บทที่ 666 หญ้าอสุราหนึ่งต้น – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 666 หญ้าอสุราหนึ่งต้น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
แม่เซียวหน้าถอดสี แต่นางก็แก้สถานการณืได้อย่างรวดเร็ว: “ลูกชายของข้าบอกข้าแล้ว แต่ข้าอยากได้ยินเจ้ายอมรับด้วยตัวเจ้าเอง!”
ยอมรับเองอย่างนั้นหรือ?
ไม่ว่าเว่ยเชียนชิวจะอวดดีและหยิ่งยโสเพียงใด เขาก็ไม่สามารถมองมันเป็นเรื่องตลกได้
หากเขายอมรับด้วยตัวเอง ความโกลาหลจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เหตุการณ์ครั้งนี้แตกต่างจากการสังหารจงเหลียงอย่างสิ้นเชิง
หากเขายอมรับต่อหน้าแม่เซียว มันจะไม่เป็นการฆ่าตัวเองตายอย่างนั้นหรือ?
ตราบใดที่เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทุกคำที่จ้าวอี้โต้วพูด จะกลายเป็นการใส่ร้ายเว่ยเชียนชิว
และนี่คือเหตุผลที่เว่ยเชียนชิวส่งหลักฐานอาชญากรรมของจ้าวอี้โต้วไปยังศาล เพราะเขาต้องการสลัดจ้าวอี้โต้วทิ้ง
“ฮึ่ม ท่านฮูหยินเซียว ท่านดูเป็นกังวล ท่านอยากให้ข้ายอมรับอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าที่มีหนวดมีเคราของเว่ยเชียนชิวเต็มไปด้วยคำว่า “น่าสงสัย”: “ข้าเว่ยเชียนชิว เคารพนับถือนายพลเซียวเป็นอย่างมาก ข้าจะวางแผนต่อต้านตระกูลเซียวได้อย่างไร ฮูหยินเซียว ท่านอาจจะนึกถึงนายพลเซียวมากจนกล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้”
“แก... หยุดพูดถึงเขาได้แล้ว! อธิบายให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้
ไว้ว่าจะแม่หรือลูกชายตระกูลเซียวนิสัยไม่ต่างกันเลย ทั้งคู่ทำตัวโผงผางและถามตรงไปตรงมา เว่ยเชียนชิวอารมณ์เสียและพูดว่า: “มานี้ พาฮูหยินเซียวออกไป! มาพาออกไปเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นเว่ยเชียนชิวโบกมือเป็นสัญญาณให้ข้ารับใช้ลากตัวแม่เซียวออกไป
“เว่ยเฉียนชิว บอกข้าให้ชัดเจนสิ! กล้าทำแต่ไม่กล้ารับอย่างนั้นหรือ?” เสียงคำถามของแม่เซียวดังก้องอยู่ในหูของเขา เขาหายใจเข้าลึก ๆ ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร!
“เจียนกั๋ว ถ้าอยากโยนแม่เซียวเข้าห้องขังก็ทำได้ ทำไมจะต้องสุภาพกับนางด้วย?” เฮยหลังรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ปกติเว่ยเชียนชิวหยาบคายใส่คนอื่นมาโดยตลอด แล้วทำไมเพลานี้เขาถึงกับเกรงกลัวแม่เซียว?
“ช่างเถอะ” เว่ยเชียนชิวโบกมือ “เซียวเฉวียนเจ้าสารเลวนั้น หากรู้ว่าข้าทำอะไรแม่ของเขา น้ำอัมฤตแห่งชีวิตที่อยู่ในมือของเขา เขาจะไม่มอบมาให้ข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจะต้องละเว้นแม่ของเขาไว้ ไม่ให้ทนทุกข์ทรมานแม้แต่นิดเดียว"
“แม่เซียวคนนี้เป็นเพียงตัวประกัน การทำให้นางอับอายไม่มีประโยชน์อันใด”
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เว่ยเชียนชิวยอมถ่อมตนเพื่อน้ำอัมฤต!
"..."
เฮยหลังพูดไม่ออก ตอนนี้แม่เซียวถูกพาไปยังจวนของเว่ยเจียนกั๋ว ที่นั้นมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มมากมาย แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ใบหน้าของแม่เซียวเต็มไปด้วยความคับค้องใจ ไม่รู้จริงๆ ส่าทำไมเว่ยเจียนกั๋วถึงคิดว่าถ้ามีอาหารและเครื่องดื่มดีๆ จะช่วยให้แม่เซียวอารมณ์ดีได้ นี้มันไม่ดูถูกไปหน่อยรึอย่างไร?
เฮยหลังลังเลที่จะพูด แต่เขาก็ต้องพูดออกมา
“ติดตามเซียวเฉวียนต่อไป บอกข้าทุกอย่างไม่ว่าเขาจะทำอะไร!”
ดวงตาของเว่ยเชียนชิวหรี่ลงอย่างเย็นชา: "นอกจากนี้ จับตาดูขุนนางของเราที่มีใจกบฏ เราจะเชือดไก่ให้ลิงดู! โดยเฉพาะกวนเหลียน จับตาดูเขาไว้ในดี!”
“เราต้องไม่ปล่อยให้ความภักดีของพวกเขาที่มีต่อข้าสั่นคลอนเพราะคดีปลอม!”
