่างเนือย ๆ “ท่านไม่มีความสนิทชิดเชื้อกับข้าเลย ท่านมีเจตนาดีเช่นนี้เชียวหรือ?”

อี้กุยตะลึงงัน ฉินซูโหรวในตอนนี้ต่างจากในอดีตมาก แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะมีนิสัยดื้อด้าน ทว่ามองผิวเผินก็ยังถือว่ารอบคอบในเรื่องของมารยาท แต่คำพูดของนางในตอนนี้ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย

บนในหน้าของนาง เต็มไปด้วยความทนไม่ไหวที่มีต่อเขา

“สีหน้าท่านหญิงซีดเซียว หรือว่าท่านรู้สึกไม่สบาย?” อี้กุยวางแก้วชาในมือลง “หากข้ารบกวนการพักผ่อนของท่านหญิง ข้าขอตัวก่อน”

“เซียวเฉวียนสหายรักของท่าน ไม่ได้บอกท่านหรอกหรือ?”

ฉินซูโหรวไม่ได้มองเขา มองเพียงทะเลสาบที่ส่องประกายระยิบระยับ ครั้งก่อนที่นางดื่มชาตรงนี้ นางดื่มกับเซียวเฉวียน

หลังจากดื่มเสร็จ นางและเขาก็ได้ร่วมรักกันบนเตียง

และเป็นเพราะการแตะเนื้อต้องตัวในครานั้น ทำให้นางและเซียวเฉวียนได้ผูกพันธะโลหิตต่อกัน

“บอกสิ่งใดรึ?” อี้กุยไม่เข้าใจ หลายวันมานี้เขามัวแต่ยุ่งกับงานที่บ่อนและโรงเหล้า เขาแทบไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องที่เซียวเฉวียนทำ

เซียวเฉวียนไม่พูด และแน่นอนว่าอี้กุยก็ไม่ได้ถาม

“เขาทำลายจุดตันเถียนของข้า” ฉินซูโหรวพูดยิ้มหยัน พลางหันไปมองอี้กุยอย่างเย็นชา ราวกับว่าเขาคือผู้สมรู้ร่วมคิด “จึงทำให้ใบหน้าของข้าซีดเซียวเช่นนี้”

“ข้าจึงพูดอย่างอ่อนเปรี้ยเพลียแรงเช่นนี้”

“ข้าสามารถเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว”

“ท่าน” ฉินซูโหรวจ้องมองเขา “พอใจแล้วใช่หรือไม่”

อี้กุยตกใจอย่างคาดไม่ถึง มองฉินซูโหรวอย่างอ้ำอึ้ง “เพราะเพื่อ...พันธะโลหิต”

“อื้ม” ฉินซูโหรวพยักหน้าเบา ๆ “ไม่เช่นนั้นจะเพื่ออะไรได้อีกเล่า”

“ท่านหญิง เป็นเพราะท่านต้องการที่พึ่ง จึงได้นำกระบี่ชีวันมาไว้ข้างกายงั้นหรือ?”

อี้กุยเข้าใจในทันที เหตุใดไทเฮาจึงมอบกระบี่ชีวันและเว่ยอู๋จี้ให้แก่ฉินซูโหรว

ไทเฮาไม่เพียงให้นางปกป้องตัวเอง แต่ชัดเจนว่านางกำลังยืมมือของฉินซูโหรวสังหารเซียวเฉวียน

ฉินซูโหรวเลิกคิ้วงาม “ท่านรู้เรื่องกระบี่ชีวันด้วยหรือ?”

อี้กุยยังไม่ตอบคำถาม นางก็ยิ้มออกมาเบา ๆ “ก็จริง ในเมืองหลวงมีผู้สอดแนมและมีหูตามากมาย เรื่องที่ไทเฮาทำ จะเล็ดลอดสายตาผู้เหนือมนุษย์อย่างพวกท่านได้อย่างไร?”

“ทำไมรึ ท่านก็มาหากระบี่ชีวันงั้นหรือ?”

