ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 625

สรุปบท บทที่ 625 ความฝันที่แหลกสลายในวัยเยาว์: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 625 ความฝันที่แหลกสลายในวัยเยาว์ – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 625 ความฝันที่แหลกสลายในวัยเยาว์ ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ใครจะไปทำตามที่เจ้าบอก!

หากเซียวเฉวียนรู้เรื่องนี้ในเวลานี้ เขาคงจะสาปแช่งออกมาเช่นนี้อย่างแน่นอน

ตอนแรกคิดว่าปีศาจกวีหน้าเนื้อใจเสือมากพอแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเย่าเหล่าเองก็ชั่วร้ายไม่แพ้กัน! เมื่อเอาความชั่วร้ายของทั้งสองมาเทียบกันแล้ว พวกเขาก็แทบกินกันไม่ลง

คนแก่พวกนี้ แต่ละคนไม่น่าเคารพเอาเสียเลย!

“เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเคารพเอาเสียเลย......” ฮ่องเต้กุมขมับ เขาไม่เชื่อว่าเย่าเหล่าจะไม่รู้เรื่องนี้! เย่าเหล่าจะต้องรู้เป็นแน่ แต่ไม่ได้บอกกับเซียวเฉวียน

“ทหาร ไปเชิญคนผู้นั้นมา”

ฮ่องเต้หมดทางเลือก มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้เซียวเฉวียนตื่นขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำร้ายเซียวเฉวียน

“ฝ่าบาท ท่านเชิญผู้ใดเข้ามางั้นหรือ?”

ขันทีหม่าตกใจเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ แต่ก็ยังไม่วายถามออกมาว่า “คงจะไม่ใช่......”

“ไปเชิญลุงของชวีฝาน ชวีจงเทียนเข้ามา”

ฮ่องเต้ก่ายหน้าผาก นำตราคำสั่งออกมา

ชวีจงเทียน ตอนนั้นเขาเคยเป็นขุนนางระดับสี่ในราชสำนัก เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ค่าตอบแทนในแต่ละเดือนที่ได้ก็ไม่ได้สูงมากนัก แต่เขากลับชอบช่วยเหลือราษฎร และได้รับขนานนามว่าเป็นขุนนางที่ดีที่สุด

หลังจากชวีฝานเสียชีวิต ชวีจงเทียนทำใจกับความเจ็บปวดไม่ได้ ลาออกจากการเป็นขุนนาง และไม่เคยปรากฏในราชสำนักอีกเลย

บ้านของตระกูลชวีนั้นเก่าคร่ำครึ มีสภาพทรุดโทรม และเด็กไปด้วยวัชพืชไม่จำเป็น

ได้ยินมาว่าชวีจงเทียนอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลชวีมาโดยตลอด เพียงแต่เขาไล่คนรับใช้ทั้งหมดออกไป อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงคนเดียว ใช้ชีวิตเหมือนกับวิญญาณผู้โดดเดี่ยว

ชวีจงเทียนไม่มีลูก ดังนั้นเขาจึงมองว่าชวีฝานซึ่งเป็นหลานสาว เป็นเหมือนลูกสาวของเขาเอง

ไม่มีใครคิดว่า หลังจากชวีฝานตายไป เขาจะลาออกจากการเป็นขุนนางและใช้ชีวิตแต่ละวันโดยไม่ทำสิ่งใด เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหน

แม้ว่าจะมีตราคำสั่งหรือพระราชโองการของฮ่องเต้ ชวีจงเทียนก็ไม่ยอมออกมา

ดังนั้นนอกจากตราคำสั่งและพระราชโองการ ฮ่องเต้จึงมอบจี้หยกให้กับขันทีหม่าไปด้วย

และมันก็คือจี้หยกของเซียวเฉวียน

“เมื่อเขาเห็นจี้หยก เขาจะต้องมาที่นี่เป็นแน่” ฮ่องเต้กำชับขันทีหม่า “เมื่อใต้เท้าชวีเห็นเจ้า เขาจะต้องแสดงความไม่พอใจและรังเกียจเจ้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นเจ้าจะต้องมีมารยาทและรักษาความไม่ประมาท”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ขันทีหม่ารับจี้หยกนั้นไว้ และปฏิบัติตามคำสั่งทันที

ฮ่องเต้ส่ายหน้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่เขาต้องใช้ประโยชน์จากชวีจงเทียน

ในตอนที่ชวีฝานจากไป ชวีจงเทียนแสดงความคับข้องใจและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับหลานสาวของตนเอง ต้องการคำอธิบาย นอกจากนี้ยังต้องการให้ฮ่องเต้ใช้กฎหมายในการประหารผู้กระทำความผิด

แต่ในตอนนั้นฮ่องเต้ยังเด็กเกินไป อำนาจยังอยู่ในมือของเว่ยเชียนชิว ในตอนนั้นคดีของชวีฝานยังไม่ทันถึงมือของฮ่องเต้ก็ถูกเว่ยเชียนชิวขวางไว้แล้ว

