“บรรพบุรุษอะไรกัน! เจ้ามันก็แค่เจ้าคนไร้สาระที่เอาแต่ตามติดรบกวนบิดาข้า!”
เสี่ยวเชียนชิวเหลือบมองเจี้ยนเหล่าด้วยท่าทีรังเกียจเล็กน้อย ทำเอาเจี้ยนเหล่าถึงกับเบิกตาโพลงออกมาในทันที ไอ้ไอ้ไอ้!" เขาอยากจะจัดการดาบวิญญาณด้ามนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!
เมื่อเจี้ยนเหล่าคิดที่จะลงมือนั้น ทว่า เสี่ยวเชียนชิวก็หาได้มีท่าทีต้องการจะยอมความไม่ ทั้งสองคนจึงเริ่มลงมือต่อสู้บนหลังคาไปในทันที !
หูของเซียวเฉวียนกระตุกไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะรับรู้ได้ว่าคนเฒ่ากับเด็กน้อยกำลังลงมือโรมรันเข้าหากันเช่นนั้น แต่เซียวเฉวียนหาได้คิดสนใจอันใดไม่
ความสนใจของเขาจดจ่ออยู่ที่หอเทียนหมิงเท่านั้น
ภายในหอเทียนหมิง ในขณะที่หยางซูกำลังยกจอกร่ำสุราอย่างมีความสุขกับทุกคนที่เข้ามาร่วมเอ่ยคำอวยพรให้กับเขานั้น
"หากถามข้าละก็ คุณชายหยางจักต้องติดอันดับหนึ่งในสองของการทดสอบระดับชนบทในปีนี้อย่างแน่นอน!"
ทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า อันดับที่หนึ่งย่อมหนีมิพ้นอ๋องรองเว่ยเป้ยอ๋อง ส่วนอันดับสองย่อมต้องเป็นหยางซูที่ติดหนึ่งในนั้นเป็นแน่
“ที่ใดกัน!” หยางซูโบกไม้โบกมือไปมาด้วยท่าทีถ่อมตัว
“พี่หยาง ท่านอย่าถ่อมตัวไปเลย ด้วยความสามารถของท่านแล้วนั้น ท่านเก่งกาจกว่าเซียวเฉวียนที่ติดอันดับการสอบระดับจังหวัดเมื่อปีที่แล้วเสียอีก!”
กาไหนน้ำไม่เดือดกลับหยิบกานั้น เมื่อมีคนเอ่ยชื่อเซียวเฉวียนขึ้นมานั้น สีหน้าของหยางชูพลันมืดคล้ำไปในทันที
ทุกคนต่างพากันรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้แก่กันว่า มิควรเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ทุกคนล้วนแต่รู้เรื่องของระหว่างเซียวเฉวียนและหยางอวี้หวนเป็นอย่างดีแล้ว
“อั๊ยหยา สตรีบางนางนี่ สวยแต่รูปจูบไม่หอมเสียจริงเลย!”
“ใช่ ใช่! น่าขยะแขยงยิ่งนัก! คนบางคนก็เป็นเช่นนี้ เมื่อตนเองได้รับอำนาจขึ้นมากลับหันมารังแกพวกเราที่เป็นบัณฑิตยากไร้เสียได้”
เหล่าผู้คนที่เอ่ยวาจาซุบซิบกันเช่นนี้ แม้พวกเขามิได้เอ่ยชื่อของเซียวเฉวียน แต่ต่างคนต่างก็รู้ดีว่าตนเองเอ่ยถึงผู้ใด
"ไม่ เรื่องหาได้เป็นเช่นนั้นไม่!"
จู่ ๆ พลันมีน้ำเสียงใสกังวานของหยางอวี้หวนดังขึ้นมา "เหตุใดพวกท่านถึงเอ่ยวาจาใส่ร้ายใต้เท้าเซียวเช่นนี้กัน ?"
หยางซูและคนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเสียงนั้น พวกเขาพลันหันกลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเหล่าบุรุษทั้งหลายเห็นสตรีอ่อนหวานเช่นหยางอวี้หวนเดินเข้ามานั้น พวกเขาพลันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาในทันที ก่อนที่ภายในใจจักอดรู้สึกอิจฉาริษยาหยางซูขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
นัยน์ตาของหยางซูพลางสว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อย หากแต่คิ้วของเขายังคงขมวดเป็นปมแน่น
หยางอวี้หวนยังคงคิดว่าเขายังคงเป็นหยางซูคนเดิมอยู่ นางจึงแย้มยิ้มออกมาอย่างสดใสมอบให้กับหยางซู ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิในทันที หลังจากที่มิได้พบเจอเขามาเป็นเวลานานเช่นนี้ หยางอวี้หวนก็อดที่จะคิดถึงหยางซูขึ้นมาไม่ได้ ก่อนที่นางจะร้องเรียกออกมาว่า " คุณชาย"
พูดจบ นางพลันนั่งลงข้างกายหยางซู พร้อมกับทำหน้าที่รินน้ำชาให้ดั่งเฉกเช่นในวันวาน
ใบหน้าของหยางซูกลับเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งไปในทันที ก่อนจักใช้มือเอ่ยหยุดยั้งนางขึ้นมา "เจ้ามาจากที่ใด?"
ฝีเท้าของหยางอวี้หวนจึงชะงักไปในทันที ก่อนจะตอบกลับไปตามจริงว่า "ตอบคุณชาย ข้ามาจากจวนตระกูลเซียวเจ้าค่ะ"
จวนตระกูลเซียว ท่าทีของทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นพลันเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาในทันที ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นลอบส่งสัญญาณหากัน หยางอวี้หวนอาศัยอยู่ในตระกูลเซียวจริง ๆ ด้วย
ดูเหมือนว่าข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองจักเป็นความจริง
“คุณชายเจ้าคะ อวี้หวนได้ยินข่าวลือพวกนั้นแล้ว ทว่า ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่เจ้าคะ! ทั้งข้าและใต้เท้าเซียวต่างก็เป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ยามที่ข้าอยู่ในตระกูลเซียวนั้น เป็นองค์หญิงต้าถงและคุณหนูรองตระกูลเซียวที่ดูแลข้ามาโดยตลอด ทั้งข้าและใต้เท้าเซียวหาได้เคยพบเจอหน้าค่าตากันไม่”
ทุกสิ่งที่หยางอวี้หวนเอ่ยออกมานั้น ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งหมด เซียวเฉวียนที่เป็นบุรุษที่ตบแต่งแล้วนั้น เขารู้สถานะของตนเองเป็นอย่างดีทั้งยังเว้นระยะห่างจากสตรีนางอื่นอย่างชัดเจน
มิต้องพูดถึงการได้พบเจอหน้ากับหยางอวี้หวนเลย จวนในตระกูลเซียวนั้นใหญ่โตมากเสียจน บางครั้งเซียวเฉวียนก็ยังลืมไปแล้วเลยว่าหยางอวี้หวนมีตัวตนอยู่ในจวนเสียด้วยซ้ำ
แต่ในทางกลับกัน มีเพียงเว่ยอวี๋เท่านั้นที่รู้ซึ้งเป็นอย่างดีเสียยิ่งกว่าเซียวเฉวียนเสียอีก วัน ๆ เอาแต่ตามติดหยางอวี้หวนทุกฝีก้าว ทั้งยังพยายามเอาอกเอาใจนางอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามหยางอวี้หวนหาได้เป็นคนรักใคร่ในยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ ภายในใจของนางมีเพียงหยางซูผู้เดียวเท่านั้น
หยางอวี้หวนเป็นสตรีที่ดี แม้แต่เว่ยอวี๋ยังกล่าวว่าในยุคปัจจุบันหาได้มีสตรีรู้ความเช่นนี้ไม่ นับประสาอะไรกับในยุคสมัยโบราณ
“แม่นางหยาง เรื่องเช่นนี้ผู้ใดจักไปรู้กันว่าเจ้าเอ่ยความจริงหรือเรื่องเท็จออกมา” ในยามนี้ พลันมีบุรุษเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่งพลันยักคิ้วหลิ่วตาออกมา “เรื่องราวในจวนตระกูลเซียวนั้น มีเพียงคนภายในตระกูลเซียวและเจ้าเท่านั้นที่รู้ ไม่แน่ว่าเจ้าในยามนี้กำลังเอ่ยแก้ต่างให้กับใต้เท้าเซียวอยู่ก็ได้?!”
"แม่นางหยาง หากเจ้ามีความสัมพันธ์กับใต้เซียวไปแล้ว หาใช่เรื่องที่ต้องมารู้สึกอายไม่" บุรุษผู้หนึ่งจึงเอยขึ้นมา "นับว่าใต้เท้าเซียวช่างเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์เสียจริง การที่เจ้าได้ติดตามเขาที่เป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตนเองแล้ว ทว่า เจ้ายังมีหน้ากลับมาหาพี่หยางอีก เช่นนี้พี่หยางจักต้องเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน”
คนเหล่านี้เดิมทีก็เป็นหนึ่งในปัญญาชน พวกเขาจึงมีทักษะวาจาคมคายยิ่งนัก หยางอวี้หวนได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปม "ข้ามิได้ต้องการให้พวกเจ้ามาเชื่อข้า! ขอเพียงคุณชายเชื่อข้าก็พอแล้ว!"
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดังฉากใหญ่ ร้องหัวเราะเสียจนหยางอวี้หวนถึงกับตกตะลึงไปในทันที ก่อนที่นางจะกันไปจับจ้องมองหยางซู ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง "คุณชายเจ้าคะ ท่านรู้ดีว่าอวี้หวนหาได้เคยเอ่ยโป้ปดต่อท่านไม่ ถึงแม้ว่าอวี้หวนเกิดมาเป็นทาสคุนหลุน มีวรรณะต่ำต้อยเพียงใด แต่ก็เป็นคุณชายที่ช่วยมอบสกุลของท่านให้แก่ข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...