ฉินซูโหรวขยับเข้าไปด้านหน้า บนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ใบหน้าทีซีดขาวของนางราวกับดอกโบตั๋นท่ามกลางสายฝน บอบบางไร้ที่เปรียบ ทว่าเป็นความงามที่ทำให้ผู้อื่นปวดใจ

อี้กุยจิตใจเหม่อลอยอีกครั้ง เขารีบหันหลังกลับอย่างรุนแรงและไม่มองนางอีก แต่มองไปยังต้นหยางหลิวที่เหี่ยวเฉาริมทะเลสาป “ท่านหญิง กระบี่ชีวันเป็นอาวุธร้ายแรง ท่านเป็นผู้หญิงไม่ควรใช้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้”

สิ่งนี้ทำให้พวกอี้อู๋หลี่ตกใจจนหน้าถอดสี ในขณะที่กระบี่ชีวันสังหารอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาก็รีบร่วมมือกันไล่ล่ากระบี่ชีวัน และทำลายมันในที่สุด

กระบี่ชีวันโหดเหี้ยมมากเกินไป ดังนั้นวิธีการตีกระบี่ชีวันจึงถูกทำลายอย่างหมดจดโดยศาลาคุนหวู่ และไม่ทิ้งร่องรอยไว้เพียงนิดเดียว

แม้แต่กระบี่ชีวันเล่มนั้นใช้ร่างของใครในการตีขึ้นมา ผู้คนบนโลกต่างไม่อาจล่วงรู้ได้ ซึ่งแม้แต่อี้กุยก็ยังไม่รู้

เพราะนับตั้งแต่ครั้งนั้น พวกอี้อู๋หลี่ก็ไม่เอ่ยปากเรื่องกระบี่ชีวันอีกเลย

วันนี้ไทเฮาได้ตีกระบี่ชีวันเล่มที่สองขึ้นมา ซึ่งทำใจอี้กุยประหลาดใจอย่างที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนรวมหรือเรื่องส่วนตัว อี้กุยต่างต้องขัดขวางไม่ให้ฉินซูโหรวใช้อาวุธที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ส่วนรวมคือเพื่อประชาชนของเมืองหลวง ส่วนตัวคือเพื่อเซียวเฉวียน

“อ้อ เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า?”

ฉินซูโหรวทำท่าทางไม่สนใจไยดี ทำให้อี้กุยโมโหเล็กน้อย “ท่านหญิง! จะเล่นเป็นเด็กเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“แล้วข้าจะทำอย่างไรได้เล่า?”

“ข้าพูดโดยไม่ปิดบังความจริง ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อทำลายมัน”

ฉินซูโหรวมองแผ่นหลังที่ว่างเปล่าของเขา “ท่านงั้นหรือ? ท่านเพียงคนเดียวงั้นหรือ?”

“ท่านหญิง ศาลาคุนหวู่มีคำสอนของบรรพบุรุษที่ว่า กระบี่ชีวันไม่ควรมีอยู่ ในเมื่อข้ารู้เรื่องนี้แล้ว เช่นนั้นข้าจะนิ่งเฉยไม่สนใจไม่ได้”

“เซียวเฉวียนรู้หรือไม่ว่าท่านต่อสู้เพื่อเขาขนาดนี้?”

“ข้าไม่ได้ทำเพื่อเขาเพียงผู้เดียว แต่เพื่อประชาชนในเมืองหลวงด้วย!”

อี้กุยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ฉินซูโหรวเกิดในตระกูลของแม่ทัพ ควรรู้ดีว่าต้องให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก “ท่านหญิง ท่านยอมมอบกระบี่ชีวันด้วยตัวเองได้หรือไม่? ร่างกายของท่านไม่แข็งแรง ข้าไม่อยากใช้กำลังสู้กับผู้หญิงอย่างท่าน”

“ท่านเก็บกระบี่ชีวันไว้ ก็ถือเป็นหายนะต่อตัวท่านเอง!”

ฉินซูโหรวจ้องเขาเขม็ง ใช้เวลาอยู่นานเพื่อพูดออกมาคำหนึ่ง “ไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย