ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 645

สรุปบท บทที่ 645 ราชครูยางหวา: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปเนื้อหา บทที่ 645 ราชครูยางหวา – ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

บท บทที่ 645 ราชครูยางหวา ของ ซูเปอร์ลูกเขย ในหมวดนิยายนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“น่ายินดี!”

สายตาที่ว่างเปล่าของขันทีจับจ้องไปยังไป๋ฉี่ ความในใจของขันทีที่มีต่อผู้อารักขานั้นหาได้ดีไม่ แม้ว่าขันทีและผู้อารักขาจะเป็นข้าราชบริพารเช่นกัน แต่เนื่องจากขันทีเป็นข้าราชบริพารในวัง ทำให้ตนเองรู้สึกมีเกียรติมากว่าเหล่าผู้อารักขาที่เป็นข้าราชบริพารนอกวัง

ไป๋ฉี่เป็นผู้อารักขาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองหลวง แต่สำหรับขันทีแล้วหาสำคัญไม่ ผู้อารักขาที่มีชื่อเสียงได้ ก็เพราะพึ่งใบบุญของเจ้านายตนเอง ไม่ว่าไป๋ฉี่จะเก่งกาจถึงเพียงใด แต่ชื่อเสียงที่ได้มานั้น ก็เป็นเพราะเซียวเฉวียน เจ้านายผู้มีความสามารถไม่ใช่หรือ?

ทุกคนเคยชินกับความยโสโอหังของเหล่าขันทีเป็นอย่างดี ยกเว้นเหล่าเจ้านายที่ไม่มีใครมองพวกเขาว่าสูงส่งเลยแม้เเต่คนเดียว

"ทุกท่าน ตามข้าเข้าไปในวังเถิด” ขันทีฝึกหัดยิ้มแย้มด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ เหลือบมองไปยังไป๋ฉี่ ข้ารับที่พึ่งใบบุญของเจ้านายเข้ามา เมื่อเจ้านายได้ดี ข้ารับใช้อย่างเขาก็พลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย

ในที่แห่งนี้ มีเพีงเซียวเฟิงที่มีเกียรติ เขาเป็นดังกิเลนที่ย่างกายอยู่บนโลกมนุษย์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากสุนัขตะกายเหยียบวิมาน อาศัยความสามารถของเจ้านายเข้ามาเยือน ณ ที่แห่งนี้

เข้าพระราชวังอย่างนั้นหรือ? ทุกคนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับกำลังฝัน ทั้งมีความสุข และประหลาดใจที่จะได้เข้าไปยังพระราชวัง

“เอาล่ะ เข้าไปกันเลย!” เหมิงเอ้าพูดอย่างสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก และกำลังเดินไปพร้อมกับขันที

ไป๋ฉี่คว้าตัวเขาไว้โดยทันที: "ท่านประกาศให้พวกข้าเข้าพระราชแล้วอย่างนั้นหรือ? ท่านมีราชโองการหรือไม่?"

ไป๋ฉี่พูดอย่างเฉยเมย หากขันทีต้องการพาพวกเขาเข้าไป ทำไมถึงไม่ประกาศสิ่งใดเลย?

ทันใดนั้นเหมิงเอ้าก็ตระหนักขึ้นได้: "ถูกแล้ว! ราชโองการอยู่ที่ใด ท่านบอกว่าท่านเป็นขันทีใช่หรือไม่"

ขันทีหนุ่มตะคอกอย่างเย็นชา: "ใต้เท้าเซียวพูดไว้ไม่เกินจริง ไป๋ฉี่ท่านช่างหยุมหยิมไม่เข้าเรื่อง"

หลังจากพูดจบ ขันทีหนุ่มก็หยิบพระราชโองการที่พระองค์ทรงอักษรด้วยพระองค์เองและประทับตราสีแดง

เนื้อหาของพระราชโองการของฮ่องเต้นั้นเรียบง่ายมาก ใต้เท้าเซียวได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครู ไป๋ฉี่และคนอื่นๆ มีรับสั่งให้เข้ามาในพระราชวังเพื่อรับใช้ใต้เท้าเซียว

นี้ไม่ใช่ความคิดของฝ่าบาท แต่เป็นคำขออันแรงกล้าของใต้เท้าเซียว ไม่เพียงเท่านั้น ใต้เท้าเซียวยังกำชับเป็นพิเศษว่าให้นำสุนัขสีเหลืองตัวน้อยของตระกูลเซียวเข้ามาด้วย

ด้วยวิธีนี้ จะทำให้ทุกคนในตระกูลเซียวสามารถอยู่ในที่เดียวกันกับเซียวเฉวียนได้

เมื่อขันทีหนุ่มมาพร้อมกับราชโองการ ใต้เท้าเซียวได้มอบกระถางธูปขนาดเท่าฝ่ามือให้กับขันทีเป็นพิเศษ โดยบอกว่าพวกเขาจะเต็มใจที่จะเข้ามาในพระราชวังก็ต่อเมื่อเห็นกระถางธูปเท่านั้น

กระถางธูปใบนี้ ฝ่าบาทเป็นคนมอบให้เซียวเฉวียน ครั้งที่มาเยือนต้าเว่ยคราแรก และเซียวเฉวียนเก็บรักษามันไว้อย่างดี

เมื่อขันทีหนุ่มหยิบกระถางธูปออกมา ไป๋ฉี่รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้มาจากเซียวเฉวียนผู้เป็นเจ้านาย

ราชโองการของฮ่องเต้ สามารถรับสั่งได้โดยไม่ต้องมีคำขอของเซียวเฉวียน

ขันทีหนุ่มละทิ้งราชโองการและกระถางธูปนั้นเสีย เขาไม่พึงพอใจกับกลุ่มข้ารับใช้กลุ่มนี้เป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย แค่ได้เข้ามาก็ถือว่าเป็นบุญหัวโขแล้ว ยังจะหยิ่งผยองไม่เจียมตัว "เข้าไปกันได้แล้ว จะเอ้อระเหยลอยชายไม่รีบไปหาตระกูลเซียวงั้นรึ?"

“ไม่ใช่เช่นนั้น ทุกคนไปกันเถอะ!” เหมิงเอ้าและสิบหกมีความสุขที่สุด เหมิงเอ้าสงสัยมาตลอดว่าพระราชวังนั่นมีหน้าตาเป็นอย่างไร และในที่สุดวันที่ได้เข้าพระราชวังก็มาถึง

ส่วนสิบหกถูกเนรเทศไปยังเกาะจูเสินเป็นเวลาหลายปี ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นขุนนางของฮ่องเต้ แต่เขาคิดว่าชาตินี้เขาคงไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวง และคงไม่สามารถกลับเข้าสู่พระราชวังเพื่อรับใช้องค์ฮ่องเต้ได้อีก แต่คาดไม่ถึง…ทุกอย่างกลับเกิดขึ้นจริง

ขันทีหนุ่มขี่ม้า จงใจควบม้าให้เร็วขึ้น ไม่รอเจ้าพวกไร้ประโยชน์ อันที่จริงความเร็วที่ขันทีหนุ่มใช้ควบม้านั้น ไม่ได้เศษเสี้ยวของเหล่าผู้อารักขา หากแต่เพียงตอนนี้โหยวควนได้รับบาดเจ็บ ทุกคนจึงเดินอย่างช้าๆ

“ขันที นี้หมายความว่าอย่างไรกัน” เจ้าหนึ่งไม่พอใจอย่างมากจึงตะโกนให้หลังขันที ตั้งใจจะทำให้อับอาย!

