ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 658

สรุปบท บทที่ 658 เสียใจเมื่อสายไป: ซูเปอร์ลูกเขย

สรุปตอน บทที่ 658 เสียใจเมื่อสายไป – จากเรื่อง ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง

ตอน บทที่ 658 เสียใจเมื่อสายไป ของนิยายนิยายจีนโบราณเรื่องดัง ซูเปอร์ลูกเขย โดยนักเขียน ชิงเฉิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ในคุกขุนนาง จ้าวอีโต้วกระซิบข้างหูเซียวเฉวียน

คนใกล้ตายมักจะพูดความจริงจากใจด้วยจิตดี พอเซียวเฉวียนได้ยิน ดางตาก็แดงกล่ำ “ ข้ารู้แล้ว “

“ข้าขอโทษ” จ้าวอีโต้วก้มหัว เขารู้ดีว่ากล่าวขอโทษไปก็ไร้ประโยชน์ เซียวเทียนก็ตายลงไปแล้ว เรื่องที่เซียวเทียนขอร้องเขา เขาเองก็ไม่ได้บอกผู้ใด แน่นอนว่าไม่มีใครทำได้

“ อืม ข้าได้ทำความปรารถนาของเขาสำเร็จแล้ว “ เซียวเฉวียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ขจัดความโศกเศร้าบนใบหน้าของเขา

เรื่องของฉินซูโหรว จ้าวอีโต้วไม่ได้ยอมรับ แต่กลับพูดเรื่องความลับเลือดบริสุทธิ์และความปรารถนาของเซียวเทียน ตัวเซียวเฉวียนเองก็มีประสบการณ์ ในเมื่อจ้าวอีโต้วไม่ยอมรับ เซียวเฉวียนจึงยืนยันการคาดเดาได้ว่า เรื่องของฉินซูโหรวจ้าวอีโต้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจริง

จ้าวอีโต้วไม่มีเหตุผลที่จะยอมรับผู้แอบแฝงคนอื่น ๆ ไม่ทางยอมรับคนเดียวเป็นแน่ แม้ฉินซูโหรวเป็นเชื้อสายราชวงศ์ และในภายหลังได้เป็นแม่ทัพ แต่ถ้าคนอย่างจ้าวอีโต้วจะคิดร้ายใคร ตัวตนของคนเหล่านั้นไม่เคยมีความสำคัญ

คนที่เว่ยเชียนชิวส่งมา ทำไมโอหังถึงเพียงนี้

“เป็นไปได้หรือไม่ที่เว่ยเชียนชิวจะทำลับหลังเจ้า ?” เซียวเฉวียนทิ้งคำถามสุดท้ายไว้

“มิมีทาง” จ้าวอีโต้วส่ายหน้า ตนฝืนหัวเราะ “เรื่องอื่น ข้า จ้าวอีโต้วหาได้ทำไม่ เรื่องผู้แอบแฝงเรื่องนี้ ถ้าข้าพูดคำไหน ไม่มีใครกล้าพูดเป็นอื่นแน่ เว่ยกั๋วทำได้แค่ส่งให้ข้ามาจัดการเรื่องผู้แอบแฝง ส่วนฉินซูโหรว…ข้าและเว่ยกั๋วไม่เคยเปลี่ยนจริง ๆ “

เขาหัวเราะอย่างเศร้าสร้อย “ อันที่จริง ในแผนเดิม จวนฉินจะต้องถูกทำลาย ผู้หญิงไร้ค่าอย่างฉินซูโหรวก็ต้องถูกฆ่าตาย เหตุใดพวกข้าจึงต้องเผชิญปัญหาทั้งหมดเพื่อคนที่กำลังจะตายด้วยเล่า?

“ แต่สุดท้าย เจ้าก็ได้ตั้งเป็นนายท่านแห่งจวนฉิน ทำให้แผนการของพวกข้ายุ่งเหยิงไปหมด…”

จ้าวอีโต้วยิ่งพูด หัวก็ยิ่งต่ำลง

“ข้าเชื่อเจ้า” เซียวเฉวียนเดินออกมาจากคุก จ้องมองไปทางเขา พูดอำลา “จ้าวอี้โต้ว เช่นนั้นข้าขอตัว”

เซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความชอบธรรม นัยน์ตาเข้ม จ้าวอีโต้วมองไปที่รอยแดงกลางหน้าผาก จึงรู้ว่า “ข้ารู้แล้ว รอยแดง…ที่กลางหน้าผากเจ้า” เป็นผนึกจูเสินที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้สินะ”

“ ใช่ “

เซียวเฉวียนพยักหน้า “ หลังคดีเทศกาลไหว้พระจันทร์ขุนนางฝ่ายบุ๊นแปดท่าน มันก็เป็นเช่นนี้แล้ว”

จ้าวอีโต้วพยักหน้า รอยแดงประทับของมันและไป๋ฉี่ไม่เหมือนกัน แต่จ้าวอีโต้วไม่สามารถพูดได้ชัดนักว่าตรงไหนไม่เหมือนกัน

บัดนี้เซียวเฉวียนและจ้าวอีโต้วราวกับเหมือนเป็นมิตสหายธรรมดาที่คุยกันเรื่องไม่สำคัญนัก คนหนึ่งอนู่ในคุก อีกคนอยู่นอกคุก

คนหนึ่งเต็มไปด้วยความชอบธรรม อีกคนหมดอาลัยตายอยาก

“ คราก่อน ตอนที่เจ้าไปเยี่ยมเหลียงไหวโหรว คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดกับเจ้าคือเรื่องใดกัน?

จ้าวอีโต้วมีท่าทีเศร้า เซียวเฉวียนช่างเหมือนเป็นผู้ปรึกษาบำบัดจิต ก่อนที่ทุกคนจะตาย เขาก็จะคุยถาม หลังจากนั้นก็กลับมาจี้ใจดำอีก

“ ข้าคิดว่า ก่อนที่เหลียงไหวโหรวจะตาย คงไร้ประโยชน์เหมือนกันกับข้า คงโดนเจ้าทุบตีสิท่า “ จ้าวอีโต้วเหลือบมองมือที่หักของเขา กึ่งล้อเล่นและกึ่งประชดตัวเอง

แต่บนใบหน้าเซียวเฉวียนไม่มีอารมณ์ขันเลยสักนิด เขาตอบคำถามจ่าวอีโต้วอย่างตั้งใจ “เขาพูดว่าถ้าชาติหน้ามีจริง เขาจะเป็นคนดี”

เป็นคนดี…

เดินเส้นทางที่ถูกต้องน่ะหรือ?

จ้าวอีโต้วตัวสั่น เขาเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่เซียวเฉวียนอย่างไม่เชื่อ “ จะเป็นไปได้อย่างไร? ทำไมเล่า? “

เหลียงไหวโหรวเป็นคนจงรักภักดี พูดกับเว่ยเจียนกั๋วคำไหนคำนั้นและเขายังเป็นคนสนิทของเว่ยเจียนกั๋ว ก่อนตายพูดว่าเสียใจภายหลังอย่างนั้นน่ะหรือ?

“เพราะว่า ไม่ใช่ยึดมั่นในสื่งของที่ได้มา ไม่ยึดมั่นสิ่งของที่มีอยู่”

เซียวเฉวียนจ้องมอง “ เปรียบเช่นที่เขาใช้กลยุทธ์ได้ฉินซูโหรวมา อย่างไรเสียนางก็ไม่มีวันรักเขาได้ เปรียบเช่นเงินที่ใช้ไม่มีวันหมดสิ้นของเจ้า แม่ของเจ้าคงไม่กล้าใช้ไปตลอดชีวิต”

“ใต้เท้าจ้าวเอ๋ย มิว่าเจ้าจะมีเงินมิมีเงิน นั่นก็มิใช่สิ่งที่แม่เจ้าปรารถนาไม่ ปณิธานของท่านก็คืออยากจะให้ลูกชายท่านยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง สามารถนำความสงบร่มเย็นกลับมาให้ทุกวัน ก่อนที่ท่านจะเสีย ท่านได้พูดกับเหมิงเอ้าไว้ ภายในหม้อยังเหลือขนมโก๋ขาวที่ทำไว้ เจ้าอย่าลืมกินด้วยล่ะ”

ประโยคนี้ แทงเข้าไปลึกในใจของจ้าวอีโต้ว เขาส่งเสียงสะอื้นเบา ๆ ราวกับสัตว์ที่ติดกับดักอยู่

“เพราะฉะนั้น เหลียงไหวโหรวจึงอยากจะเป็นคนดี “ เซียวเฉวียนมองจ้าวอีโต้วด้วยความสงสาร “ เช่นนี้ ถึงจะมีสิทธิยึดมั่นความถูกต้องได้”

พูดจบ เซียวเฉวียนสะบัดชายเสื้อแล้วเดินจากไป

เขาได้ยินเสียงร้องไห้จ้าวอีโต้ว

เสียงร้องไห้ดัง

ดังขึ้นเรื่อย ๆ

สองพี่น้องจิตใจกระสับกระส่ายแต่ในเพลานี้มีทาสรับใช้กุลีกุจอเข้ามารายงาน “คุณชายขอรับ นายท่านมาขอรับ!”