ภายใต้ความโกรธของชวีจงเทียน เขาลาออกจากการเป็นขุนนาง และจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

นี่คือความละอายใจที่คงอยู่ในใจของฮ่องเต้

บนโลกนี้ไม่มีกำแพงที่ลมข้ามผ่านไปไม่ได้ แม้ว่าในตอนนั้นไม่มีใครสนใจเรื่องการตายของชวีฝาน แต่หลายปีต่อมา ข่าวลือก็ถูกแพร่งพรายออกไป

เหล่าราษฎรรู้ดีว่านักเขียนสตรีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และการจากไปของนางก็น่าอัปยศยิ่งนัก

แม้แต่ราษฎรยังรู้ มีหรือที่ฮ่องเต้จะไม่รู้

สายลับของฮ่องเต้มีอยู่ทุกแห่งหน ตราบใดที่มีเหตุการณ์ผิดปกติ หรือข่าวสำคัญ ไม่มีทางที่ฮ่องเต้จะไม่ทรงทราบ

แต่ในตอนนั้น เรื่องราวมันได้ผ่านไปแล้วเป็นเวลาเจ็ดปี ดังนั้นหลักฐานทั้งหมดจึงสูญสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

แม้ว่าฮ่องเต้ต้องการพลิกคดีความ เปลี่ยนคำตัดสินที่น่าสงสารของเด็กหญิงผู้นี้ เขาก็ไม่อาจทำได้

เวลานี้โอกาสมาถึงแล้ว

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยความไม่ตั้งใจของเซียวเฉวียน มันคือการสร้างโอกาสให้กับชวีฝาน

“ทหาร เซียวเฉวียนไม่ได้สังหารแม่ของจ้าวอีโต้วไม่หรือไม่?”

หลังจากการสอบสวนของเจี้ยนเหล่า เป็นอย่างที่คิด เซียวเฉวียนได้ทำการทำลายผนึกกักกันจูเสินให้กับไป๋ฉี่

“เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดเขาถึงยังเด็กขนาดนี้?”

เจี้ยนเหล่าเหมือนคนที่อาบน้ำร้อนมามาก นั่งอยู่ด้านบนของขั้นบันไดหน้าเก้าอี้มังกรแล้วพึมพำกับตัวเอง “เป็นเซียวเฉวียนได้อย่างไร?”

ในตอนที่เจี้ยนเหล่ายังเด็ก เขาเองก็เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป เขาคิดว่าตนเองจะต้องเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้โลก ดังนั้นจึงเอาแต่ศึกษาเกี่ยวกับหนังสือด้านการทหาร ฝึกฝนร่างกายและการต่อสู้ มุ่งไปตามเจตนารมณ์ของดาบ

แต่ในตอนที่เขาอยู่ในวัยกลางคน เขาก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้

ตอนที่อายุห้าสิบ ก็ยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้

แม้แต่ตอนอายุหกสิบเองก็ไม่อาจข้ามผ่านมันไปได้

ดังนั้นเจี้ยนเหล่าถึงได้เข้าใจ ตัวเขาก็เปรียบเสมือนแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่น เพียงแค่มีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นในบางเรื่องเท่านั้น

ช่วงเวลาที่น่าเศร้าที่สุดของชีวิต มันก็คือการที่ได้เข้าใจบางสิ่งในเวลาที่สายเกินไป แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่แสงสว่างที่นำทางผู้คน เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น

เจี้ยนเหล่าเคยคิดว่า หากตนเองยังไม่สามารถทำได้ เช่นนั้นก็ไม่มีใครในโลกใบนี้สามารถทำได้

สุดท้ายเซียวเฉวียนกลับปรากฏตัวออกมา?

เขาทำให้ไป๋ฉี่หลุดพ้นจากผนึกกักกัน

ทำให้ไป๋ฉี่ได้กลายเป็นคนแรกแห่งเขาคุนหลุนที่มีอิสระเป็นของตนเอง

แม้ว่าผนึกจูเสินจะถูกทำลายไปเพียงเล็กน้อย แต่เจี้ยนเหล่าก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นสิ่งซึ่งพิเศษมาก!

การปรากฏตัวของเซียวเฉวียน ทำให้ความฝันทั้งหมดในชีวิตของเจี้ยนเหล่าแหลกสลาย

โลกใบนี้มีเทพอยู่จริง ๆ แต่เทพที่ว่านั้นกลับไม่ใช่ตัวเอง

ช่วงเวลาที่เข้าใจ เป็นเพียงช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาที แต่มันกลับทำให้หัวใจของเขาแก่ลงไปหลายสิบปี

จู่ ๆ เสียงเข่ากระทบพื้นก็ดังขึ้นมา เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น ก้มหน้าลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง การเคลื่อนไหวของผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษทำให้ฮ่องเต้ตกใจเป็นอย่างมาก “เจี้ยนเหล่า เหตุใดท่านถึงต้องทำเช่นนี้? รีบลุกขึ้นมาเถิด!” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย