“น่ายินดี!”
สายตาที่ว่างเปล่าของขันทีจับจ้องไปยังไป๋ฉี่ ความในใจของขันทีที่มีต่อผู้อารักขานั้นหาได้ดีไม่ แม้ว่าขันทีและผู้อารักขาจะเป็นข้าราชบริพารเช่นกัน แต่เนื่องจากขันทีเป็นข้าราชบริพารในวัง ทำให้ตนเองรู้สึกมีเกียรติมากว่าเหล่าผู้อารักขาที่เป็นข้าราชบริพารนอกวัง
ไป๋ฉี่เป็นผู้อารักขาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองหลวง แต่สำหรับขันทีแล้วหาสำคัญไม่ ผู้อารักขาที่มีชื่อเสียงได้ ก็เพราะพึ่งใบบุญของเจ้านายตนเอง ไม่ว่าไป๋ฉี่จะเก่งกาจถึงเพียงใด แต่ชื่อเสียงที่ได้มานั้น ก็เป็นเพราะเซียวเฉวียน เจ้านายผู้มีความสามารถไม่ใช่หรือ?
ทุกคนเคยชินกับความยโสโอหังของเหล่าขันทีเป็นอย่างดี ยกเว้นเหล่าเจ้านายที่ไม่มีใครมองพวกเขาว่าสูงส่งเลยแม้เเต่คนเดียว
"ทุกท่าน ตามข้าเข้าไปในวังเถิด” ขันทีฝึกหัดยิ้มแย้มด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ เหลือบมองไปยังไป๋ฉี่ ข้ารับที่พึ่งใบบุญของเจ้านายเข้ามา เมื่อเจ้านายได้ดี ข้ารับใช้อย่างเขาก็พลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย
ในที่แห่งนี้ มีเพีงเซียวเฟิงที่มีเกียรติ เขาเป็นดังกิเลนที่ย่างกายอยู่บนโลกมนุษย์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากสุนัขตะกายเหยียบวิมาน อาศัยความสามารถของเจ้านายเข้ามาเยือน ณ ที่แห่งนี้
เข้าพระราชวังอย่างนั้นหรือ? ทุกคนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับกำลังฝัน ทั้งมีความสุข และประหลาดใจที่จะได้เข้าไปยังพระราชวัง
“เอาล่ะ เข้าไปกันเลย!” เหมิงเอ้าพูดอย่างสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก และกำลังเดินไปพร้อมกับขันที
ไป๋ฉี่คว้าตัวเขาไว้โดยทันที: "ท่านประกาศให้พวกข้าเข้าพระราชแล้วอย่างนั้นหรือ? ท่านมีราชโองการหรือไม่?"
ไป๋ฉี่พูดอย่างเฉยเมย หากขันทีต้องการพาพวกเขาเข้าไป ทำไมถึงไม่ประกาศสิ่งใดเลย?
ทันใดนั้นเหมิงเอ้าก็ตระหนักขึ้นได้: "ถูกแล้ว! ราชโองการอยู่ที่ใด ท่านบอกว่าท่านเป็นขันทีใช่หรือไม่"
ขันทีหนุ่มตะคอกอย่างเย็นชา: "ใต้เท้าเซียวพูดไว้ไม่เกินจริง ไป๋ฉี่ท่านช่างหยุมหยิมไม่เข้าเรื่อง"
หลังจากพูดจบ ขันทีหนุ่มก็หยิบพระราชโองการที่พระองค์ทรงอักษรด้วยพระองค์เองและประทับตราสีแดง
เนื้อหาของพระราชโองการของฮ่องเต้นั้นเรียบง่ายมาก ใต้เท้าเซียวได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครู ไป๋ฉี่และคนอื่นๆ มีรับสั่งให้เข้ามาในพระราชวังเพื่อรับใช้ใต้เท้าเซียว
นี้ไม่ใช่ความคิดของฝ่าบาท แต่เป็นคำขออันแรงกล้าของใต้เท้าเซียว ไม่เพียงเท่านั้น ใต้เท้าเซียวยังกำชับเป็นพิเศษว่าให้นำสุนัขสีเหลืองตัวน้อยของตระกูลเซียวเข้ามาด้วย
ด้วยวิธีนี้ จะทำให้ทุกคนในตระกูลเซียวสามารถอยู่ในที่เดียวกันกับเซียวเฉวียนได้
เมื่อขันทีหนุ่มมาพร้อมกับราชโองการ ใต้เท้าเซียวได้มอบกระถางธูปขนาดเท่าฝ่ามือให้กับขันทีเป็นพิเศษ โดยบอกว่าพวกเขาจะเต็มใจที่จะเข้ามาในพระราชวังก็ต่อเมื่อเห็นกระถางธูปเท่านั้น
กระถางธูปใบนี้ ฝ่าบาทเป็นคนมอบให้เซียวเฉวียน ครั้งที่มาเยือนต้าเว่ยคราแรก และเซียวเฉวียนเก็บรักษามันไว้อย่างดี
เมื่อขันทีหนุ่มหยิบกระถางธูปออกมา ไป๋ฉี่รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้มาจากเซียวเฉวียนผู้เป็นเจ้านาย
ราชโองการของฮ่องเต้ สามารถรับสั่งได้โดยไม่ต้องมีคำขอของเซียวเฉวียน
ขันทีหนุ่มละทิ้งราชโองการและกระถางธูปนั้นเสีย เขาไม่พึงพอใจกับกลุ่มข้ารับใช้กลุ่มนี้เป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย แค่ได้เข้ามาก็ถือว่าเป็นบุญหัวโขแล้ว ยังจะหยิ่งผยองไม่เจียมตัว "เข้าไปกันได้แล้ว จะเอ้อระเหยลอยชายไม่รีบไปหาตระกูลเซียวงั้นรึ?"
“ไม่ใช่เช่นนั้น ทุกคนไปกันเถอะ!” เหมิงเอ้าและสิบหกมีความสุขที่สุด เหมิงเอ้าสงสัยมาตลอดว่าพระราชวังนั่นมีหน้าตาเป็นอย่างไร และในที่สุดวันที่ได้เข้าพระราชวังก็มาถึง
ส่วนสิบหกถูกเนรเทศไปยังเกาะจูเสินเป็นเวลาหลายปี ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นขุนนางของฮ่องเต้ แต่เขาคิดว่าชาตินี้เขาคงไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวง และคงไม่สามารถกลับเข้าสู่พระราชวังเพื่อรับใช้องค์ฮ่องเต้ได้อีก แต่คาดไม่ถึง…ทุกอย่างกลับเกิดขึ้นจริง
ขันทีหนุ่มขี่ม้า จงใจควบม้าให้เร็วขึ้น ไม่รอเจ้าพวกไร้ประโยชน์ อันที่จริงความเร็วที่ขันทีหนุ่มใช้ควบม้านั้น ไม่ได้เศษเสี้ยวของเหล่าผู้อารักขา หากแต่เพียงตอนนี้โหยวควนได้รับบาดเจ็บ ทุกคนจึงเดินอย่างช้าๆ
“ขันที นี้หมายความว่าอย่างไรกัน” เจ้าหนึ่งไม่พอใจอย่างมากจึงตะโกนให้หลังขันที ตั้งใจจะทำให้อับอาย!
ม้าของพวกเขาถูกเผาจนตายเมื่อวานนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะขี่ม้าเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ข้ากับนายท่านไปราชสำนักด้วยกันประจำ ข้ารู้ทางไปพระราชวังอยู่” ไป๋ฉี่พูดอย่างสงบ คนในวังให้ความสำคัญกับสถานะเป็นอย่างมาก และสถานะของผู้อารักขาไม่สูงนั้น จึงไม่แปลกที่ขันทีจะไม่มองว่าพวกเขาอยู่ในสายตา
“ไป๋ฉี่ พี่ข้า ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” เจ้าเก้าพยักหน้าอย่างมีความสุข “ ว่าแต่ราชครูคืออะไร? เมื่อนายท่านเป็นราชครู นายท่านจะมีอำนาจมากใช่หรือไม่?”
“เจ้าเก้า อย่าพูดถึงนายท่านเลย”
ไป๋ฉี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม นี่คือหลักจริยธรรมพื้นฐานของผู้อารักขา เจ้าเก้าแลบลิ้น: "ข้ารู้หน่า ไม่ใช่ว่าข้ามีความสุขสักหน่อย!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...