สรุปตอน บทที่ 646 ราชครูที่ถูกกำหนดไว้แล้ว – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
ตอน บทที่ 646 ราชครูที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ท่านอาจารย์ ท่านราชครู
ท่านราชครู......
คำว่า "ราชครู" หมุนวนอยู่ในหัวของเซียวเฉวียน เขาสับสนและไม่เข้าพระทัยฝ่าเลยแม้สักนิด ตัวเขาได้เป็นถึงอาจารย์ของสถานศึกษาชิงหยวน เป็นประมุข ดูและเหล่าเด็กที่ซุกซนกลุ่มใหญ่ ใยยังต้องการให้เขาเป็นราชครูอีกเล่า?
ปฏิกิริยาของเหล่าขุนนางเป็นไปตามที่คาดไว้ พวกเขาไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง และยังโกรธจัด
เดิมทีประเด็นของวันนี้คือวิธีลงโทษจ้าวอีโต้วหลานชายสารเลว แต่เรื่องที่ฮ่องเต้แต่งตั้งเซียวเฉวียนกลับกลายเป็นประเด็นร้อนในต้าเว่ย
ประเด็นของเซียวเฉวียนที่เป็นที่เลื่องลือ พูดตามตรง เขาหวังให้เหล่าขุนนางหัวดื้อรั้นสามารถถกเถียงชนะฮ่องเต้ได้ และใช่พวกเขาหยิบยกข้อโต้แย้งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนพระทัยฝ่าบาท
ขุนนางทั้งหลายได้พูดถึงข้อบกพร่องต่างๆของเซียวเฉวียน “การกระทำไม่ดี” ของเซียวเฉวียน ประวัติอันมืดมนและสิ่งต่างๆ เพื่อโน้มน้าวฝ่าบาท
และเหตุการณ์ในวันนี้ต้องทำให้เซียวเฉวียนประหลาดใจ เพราะมีขุนนางบางคนอ้างถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเซียวเฉวียนฉี่รดกางเกงเมื่ออายุสามขวบ และยังบอกอีกว่าเซียวเฉวียนไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เซียวเฉวียนไม่รู้จริงๆว่าการฉี่รดกางเกงตอนอายุสามขวบจะเป็นสาเหตุให้คุณสมบัติไม่เพียงพอ
เหล่าขุนนางไม่เห็นด้วยจนคุกเข่าประท้วงไม่ขึ้นว่าราชการเลยด้วยซ้ำ หากองค์ฮ่องเต้ไม่ขู่ว่าจะปลดออกจากราชสำนัก พวกเสนาบดีและเหล่าขุนนางก็คงยังคุกเข่าอยู่อย่างนั้นและคัดค้านว่า “ฝ่าบาทหากพระองค์ต้องการให้เซียวเฉวียนเป็นราชครู โปรดพระองค์ทบทวนให้ถี่ถ้วนด้วยเถิดพะย่ะค่ะ ”
พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ เพื่อไม่ให้เซียวเฉวียนสามารถอยู่ในตำแหน่งนั้นได้
แต่พระองค์ไม่ให้โอกาสพวกเขาเลยแม้แต่น้อย พระองค์ออกจากราชสำนัก ตรงกลับไปยังตำหนักของพระองค์ทันที
“ฝ่าบาท!ฝ่าบาทช้าก่อน!”
“ฝ่าบาท ทบทวนให้ดีด้วยเถิด!”
หูของเซียวเฉวียนกำลังผึ่ง เขาจับหน้าผาก ในหูก็ฟังเสียงคร่ำควญของเหล่าขุนนางพวกนี้
มีเพียงเฉาสิงจือเท่านั้นที่ดูสงบอย่างไม่คาดคิด เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับพระประสงค์ของฝ่าบาท
พระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของฝ่าบาทได้รับการตัดสินแล้วและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ทันทีที่ฮ่องเต้จากไป สายตาอาฆาตก็พุ่งเป้าไปยังเซียวเฉวียน ความเกลียดชังในดวงตาของพวกเขาแทบจะกลืนกินเซียวเฉวียน
พวกเขาไม่มีปัญหาในการแต่งตั้งเซียวเฉวียนเป็นขุนนางระดับสาม
และนี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับฮ่องเต้! ทำไมต้องเซียวเฉวียน! ทำไมต้องเป็นเขา?