ม้าของพวกเขาถูกเผาจนตายเมื่อวานนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะขี่ม้าเช่นกัน

“ไม่เป็นไรหรอก ข้ากับนายท่านไปราชสำนักด้วยกันประจำ ข้ารู้ทางไปพระราชวังอยู่” ไป๋ฉี่พูดอย่างสงบ คนในวังให้ความสำคัญกับสถานะเป็นอย่างมาก และสถานะของผู้อารักขาไม่สูงนั้น จึงไม่แปลกที่ขันทีจะไม่มองว่าพวกเขาอยู่ในสายตา

“ไป๋ฉี่ พี่ข้า ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” เจ้าเก้าพยักหน้าอย่างมีความสุข “ ว่าแต่ราชครูคืออะไร? เมื่อนายท่านเป็นราชครู นายท่านจะมีอำนาจมากใช่หรือไม่?”

“เจ้าเก้า อย่าพูดถึงนายท่านเลย”

ไป๋ฉี่กล่าวอย่างเคร่งขรึม นี่คือหลักจริยธรรมพื้นฐานของผู้อารักขา เจ้าเก้าแลบลิ้น: "ข้ารู้หน่า ไม่ใช่ว่าข้ามีความสุขสักหน่อย!"

ตอนนี้ ขุนนางบางคนเริ่มไม่พอใจ แต่เพราะเห็นแก่เซียวเฉวียนที่กำจัดกิเลน และยังปกป้องพระราชวังฉางหมิง เซียวเฉวียนจึงเหมาะสมกับขุนนางระดับสาม

แต่ทันทีที่ฮ่องเต้ได้เลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นขุนางระดับสาม ก็มีพระราชกฤษฎีกาทันที โดยแต่งตั้งเซียวเฉวียนเป็นราชครู และตั้งชื่อให้เขาว่ายางหวา

การกระทำเช่นนี้มีที่ไหนกันเล่า ขืนเป็นเช่นนี้ราชสำนักคงได้วอดวาย!

ไม่ต้องพูดถึงว่าเหล่าขุนนางและทหารไม่เต็มใจ เซียวเฉวียนก็ไม่เต็มใจเช่นกัน! ตัวเขาไม่ต้องการเป็นราชครู!

วันๆจะมีอะไรให้ทำกัน?

เห้อ

ราชครูจะต้องมีระดับคำสอนและบทกวีปีศาจอย่างเหวินฮั่นจึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอ! แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเหตุผลและข้อแก้ตัวเท่านั้น

ด้วยความรู้และวัฒนธรรมจีนห้าพันปีที่สั้งสมมาของเซียวเฉวียน ใครๆ ก็รู้ว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอ แต่เหตุผลหลักคือเซียวเฉวียนไม่ชอบอยู่ในวัง

ดังนั้น เซียวเฉวียนจึงก่อกลอุบาย เรียกร้องทึกอย่างที่คิดว่าจะเป็นทางออกให้เขาได้ ไม่ว่าจะเป็นขอเงินเดือนที่สูงลิบลิ่ว หรือแม้กระทั้งรถม้าที่ดีที่สุด ฮ่องเต้ก็ยังตกลงและสรรหามาให้เขา

เซียวเฉวียนจนปัญญา จึงทูลฮ่องเต้ขอผู้อารักขาของตนเองเข้าวังมาด้วย ซึ่งฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย

ผู้อารักขานอกจากจวนการคลัง แม้แต่สถานที่ราชการขนาดเล็ก ผู้อารักขาก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป แต่นี้จะเข้ามาในวังอย่างนั้นหรือ?

แต่สุดท้าย ฮ่องเต้ก็ทรงยอม!

พระองค์ไม่เพียงแต่เห็นด้วยเท่านั้น ยังออกพระราชโองการทันทีเพื่อขอให้ไป๋ฉี่และคนอื่นๆเข้ามา

ขุนนางและเหล่าทหารไม่พอใจอย่างมาก ตัวเซียวเฉวียนรู้สึกหวาดกลัวฮ่องเต้ที่ครอบงำอยู่ทุกวันนี้ ในสมองของเด็กคนนี้มีอะไรผิดปกติหรือไม่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย