ตอน บทที่ 624 ขอให้โชคดี จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 624 ขอให้โชคดี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หากชนเผ่ากลุ่มหนึ่งถูกปราบปรามและทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน พวกเขามักจะจินตนาการว่าวีรบุรุษหรือเทพเจ้าสามารถช่วยพวกเขาได้
ตลอดระยะเวลายาวนานหลายพันปี ชาวคุนหลุนก็จินตนาการถึงเทพเจ้าเช่นกัน
เทพเจ้าองค์นี้รักชาวคุนหลุนสุดหัวใจ และจะพาชาวคุนหลุนออกจากค่ำคืนอันมืดมิดอันยาวนานนับพันปีนี้
คืนแล้วคืนเล่าในขณะที่เล่าเรื่องราวรอบกองไฟ ชาวคุนหลุนมักจะพูดถึงเสมอว่า เทพเจ้าเช่นนี้จะปรากฏตัวในคุนหลุนเพื่อช่วยพวกเขาจากสถานที่อันหนาวเย็นและแสนทรมานอย่างเทือกเขาคุนหลุน
ทว่าเวลาได้ล่วงเลยไปหลายปี ชาวคุนหลุนได้ตายไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า พวกเขาก็ยังคงอยู่บนเทือกเขาคุนหลุน
ผนึกจูเสินยังคงอยู่บนเกาะจูเสิน และรักษามันมานับพันปีในเกาะจูเสิน
พวกเขายังคงไม่สามารถหนีออกจากเทือกเขาคุนหลุนได้ ในผืนแผ่นดินและท้องนภาที่กว้างใหญ่ มีหลายประเทศที่ก่อตั้งและล่มสลายไป ประเทศใหม่เกิดขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัตร ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับชาวคุนหลุนเลย
ชาวคุนหลุนเหมือนกับกลุ่มชนเผ่าที่ถูกลืมเลือน
พวกเขาทำได้เพียงอยู่บนเทือกเขาคุนหลุนที่หนาวและสูงไปตลอดกาล เหม่อมองดวงดาวที่อยู่ห่างไกลจากฟากฟ้า
เทพเจ้าที่พวกเขากล่าวถึงไม่เคยปรากฏตัว และไม่เคยมีแม้แต่เงา
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภาพลักษณ์ของเทพเจ้าก็ยังถูกเล่าต่อกันมาปากต่อปาก อย่างไรเสียมนุษย์จะขาดสิ่งใดไปก็ได้ยกเว้นความหวัง
หากชาวคุนหลุนไม่เชื่อแม้แต่เทพเจ้า เช่นนั้นความหวังของชาวคุนหลุนก็มลายหมดสิ้น และเช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใดคิดที่จะหนีไปจากเทือกเขาคุนหลุนอีก
โชคดีที่ในกระดูกของชาวคุนหลุนถูกสลักไว้ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า
แม้เวลาจะล่วงเลยนับพันปี ความหวังที่จะหนีออกจากเทือกเขาคุนหลุนยังคงแข็งแกร่งดังเดิม
เพียงแต่ในครั้งนี้ คนที่พวกเขาพึ่งพาไม่ใช่เทพเจ้าในตำนานแห่งคุนหลุนที่เหนือกว่าคนทั่วไป แต่ผู้นั้นคือเซียวเฉวียน
เซียวเฉวียน?
นายท่านคนก่อนของจวนฉิน?
ลูกหลานของตระกูลที่ยากจน?
แม้ว่าเจี้ยนเหล่าไม่พูดถึงเรื่องซุบซิบในเมืองหลวง ทว่าหนึ่งปีมานี้เซียวเฉวียนได้รับความสนใจ
ค่อนข้างมาก แม้แต่เซียนขั้นสูงอย่างเจี้ยนเหล่า ยังล่วงรู้เรื่องเลวระยำที่เซียวเฉวียนเคยทำ
ท้ายที่สุดแล้วอี้กุยไม่ได้มาขอร้องให้เจี้ยนเหล่าช่วยเซียวเฉวียน ก็ต้องขอร้องให้เขาไปตามหาเซียวเฉวียน
เจี้ยนเหล่าหัวเราะร่า ฮ่า ๆ ๆ ฮ่า ๆ พลางมองไปที่ไป๋ฉี่ “สวะคนหนึ่ง! กล้าเรียกตัวเองว่าเทพเจ้างั้นรึ?”