แม้ว่าเซียวเฉวียนจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ตัวเซียวเฉวียนนั้นไม่ได้มีความสุขกับมัน แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงคิดว่าเขาไม่เหมาะสม?
เขาทำงานในพิพิธภัณฑ์มาหลายปี เรียนรู้สิ่งต่างๆมามากมาย และสำเร็จการศึกษาภาคบังคับภายในเวลา 9 ปี ไม่ต้องพูดถึงการสอนเด็กน้อยอย่างฮ่องเต้ ต่อให้ต้องสอนฮ่องเต้ผู้ก่อตั้ง เขาก็ไม่มีปัญหา
ที่น่าขันก็คือคนเหล่านี้พูดว่าเขาทุจริต แล้วใครกันเล่าที่ช่วยพวกเขาจากปากของกิเลน? เขาไง เซียวเฉวียน!
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ปล่อยให้กิเลนฉีกกินเป็นชิ้นๆน่าจะดี!
ตำหนักของฮ่องเต้นั้นอยู่ในวังถัดจากสวนหลวงของพระราชวัง พระราชวังนั้นหรูหราสง่างามและเงียบสงบมาก ไม่ใกล้ไม่ไกลมีสถานที่ที่เหล่าบัณฑิตนั้นชอบไปกันอยู่
ปัจจุบัน ตำหนักได้เปลี่ยนชื่อเป็นตำหนักยางหวา
ยางหวา ยางหวา ชื่อนี้ไม่เลว
เซียวเฉวียนก้าวไปข้างหน้า เชิดหน้าขึ้น ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไปที่ตำหนักยางหวาก่อน อย่างน้อยก็ดีกว่ากลายเป็นของเล่นของคนพวกนี้
เซียวเฉวียนเป็นคนสูง เขาจึงโดดเด่นในหมู่ขุนนางด้วยกัน ดวงตาของเขาสดใสมีชีวิตชีวา ท่าทางสง่างาม ไม่เผด็จการ และยังดูอ่อนโดยน ต่างจากขุนนางคนอื่นที่ดูจริงจังและเคร่งขรึมราวกับแบกโลกไว้บนบ่า
เฉาสิงจือมองดูแผ่นหลังของเขา ชายหนุ่มคนนี้ไม่เหมือนเมื่อปีก่อนอีกต่อไปแล้ว ในเวลานั้น เซียวเฉวียนมีจิตใจร่าเริง ไม่ค่อยมีความมั่นคงมากนัก แต่จิตวิญญาณการค้าขายแข็งแกร่ง
ปัจจุบัน เซียวเฉวียนนั้นแตกต่างออกไป เมื่อมองไปแล้วให้ความรู้สึกที่ผสมผสานทั้งความมั่นใจ ความสง่างาม แต่ความมีชีวิตชีวานั้นกลับหายไป
“ใต้เท้าเฉา ทำไมท่านไม่คุยกับฝ่าบาทเล่า?”
บางคนรู้สึกไม่พอใจและชี้ไปยังร่างที่หายลับของเซียวเฉวียน: “คนเช่นนี้ทำให้พระทัยของฝ่าบาทสับสนได้อย่างไรกัน”
“ราชโองการได้ออกไปแล้ว ตัวข้าเคารพการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท”
เฉาสิงชือถอนหายใจเบา ๆ แม้ว่าในใจเขาจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ภายนอกเขาต้องแกล้งเป็นเห็นด้วยกับฮ่องเต้: "เราควรแยกย้ายได้แล้ว มันผิดกฎที่จะอยู่ในวังชางหมิงหลังจากออกจากราชสำนักแล้ว"
หลังจากที่ทุกคนได้ยิน พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไป แต่ฮ่องเต้กับเซียวเฉวียนอยู่ที่นี้ ใครเล่าจะกล้าคัดค้าน?
“นี่ ตอนนี้ตำแหน่งเสนาบดีว่างอยู่ มันจะถูกสงวนไว้ให้เซียวเฉวียนหรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้! ตำแหน่งนี้ควบคุมโดยเว่ยเจียนกั๋ว!”
“ใช่แล้ว ตำแหน่องราชครูนั้นไม่มีอำนาจที่แท้จริง แต่ตำแหน่งเสนาบดีนั้นแตกต่างออกไป หากเข้าต้องการ คงเป็นได้ในชาติหน้า!”