"ขอรับ!"
เฮยหลางพยักหน้าและดีดนิ้ว จากนั้นเงาดำกลุ่มหนึ่งก็กระจายออกไป แยกย้ายไปตามจวนของขุนนางหลายคนในเมืองหลวง และเริ่มติดตามอย่างเข้มงวด
ณ จวนเซียว
กลิ่นไหม้อบอวลไปในอากาศ
จากไปนานจนจวนถูกเผาเลยอย่างนั้นหรือ?
ต่งจัวเหลือบมองจวนเซียวที่ถูกเผาจนกลายเป็นเถ่าถ่าน เขาและเถ๋าจี๋ยืนอยู่บนถนนด้วยความงุนงง
พวกเขาไปที่แดนตะวันตกเพื่อตามหาหญ้าอสุรา องค์ชายชิงหลงของคุนหลุนเป็นคนพาพวกเขากลับมา
มิฉะนั้น ต่งจัวและเถ๋าจี๋คงไม่สามารถกลับมาเร็วขนาดนี้ได้
ระหว่างทาง องค์ชายชิงหลงพูดคุยกับต่งจัวและเถ๋าจี๋ โดยหวังว่าเจ้าแตงกวาน่าเบื่อทั้งสองนี้จะนำทุกอย่างไปพูดกับเซียวเฉวียน
ต่งจัวและเถ๋าจี๋ ไปที่ดินแดนตะวันตกเพื่อค้นหาหญ้าอสุรา เมื่อพวกเขาไปที่นั่น ด้วยความห่วงใยผู้อารักขาทั้งสอง องค์ชายชิงหลงจึงมอบรถมอบให้ เพื่อไม่ให้ถูกคนของผู้อาวุโสอวิ๋นเฮ่อตามสอดแนม
ผลก็คือ ไม่ว่าองค์ชายชิงหลงจะพูดมากแค่ไหน ต่งจัวและเถ๋าจี๋ก็เงียบ ไม่สนใจเขาเลย
คนโง่สองคน ต่งจัวและเถ๋าจี๋นึกย้อนกลับไปอย่างไร้เดียงสา ชาวคุนหลุนนี้ ท่าทางแปลกๆ กันทุกคนเลยหรืออย่างไร
ต่อมาคนโง่ทั้งสองกลับไปยังจวนเซียวที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว ท่าทางดูสับสน นายท่านหายไปไหน?
ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ประตูคิดอยู่นานพวกเขาไม่รู้ว่าจะถามคนที่สัญจรไปมาอย่างไร
หากเซียวเฉวียนไม่รู้จักคนของเขาดี คงส่งเจ้าเก้ามารอที่นี้แล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะรอตรงนี้ไปเรื่อยๆ
"พวกเจ้ากลับมาแล้ว"
น้ำเสียงของเจ้าหนึ่งไม่ค่อยดีนัก ต่งจัวและเถ๋าจี๋เป็นนักรบและพวกเขาเคยเป็นคนของฝ่ายเว่ยเชียนชิว เจ้าเก้าพาคนมาด้วยประมาณสิบคน และทั้งหมดก็เป็นคนของเซียวเฉวียน มองดูทั้งคู่ด้วยหน้าตาที่ไม่สู้ดี
ไม่รู้ว่าทำไมนายท่านถึงยอมรับต่งจัว หรือเพราะพวกเขาดูเป็นคนกล้าบ้าบิ่นกัน?
ต่งจัวและเถ๋าจี๋พยักหน้าราวกับว่าพวกเขาตอบคำถามของเจ้าเก้าแล้ว
“หญ้าอสุราอยู่ที่ไหน”
เจ้าเก้ามองไปทางซ้ายและขวา และเห็นว่าสองคนนี้เดินทางหลายพันลี้เพื่อไปเก็บหญ้าอสุรา แต่กลับไม่มีแม้แต่ย่ามใส่ของ: "พวกเจ้าหายไปนานมาก แต่กลับมามือเปล่าอย่างนั้นหรือ?"
"คือว่า"
ต่งจัวยื่นหญ้าออกมา และนั้นก็ทำให้เจ้าเก้าโกรธมากจนแทบอยากจะเอาหัวโขกพื้นแล้วตายให้รู้แล้วรู้รอด เจ้านายคาดหวังไว้สูงว่าจะใช้หญ้านี้กับเว่ยเชียนชิว แต่เขากลับนำกลับมาแค่ต้นเดียว?
ต้นเดียว!
แค่ต้นเดียวอย่างนั้นหรือ?
ดวงตาของเจ้าเก้าแทบจะทะลักออกมาด้วยความโกรธ พวกเขาทั้งหมดบอกว่าเป็นนักรบมีจิตใจที่เที่ยงธรรม นี่เที่ยงธรรมแล้วอย่างนั้นหรือ? นี่เรียกว่าโหดเหี้ยมเลยต่างหาก!
“ตอนนี้นายท่านเป็นราชครูแล้ว และอาศัยอยูาที่พระราชวัง! เอาหญ้านี้ไป และไปอธิบายให้นายท่านฟังเอาเอง!"
เจ้าเก้าโกรธมากจนเมินเฉยทั้งสองคน หันหลังกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...