“ไม่ไตร่ตรองดูตัวเองเสียหน่อยเลย เทพเจ้างั้นรึ? ก็แค่พวกที่ชอบก่อเรื่องก็เท่านั้น!”
อคติที่เจี้ยนเหล่ามีต่อเซียวเฉวียนไม่น้อยเลย ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนป่าเถื่อนที่ไร้เหตุผลพวกนั้น เขาชี้ไปยังผนึกสีแดงกลางระหว่างคิ้วของไป๋ฉี่ พลางถามอย่างเยือกเย็น “ผู้ใดกัน ที่ทำให้เจ้ารอดจากผนึกจูเสิน?”
“เซียวเฉวียน”
คำตอบไป๋ฉี่เยือกเย็นยิ่งกว่า
“ข้าไม่เชื่อ”
ความสงสัยของเจี้ยนเหล่าตรงไปตรงมา เซียวเฉวียนจะทำได้อย่างไรกัน?
“รอให้ข้าค้นหาความจริงเสียก่อน!” เจี้ยนเหล่าทำเสียงฮึดฮัด “กล้ามาหลอกข้า ข้าจะบีบหัวเจ้าให้เละเลย!”
“ตามใจ” ความเย็นชาและความไม่สนใจไยดีของไป๋ฉี่ ทำให้เจี้ยนเหล่าโกรธ เหอะ! ผู้อารักขาคนนี้ของเซียวเฉวียนมีความเป็นตัวเองสูงมากเลยทีเดียว?
“ปิ้ว!”
แสงสีขาวพุ่งออกมาสว่างจ้าจนองค์จักรพรรดิไม่สามารถลืมตาได้ เมื่อพระองค์ลืมตาขึ้น ไป๋ฉี่และเจี้ยนเหล่าก็หายตัวไปแล้ว
“ฝ่าบาท นี่คือ?” ขันทีหม่าตกใจจนหน้าซีด เจี้ยนเหล่าและไป๋ฉี่ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนที่น่ามีเรื่องด้วย ตอนนี้จู่ ๆ ก็หายตัวไป หากไปสู้กันอยู่ที่ไหนสักที่ในวัง เช่นนั้นจะไม่ทำให้วังเสียหายงั้นหรือ?
“เจี้ยนเหล่าไม่มีทางทำร้ายผู้อื่นได้ ไม่ต้องสนใจพวกเขา ดูแลเซียวอ้ายชิงให้ดีก่อนเถอะ”
ตอนที่ฮ่องเต้พูดคำว่า อ้ายชิง กับเซียวเฉวียน จะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นเล็กน้อย สำหรับคนอื่นก็เรียกตามชื่อเท่านั้น
เห็นได้ว่าฮ่องเต้มีใจยอมรับเซียวเฉวียนด้วยตัวพระองค์เอง ผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวางได้
ทว่า เซียวเฉวียนยังไม่ฟื้นขึ้นมา
ฮ่องเต้กลับไปยังพระตำหนักฉางหมิง เขาลอยอยู่กลางอากาศ ดูจากท่าทางเหมือนว่าไม่เป็นอันตรายใด ๆ
เหตุผลที่ฮ่องเต้ทรงคิดเช่นนี้ เป็นเพราะว่าสีหน้าที่สลบไสลไปของเซียวเฉวียน เต็มไปด้วยความเบิกบานใจ ราวกับว่าได้พบเจอเรื่องดี ๆ
เขาไม่มีความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
นอกพระตำหนักฉางหมิง เนื่องจากไฟของกิเลนและสายฟ้าของภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิรุนแรงอย่างมาก พื้นและเสาเกิดความเสียหายไม่น้อย เซียวเฉวียนยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา ทางด้านของฮ่องเต้จึงสั่งให้คนในวังซ่อมแซมส่วนที่เสียหายนอกพระตำหนัก พลางรอการฟื้นขึ้นของเซียวเฉวียนบนเก้าอี้มังกร