พอพูดจบ เด็กรับใช้นั้นได้ถอนคำพูด “ เป็นนายท่านคนก่อน มิมิมิใช่สิขอรับ พระราชบุตรเขยมาขอรับ!”

เด็กรับใช้อยากจะร้องไห้ออกมา พูดผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครใช้ให้เซียวเฉวียนมีศักดิ์เยอะกันเล่า ตกลงต้องเป็นนามใดถึงจะถูกต้องกัน? พระราชบุตรเขยก็คือพระสวามีขององค์หญิงต้าถง ถ้าขานนามเช่นนี้คงไม่เหมาะสมเป็นแน่ เด็กรับใช้โบกมือสะบัด “ เอ่อ มิ มิใช่สิขอรับ…”

“เจ้าแค่พูดว่าราชครูก็เป็นว่าได้แล้วมิใช่หรือไร!” ฉินหนานด้เกิดบรรดาโทสะ “ เจ้ากลัวว่าข้าไม่รู้ว่าพี่เขยมิใช่เป็นพี่เขยข้าแล้วใช่หรือไม่!”

“องค์ชาย ข้าผิดไปแล้วขอรับ” เด็กรับใช้ร้องไห้แต่ไร้น้ำตาออกมา ผู้ใดจะไม่รู้ว่า คุณชายที่สามตระกูลฉินเขาเป็นผู้สนับสนุนที่ภักดีที่สุดของเซียวเฉวียนจวนฉิน ถ้าหากใครพูดไม่ดีต่อเซียวเฉวียนสักนิดเดียว ฉินหนานก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ถ้าใครพูดว่านายท่านสองคำนี้ ใจของฉินหนานก็จะเจ็บปวดทันที “ฮือฮืฮฮือ พี่เขยของข้า…”

ดูว่าจะอดรนทนไม่ไหวที่จะเปลี่ยนเป็นหญิงและแต่งงานกับเซียวเฉวียน เพื่อให้เซียวเฉวียนยังคงเป็นคนของตระกูลฉิน

“ราชครูมาที่นี่ มาเพื่อเรื่องใดกัน? เหตุใดจึงไม่ให้ท่านเข้ามาเล่า? มิใช่เจ้าไร้มารยาทกับท่านอีกแล้วใช่หรือไม่?”

ฉินหนานเริ่มจะเกิดบรรดาโทสะอีกครั้ง เด็กรับใช้รีบส่ายมือ “คุณชาย ข้าน้อยมิบังอาจกล้าหรอกขอรับ! ศักดิ์ราชครูช่างสูงศักดิ์นัก แน่นอนว่าข้าน้อยจะต้องให้ความเคารพอย่างถึงที่สุดขอรับ”

“ที่ราชครูมิเข้ามา ท่านบอกว่าอยากจะเชิญท่านและคุณชายที่สี่ไปดื่มเหล้าขอรับ”

ดื่มเหล้าอย่างนั้นหรือ?

ฉินหนานและฉินเป่ยมองหน้ากัน ยังมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้อีกหรือ?

แต่ก่อนเซียวเฉวียนหวาดกลัวแม่ฉิน ไม่เพียงแต่ย่างกรายเข้ามาที่ประจูจวนฉิน แม้แต่กับพวกตนก็พูดกับพวกตนมากสุดก็แค่สองประโยค

เหตุใดวันนี้ถึงชวนพวกตนสองคนดื่มเหล้าเล่า? หรือว่า พวกตนได้ร่วมมือกับเซียวเฉวียนเรื่องจ้าวอีโต้ว เพราะฉะนั้นเซียวเฉวียนจึงมาขอบคุณด้วยตนเอง?

“ช่างกระไร ไป! ไปดื่มเหล้ากับพี่เขยกัน!”

ฉินหนานที่เป็นถึงขุนนางราชสำนัก แต่ก็ยังทำตัวราวกับเป็นเด็ก ๆ รีบกระโดดวิ่งเต้นออกไป

ฉินเป่ยลังเลที่จะไป แต่ก็ถูกฉินหนานลากมา “ไปสิ! อายอันใดเล่า! มิใช่เจ้าอยากจะคุยกับพี่เขยมาตั้งนานแล้วหรืออย่างไร?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย