อ่านสรุป บทที่ 685 เศษเหล็ก จาก ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง
บทที่ บทที่ 685 เศษเหล็ก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ชิงเฉิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ฮ่องเต้กับอี้กุยกำลังพูดกับฉินซูโหรวตัวปลอมในห้อง แต่พวกเขาไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ
ในขณะนั้น เจี้ยนเหล่าประคองเซียวเฉวียนเดินออกมา
เซียวเฉวียนถือดาบที่ชื่อว่า “กระบี่ฉุนจุน” แต่กระบี่ฉุนจุนได้สูญเสียลักษณะที่ควรมีของดาบ ตัวดาบมืดและไม่มีแสงอะไรเลย และความคมของดาบก็ได้สูญเสียไปเป็นอย่างสิ้นสุด
“กระบี่ฉุนจุน” หรือดาบที่ถือเป็นเจ้าแห่งดาบที่ไม่มีใครเทียบได้กลายเป็นของเสียที่ไม่มีค่าและกลายเป็นซากเหล็กเสียแล้ว
ในขณะเดียวกัน เซียวเฉวียนมีใบหน้าซีดมาก แต่ในใจเขามีความสุขมากอย่างมาก แผลบนร่างกายของฉินซูโหรวเริ่มหายและความเยือกเย็นบนร่างร่างกายก็ค่อยๆทุเลาหายไปแล้ว
“รักษาอย่างไร? ทำไมมันเร็วเยี่ยงนี้!” อี้กุยมีความประหลาดใจเล็กน้อย แต่เจี้ยนเหล่ามีความรู้สึกไม่ดีเลยที่ไม่ได้ตอบ
ตอนนี้เจี้ยนเหล่ารู้ว่าเซียวเฉวียนคือคนที่ไม่คำนึงถึงชีวิต! เขามีความพยายามมาก!
เซียวเฉวียนมาเพื่อช่วยภรรยาของเขาฉินซูโหรวและเขากำลังมีความตั้งใจที่จะครอบงำกระบี่ฉุนจุน แต่กระบี่ฉุนจุนไม่เต็มใจในการยอมรับมัน
ดังนั้นเซียวเฉวียนต้องการที่จะช่วยฉินซูโหรว จึงรับความหนาวที่ออกจากนางไปไว้ในตัวเขาเอง และจากนั้นเขาเริ่มสู้รบตรงๆกับกระบี่ฉุนจุน เมื่อเขาทำเยี่ยงนั้น เขาต้องรับความหนาวเย็นด้วยและต้องรับการโจมตีจากพลังของกระบี่ที่มีความสมบูรณ์แบบด้วย ทรวงอกของเขาถูกโจมตีจนเลือดไหลออกและร่างกายของเขาถูกทำร้ายไปเรื่อยๆ รวมถึงทั้งความหนาวจากกระบี่และพลังโจมตีจากกระบี่ด้วย เขายังคงกล้าหาญเพื่อนางและพยายามทำให้นางฟื้นตัวขึ้น ความหนาวในตัวนางหายไปหมดแล้ว จึงทำให้ความกล้าหาญและกำลังใจของเขานั้นยิ่งมากขึ้นในขณะนี้!
เซียวเฉวียนที่ยังคงยืนอยู่และมีรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนร่างกายของเขายังสามารถรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ในความจริงแล้วเขาเจ็บมากจนเกือบหมดสติ
ความหนาวของฉินซูโหรวหายไปแล้ว แต่เซียวเฉวียนคงจะต้องรับความเจ็บต่อจากนั้นแทนและเป็นอันตรายแทนนาง
“ราชครู!”
พอฮ่องเต้พูดคำนี้เพียงครั้งเดียว เซียวเฉวียนก็สลบลงไปที่พื้นและเป็นลมหมดสติไปเลย
เจี้ยนเหล่าโกรธมาก “เรียกเย่าเหล่ามาเร็ว! อย่าทิ้งให้เซียวเฉวียนตาย!”
เย่าเหล่าฝังเข็มลงตัวของเซียวเฉวียนและกล่าวเตือนว่า “ห้ามให้ใครมาวุ่วายหรือรบกวนเขา เพื่อให้เซียวเฉวียนสามารถพักผ่อนและข้าเองจะเฝ้ารักในเวลานี้เอง”
เซียวเฉวียนต้องเผชิญกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขา เนื่องจากพลังต่างๆกำลังผสมผสานกันอยู่ หากไม่ระวัง เซียวเฉวียนอาจจะเสียชีวิตไปจากการเสียเลือดได้
“สาหัสถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?” ฉินซูโหรวตัวปลอมตกใจและมีความร้อนรนแต่นั่นก็มิอาจรู้ได้ว่าเป็นการแกล้งทำหรือไม่ “ท่านทำเยี่ยงนี้เพื่อช่วยใครกัน? ถึงยอมเสี่ยงชีวิตได้ขนาดนี้?”
ทุกคนเงียบกันหมดโดยเฉพาะฉินเซิงเขามีสีหน้าที่อึดอัด
“ท่านพ่อ ทำไมท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย?”
สายตาของฉินซูโหรวตัวปลอมที่กำลังจ้องอยู่และสิ่งนี้ทำให้ฉินเซิงไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้กับลูกสาวตัวปลอมว่าอย่างไรดี
จากนั้นฮ่องเต้จึงแต่งเรื่องขึ้นมาทันทีโดยมีเรื่องราวว่า “มีข้าหลวงหญิงในตำหนักชื่ออาหมาน นางเคยช่วยชีวิตเซียวเฉวียนและตอนนี้นางป่วยหนัก ข้าเลยให้ราชครูทำทุกทางเพื่อรักษานางผู้นี้ไว้เป็นการตอบแทน”
เมื่อฮ่องเต้พูดแบบนี้ทุกคนก็รู้สึกกังวลอย่างมาก
“เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหล่ะ”
เมื่อฉินซูโหรวตัวปลอมได้ยินชื่ออาหมานไม่แสดงอารมณ์ใด ฮ่องเต้ครุ่นคิดว่าฉินซูโหรวตัวปลอมไม่รู้เรื่องฉินซูโหรวตัวจริงใช่หรือไม่?
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ฮ่องเต้เป็นคนที่มีน้ำใจและอยากช่วยเหลือ ดังนั้นท่านจึงสร้างเรื่องที่มีเหตุผลนี้ขึ้นเพื่อให้ฉินซูโหรวตัวจริงยังคงรอดต่อไป : ราชครูในฐานะผู้ตอบแทน ท่านต้องปฏิบัติต่ออาหมานอย่างสุภาพ และในอนาคตเมื่อเจอนางอีกก็ต้องทำดีต่อนาง”
“เพคะ ฉินซูโหรวเข้าใจแล้วเพคะ” นางตัวปลอมเริ่มมีพฤติกรรมดีมากและพร้อมร่วมมือเพื่อช่วยเซียวเฉวียน แต่ตอนนี้ไม่มีใครมีต้องการนางตัวปลอมเลย
และตอนนี้คนที่อยู่รอบตัวนางทั้งหมดกำลังคิดว่านางตัวปลอมนั้นสมควรตายไปเสีย
บรรยากาศที่อึดอัดทำให้ทุกคนเงียบมากและเย่าเหล่าเป็นกังวลให้ความสนใจแก่เซียวเฉวียนโดยไม่สนใจเรื่องอะไรเลย และเขาออกคำสั่งว่า “ไป๋ฉี่ เหมิงเอ้า พวกเจ้าไปที่เขตชานเมืองหลวงเพื่อหาสมุนไพรที่เรียกว่าถูกเป่ยฉี ข้าต้องใช้มันในการปรุงยา มันเป็นประโยชน์มากในการฟื้นฟูพลังระบบเลือดและเป็นประโยชน์มากต่อนายท่านของเจ้าด้วย”
“หมอยาในตำหนักพอจะมีของพวกนั้นอยู่บ้าง พวกเขาจะส่งสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับเรา”
“ฝ่าบาท ถูเป่ยฉีมีในตำหนักได้ถูกตากแห้งหมดแล้ว ร่างกายของเซียวเฉวียนต้องการหญ้าที่ไม่ได้ถูกเก็บไว้นาน” เย่าเหล่าแนะนำว่า “ให้ไป๋ฉี่ไปหามาใหม่เถิด ถูเป่ยฉีมีกลิ่นหอมที่สามารถจดจำได้ง่าย เจ้าต้องระมัดระวังและอย่าหาผิดล่ะ”
ในส่วนของเย่าเหล่าและเจี้ยนเหล่านี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยพวกเขาเป็นเพียงเซียนและไม่ได้รับการสนับสนุนโดนตรงจากเบื้องบน
ที่จะไม่ต้องพูดถึงเลยอีกคนคือเว่ยอวี๋ไม่ใช่อะไรนะ ท่านนั้นล้วนมีแต่การโกหก กินเล่นไปวันๆขอแค่สนุกสนานท่านนั้นไม่ได้มีคุณค่าแม้อย่างน้อย พวกเขาจะไม่สามารถให้ความสนับสนุนใดๆกับนายท่านได้เลย?
นอกจากนี้มีเพียงจวนฉินเท่านั้น พวกเขามีอำนาจ และมีตำแหน่งที่สำคัญในสังคม
ในอดีตจวนฉินมีตำแหน่งที่ต่ำต้อยและเขาคิดว่าเซียวเฉวียนไม่สามารถเสมอภูมิได้
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเคย จวนฉินเข้ามาอย่างแข็งแรงแล้ว และจำเป็นต้องร่วมมือกับพวกเขา และยังก็ต้องการสนับสนุนจากพวกเขาเป็นอย่างมาก
มิฉะนั้น ในครั้งที่แล้วจะทำคดีปลอมของจ้าวอีโต้วอย่างงั้นหรือ นายท่านก็ร่วมมือกับฉินหนานและฉินเป่ย แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นและช่วยให้จ้าวอีโต้วพูดเรื่องโกหกที่ไม่ให้เกี่ยวข้องกับนายท่าน ทำให้คดีของจ้าวอีโต้วดูเหมือนเริ่มขึ้น
“ท่านไม่เห็นหรอ? แม่ทัพฉินเซิงถูกท่านทำลายได้ด้วยจุดตันเถียน นี่คือจุดเริ่มต้นของการร่วมมือของพวกเขาอีกครั้ง”
"อ๋า? จริงหรือ?" เหมิงเอ้าแสดงให้เห็นใบหน้าที่ตกใจของเขาออกมา
“ครั้งนี้นายท่านได้ช่วยฉินซูโหรวตัวจริง จวนฉินจะต้องขอบคุณแน่ๆในอนาคต และนายท่านจะได้รับการสนับสนุนในอนาคต”
ไป๋ฉี่ได้อ่านหนังสือและมีเวลาที่อยู่กับเซียวเฉวียนเป็นระยะยาวกว่า เขามีความเข้าใจสถานการณ์มากกว่าเหมิงเอ้า
หลังจากที่ไป๋ฉี่ให้ข้อมูลอีกครั้ง ความโกรธของเหมิงเอ้าลดลง “เพื่อจวนฉินและเพื่อช่วยนายท่านของเรา ข้าจะไม่พูดไม่ดีกับพวกเขาอีก! มาเถอะ! ที่นี่มีถูเป่ยฉีเยอะมาก เราจะขุดมันตรงนี้กันเลย!”
สองคนไปยังป่าในตอนที่มืดและพวกเขาเก็บเกี่ยวตั้งแต่หัววันจนถึงรุ่งเช้า เขาพากันเก็บไปเกือบสิบต้นของถูเป่ยฉี
ตอนกลับเหมิงเอ้านั้นเกิดกระหายน้ำ ไป๋ฉี่เองก็ไม่มีทางเลือก จึงแวะซื้อชาจากแผงขายในเมืองเพื่อดื่มระหว่างทาง
แต่เรื่องร้ายๆจะเกิดขึ้น หากดื่มมันลงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...