ทุกคนกระซิบ แต่เฉาสิงจือและสวีซูผิงที่เดินอยู่ด้านท้ายได้ยิน
ระหว่างทาง ฮ่องเต้กัดฟันและอดทนต่อความยากลำบากทุกรูปแบบที่เว่ยเชียนชิวและพระมารดามอบให้เขา พระองค์สร้างพลังของตัวเองขึ้นมาทีละน้อยและช่วยเหลือเด็กๆ จากครอบครัวที่ยากจนทีละคน
หลายปีที่ผ่านมาฮ่องเต้สูญเสียขุนนางไปจำนวนมาก แต่พระองค์ไม่เคยร้องไห้ออกมา พระองค์ทำแค่กัดฟันอย่างเงียบ ๆ และพยายามแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
พระองค์ทรงเชื่อว่าความเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะสามารถปกป้องผู้คนได้มากขึ้น
ต่อมาฮ่องเต้ได้พบกับเซียวเฉวียน
ในบางครั้งบางครา ภาพของอี้หวู่หลี่ทับซ้อนกับเซียวเฉวียน ซึ่งทำให้ฝ่าบาททรงหวงแหนเขามากยิ่งขึ้น พระองค์ทรงปกป้องเซียวเฉวียนทุกวิถีทาง และฝ่าบาทต้องการเป็นเพื่อนกับเขา
แต่พระองค์เองทรงทราบอย่างถ่องแท้ว่าการเป็นฮ่องเต้ไม่สามารถมีเพื่อนได้ แต่พระองค์ก็ยังอยากจะลองเสี่ยง
และด้วยเหตุนี้ทำให้พระองค์ไม่สามารถปกป้องเซียวเฉวียนได้
หลังจากการพยายามอย่างหนักเป็นเวลาหลายปี ฮ่องเต้ค้นพบว่าพระองค์ไม่สามารถปกป้องเซียวเฉวียนได้ แม้พระองค์จะต้องการก็ตาม
เหล่าขุนนางสองร้อยคนทำให้พระองค์ไม่มีทางเลือก เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียนไม่ได้ฆ่าเว่ยชิง แต่เขากลับถูกเนรเทศไปยังเกาะจูเสิน
และนั้นทำให้ฝ่าบาทรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เมื่อเซียวเฉวียนกลับมาที่เมืองหลวงหลังจากประสบความสำเร็จในการหาประโยชน์ทางทหาร พระเนตรของพระองค์แดงก่ำ ทรงนิ่งเงียบและหลั่งน้ำตาออกมา
สวีซูผิงเป็นคนที่ถูกดูหมิ่นมากที่สุดในขุนนางผู้ใหญ่ทั้งเก้า แต่เพราะเขาเป็นคนไม่ฝักใฝ่และเป็นคนเรียบง่าย เขาจึงกลายเป็นคนที่ฮ่องเต้ให้ความไว้วางใจมากที่สุด พูดตามตรงสวีซูผิงรู้สึกเสียใจกับฮ่องเต้หนุ่มพระองค์นี้
เขาเฝ้าดูฮ่องเต้พระองค์นี้เติบโตขึ้นและเอาชนะอุปสรรคระหว่างทาง แต่ระหว่างทางนั้นฮ่องเต้พระองค์นี้ช่างโดดเดียวเหลือเกิน
ดังนั้นสวีซูผิงจึงเสนอแนวคิดเกี่ยวกับราชครู ด้วยวิธีนี้จึงสมเหตุสมผลหากฮ่องเต้จะมีความต้องการใดๆ จากเซียวเฉวียน ที่เป็นทั้งครูและพ่อ
เซียวเฉวียนเป็นพ่อของฮ่องเต้!
หากฮ่องเต้มีรับสั่ง เซียวเฉวียนจะปฏิเสธได้อย่างนั้นหรือ?
หากฮ่องเต้ตกที่นั่งลำบาก เซียวเฉวียนจะไม่ยื่นมือไปช่วยอย่างนั้นหรือ?
ใช่แล้ว ความคิดนี้มาจากสวีซูผิง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
เซียวเฉวียน เจ้าคงต้องเลี้ยงอาหารเป็นการขอบคุณข้าสักมือแล้วล่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
สวีซูผิงเหลือบมองไปยังทิศทางของตำหนักยางหวา และเดินออกจากพระราชวังท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของเหล่าขุนนาง โถ่ คนเหล่านี้ช่างน่าเวทนา แต่ข้ากลับรู้สึกมีความสุขที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...