การรอคอย ล่วงเลยไปสามวันแล้ว
ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
เซียวเฉวียนไม่กินไม่ดื่ม ถูกพลังที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่ายึดไว้กลางอากาศ
สามวันนี้ เหล่าขุนนางทั้งหลายยังคงเข้าเฝ้าช่วงเช้าดังเดิม
ดังนั้น เซียวเฉวียนและจ้าวอีโต้วที่สลบไสล ก็ถูกเหล่าขุนนางทั้งหลายจ้องมองเป็นเวลาสามวันเต็ม ๆ
สวีซูผิงก่ายหน้าผาก ผู้ที่กล้านอนหลับในพระตำหนักฉางหมิงก็มีเพียงเซียวเฉวียนและจ้าวอีโต้ว
ทว่าใบหน้าของจ้าวอีโต้วดูทุกข์ทรมาน สีหน้าซีดขาว เซียวเฉวียนใบหน้าเบิกบานชื่นมื่น เหลือแค่น้ำลายไหลออกมาเท่านั้น คาดว่าคนที่กำลังนอนหลับจริง ๆ น่าจะเป็นเซียวเฉวียน
เหล่าหมอหลวงก็รีบหาวิธีรักษา พวกเขาตรวจชีพจรทุกหนึ่งชั่วยาม ได้ผลสรุปออกมาว่า เป็นเพราะเซียวเฉวียนไม่ยอมตื่นขึ้นมาเอง
เพราะว่าเลือดบริสุทธิ์ของจ้าวอีโต้วแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของจ้าวอีโต้ว จึงเกิดเป็นสิ่งที่เซียวเฉวียนต้องการและได้คุมขังเซียวเฉวียนไว้
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ใต้เท้าเซียวต้องพึ่งตัวเองแล้วพะยะค่ะ ใต้เท้าเซียวยังล้างเลือดบริสุทธิ์ไม่หมดจด จึงถูกกักขังไว้ภายในพะยะค่ะ”
“หากพวกเราฝืนปลุกขึ้นมา ผู้ที่ถูกเรียกให้ตื่นจะไม่ใช่เซียวเฉวียน แต่จะเป็นจ้าวอีโต้วที่อยู่ในร่างของเซียวเฉวียน”
เหล่าหมอหลวงเสนอความเห็นออกมา ทั้งหมดก็คือ : ไม่สามารถทำอะไรได้ ปล่อยไปตามโชคชะตา
เหล่าหมอหลวงส่ายหน้า เซียวเฉวียนก็ใจกล้าบ้าระห่ำเกินไปแล้ว ทุกคนมีเลือดบริสุทธิ์เป็นของตัวเองเท่านั้น จักไปดูดเลือดบริสุทธิ์ของผู้อื่นได้อย่างไรกัน?
ด้วยความไม่ระแวดระวัง เซียวเฉวียนจะตายไปในภาพลวงตาที่สวยงามที่สุด
นี่ไม่ใช่เพราะความบ้าระห่ำของเซียวเฉวียน เป็นเพราะเย่าเหล่าไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน
เย่าเหล่าเกรงว่าถ้าพูดออกมา และเซียวเฉวียนจะไม่ยอมทำ จึงทำเพียงแกล้งถามว่า : ท่านคิดดีแล้วใช่หรือไม่?
เพราะสุดท้ายหากเซียวเฉวียนไม่ล่วงรู้การท่องคาถา ผู้ใดจะทำลายผนึกจูเสิน?
“กรับ ๆ ๆ”
เย่าเหล่าที่ห่างออกไปจากเมืองหลวง กุมหน้าอกและหลับตาลง พลางอธืษฐานในใจอย่างหน้าด้าน ๆ “ใต้เท้าเซียว ขอให้ท่านโชคดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...