ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 648

ข้าหลวงหญิงตกใจกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ราวกับเซียวเฉวียนจะจับนางกินเสียอย่างนั้น

เหมิงเอ้าตะโกนเสียงกร้าว ใช้กำลังเหมือนกับตอนที่ต่อสู้ “นายท่านของข้าเรียกเจ้า! เจ้าหูหนวกหรือ?”

“นี่ ข้าเคยบอกเจ้าว่าอย่างไร?” เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว มองไปยังเหมิงเอ้าด้วยความตำหนิ

“อ้อ…” น้ำเสียงของเหมิงเอ้าต่ำลงในทันที “นายท่านบอกว่าต้องอ่อนโยนกับผู้หญิงขอรับ”

“ถูกต้อง อย่าทำให้พี่ข้าหลวงหญิงต้องตกใจสิ” เซียวเฉวียนยิ้มบาง ๆ เหมิงเอ้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นอารมณ์ไว้ และฝืนยิ้มออกมา “นายท่านของข้าเรียกเจ้า ยังไม่รีบไสหัวไปอีกรึ?”

พูดเช่นนี้ อ่อนโยนพอแล้วหรือไม่

เหมิงเอ้าภูมิใจอย่างมาก นี่เป็นเสียงที่ทุ้มตำ่ที่สุดของเขาแล้ว

น้ำเสียงต่ำก็จริง ทว่าความดุและความไม่พอใจในน้ำเสียงกลับไม่น้อยลงเลย และยังเต็มไปด้วยการข่มขู่

เซียวเฉวียนก่ายหน้าผาก ดูท่าต้องสอนพวกเขาว่าแบบไหนที่เรียกว่าอ่อนโยนแล้วกระมัง ในความคิดของเหมิงเอ้าตอนนี้ เสียงของข้าเบาลงเท่ากับว่าข้าอ่อนโยน การอ่านและทำความเข้าใจในวิชาภาษาจีนได้ศูนย์คะแนน

การกระทำต่าง ๆ ในวังไม่เหมือนข้างนอก จําเป็นต้องระมัดระวังคําพูดและการกระทํา

แม้ว่าพระเอกไม่จําเป็นต้องต่อสู้ในวังและบีบบังคับเหมือนในละคร แต่ตราบใดที่เขายังอยู่ในเมืองหลวง การกระทําอย่างระมัดระวังนั้นถูกต้องเสมอ

การตะคอกเช่นนี้ของเหมิงเอ้า สามารถทำให้เด็กสาวตกใจกลัวจนตัวสั่นได้ คงเป็นได้เพียงฉากเปิดของละครจักร ๆ วงศ์ ๆ

ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงตัดสินใจแสดงให้ดูด้วยตัวเอง

เขาพูดกับข้าหลวงหญิงด้วยที่เบา ๆ ว่า “เจ้ามานี่เถอะ ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก”

ข้าหลวงหญิงวิ่งหัวซุกหัวซุน เดินเงอะงะเข้าไปหาเซียวเฉวียน เหมิงเอ้าดุจัง ดูท่าเซียวเฉวียนจะปกติกว่ามาก

นางหารู้ไม่ว่า ผู้ที่ดุร้ายที่สุดก็คือเซียวเฉวียน

ข้าหลวงหญิงมาแทบเท้าของเซียวเฉวียน ขันทีและเหล่าข้าหลวงหญิงคนอื่น ๆ ต่างพากันเช็ดเหงื่อแทนนาง

“เชิญราชครูลงโทษเลยเพคะ” ข้าหลวงหญิงคุกเข่าลงที่พื้นด้วยท่าทางเงอะงะ ร่างกายสั่นอย่างกับอะไรดี ตำหนักยางหวาเป็นผู้ชายทั้งหมด นางจักเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?

เสียงของเซียวเฉวียนราบเรียบและมั่นคง “สิ่งที่เหมิงเอ้าพูดเกี่ยวกับเครื่องเคลือบลายงา เจ้าฟังชัดเจนหรือไม่?”

“ชะ ชัดเจนแล้วเพคะ...” ข้าหลวงหญิงพยักหน้า

“เช่นนั้นเจ้ายอมงั้นหรือ?”

เซียวเฉวียนถามอย่างอ่อนโยน ข้าหลวงหญิงตะลึงงัน และอึ้งไป “ยะ ยอมเพคะ...”

“แม่นาง” เซียวเฉวียนมองนางที่ก้มหัวอยู่ “ตอนนี้ข้าเซียวเฉวียนเป็นถึงราชครู และเป็นเจ้าแห่งตำหนักยางหวา ผู้คนต่างรู้ดีว่า ผู้อารักขาและสหายของข้าเป็นมือเป็นเท้า เป็นพี่เป็นน้องกับข้า”

“หากเจ้าดูแคลนพวกเขาเพียงนิด เช่นนั้นก็เท่ากับดูแคลนข้าด้วย”

“บ่าว… บ่าวไม่บังอาจ”

ไม่บังอาจ? เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “ข้าเข้ามาในตำหนักยางหวาวันแรก เดิมทีก็ไม่อยากทำให้แม่นางต้องอึดอัดใจ ทว่าต่อไปข้าอยู่ในตำหนักยางหวาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว หากพวกเจ้ายังคงนินทาสหายของข้าลับหลังเช่นนี้ คงระคายหูของข้าน่าดูเชียว”

“ดังนั้นข้าจึงต้องลงโทษเจ้า แม่นาง เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

เซียวเฉวียนที่นั่งอยู่บนที่นั่งโยนลูกไฟดอกแรกออกมาแล้ว “ผู้ใดก็ได้ ข้าหลวงหญิงพูดจาสามหาวอวดดี ไม่เคารพผู้อารักขาของข้า โบยยี่สิบที”

ทันทีที่ข้าหลวงหญิงผู้นั้นได้ยิน ก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล นางคำนับลงพื้นอย่างแรง “ขอบพระคุณราชครูที่ไว้ชีวิตข้า!”

“ขอรับ!”

ขันทีผู้หนึ่งเข้ามารับคำสั่ง ที่นี่ไม่ใช่จวนเซียว หากต้องการลงโทษคนในวัง จักต้องให้คนในวังเป็นผู้ลงโทษ พวกไป๋ฉี่ไม่อาจลงมือได้ด้วยตัวเอง

การโบยข้าหลวงหญิง แน่นอนว่าไม่ใช่เป้าหมายของเซียวเฉวียน ดังนั้นเซียวเฉวียนจึงโยนลูกไฟดอกที่สองออกมา “นับตั้งแต่วันนี้ คนในวังทั้งหมดให้คอยรับใช้เพียงนอกตำหนัก หากไม่ใช่คนในตระกูลเซียว ห้ามเข้ามาปรนนิบัติเด็ดขาด”

“ขอรับ...” ขันทีและเหล่าข้าหลวงหญิงต่างตกใจ ที่นี่คือวังหลวง ราชครูกลับไม่ให้คนในวังเข้ารับใช้ เช่นนั้นไม่ถือว่าเป็นการปฏิเสธน้ำใจของฝ่าบาทหรอกหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย