“คุณชาย! ทั้งข้าและใต้เท้าเซียวต่างก็เป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้นะเจ้าคะ! อวี้หวนเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ !”
หยางอวี้หวนได้แต่ส่ายหัวไปมาในทันที นางกลับคิดไปว่าบางทีคุณชายอาจจะใส่ใจเป็นห่วงนางมากเกินไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณชายโกรธโมโหนางมากถึงเพียงนี้ ใช่แล้ว คุณชายไม่มีทางทอดทิ้งนางไปแบบนี้แน่นอน
คุณชายเคยบอกกับนางแล้วว่า ในอนาคตข้างหน้าคุณชายจักแต่งกับนาง ต่อแต่นี้ไปนางจักเป็นฮูหยินของคุณชาย
เช่นนั้น คุณชายจักปล่อยให้คนเหล่านี้มาทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร?
หยางอวี้หวนที่กำลังนั่งคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานองหน้าอย่างงดงาม ดูน่าสงสารเสียจน เหล่าบัณฑิตยากไร้ที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำลายสอไปในทันที
“แม่นางหยาง ท่านอย่าร่ำไห้ไปเลย ท่านร้องไห้ออกมาเช่นนี้ทำเอาพวกข้าทุกคนรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก”
“ในเมื่อท่านใส่ใจพี่หยางมากถึงเพียงนี้ เช่นพวกข้าจักเป็นคนตรวจสอบแทนพี่หยางเอง หากว่าเจ้ายังเป็นสาวแรกรุ่นบานสะพรั่งละก็ เจ้าจักสามารถกลับไปอยู่ข้างกายพี่หยางได้เช่นเดิม ”
“อย่างไรก็ตาม เจ้าคงมิใช่สตรีบริสุทธิ์ผุดผ่องเช่นเดิมแล้วเป็นแน่ ในยามนี้ เจ้าจักมามัวร่ำไห้ไปเพื่อผู้ใดกัน ในเมื่อหน้าตาพี่หยางถูกเจ้าฉีกขาดออกเป็นวิ่น ๆ เช่นนี้แล้ว”
เหล่าปัญญาชนที่วาจาปากเหม็นเน่านั้น ทำเอาหยางอวี้หวนรู้สึกเสียใจยิ่งนัก ก่อนจะร้องตะโกนออกมาว่า "หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเจ้าไม่! ข้าบริสุทธิ์! ไปให้พ้น! พวกเจ้าอย่าได้เข้ามาใกล้ข้า!"
สตรีงามอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ จักให้พวกเขาหยุดมือไปได้อย่างไรกัน?
เดิมทีเหล่าปัญญาชนกลุ่มนี้ต่างก็โลภอยากครอบครองหยางอวี้หวนมานมนานแล้ว เมื่อหยางซูมาอนุญาตให้เขาสามารถลงมือกระทำได้เช่นนี้อีก พวกเขาจักปล่อยสาวงามให้หลุดมือไปได้อย่างไรกัน
มือไม้ที่เหนียวนานราวกับปลาหมึก ค่อย ๆ เดินก้าวเข้ามาดึงเสื้อตัวนอกของหยางอวี้หวนเอาไว้ "ให้พวกเขาได้ยลโฉมหน่อยสิว่า เจ้าจักเชี่ยวชาญในการถอดเสื้อผ้าอาถรณ์ของตนเองหรือไม่"
ยามที่ผู้คนมากมายยืนรายล้อมอยู่เช่นนี้ พลันมีปัญญาชนผู้หนึ่งหัวเราะออกมาฉากใหญ่ว่า "ในเมื่อเจ้าสามารถรับใช้คนผู้นั้นได้ อะไรกัน เจ้าจักมารับใช้พวกข้ามิได้เลยหรือ?"
หยากน้ำตาไหลพลันไหล่อาบแก้มทั้งสองข้างของหยางอวี้หวนไปในทันที ก่อนที่นางจักหันไปมองที่หยางซูที่กำลังนั่งร่ำสุราอยู่โต๊ะโดยมิได้แยแสสิ่งใด ทำเอาแววตาแห่งความสิ้นหวังพลันปรากฏพาดผ่านขึ้นมาในดวงตาของนาง
หยางซูในยามนี้เสมือนเป็นคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน ถึงได้ปล่อยให้นางถูกผู้อื่นมารังแกเช่นนี้ได้
ภายในเหลาอาหารเช่นนี้นั้น นับว่าเป็นเรื่องปกติที่จะสัมผัสสตรีเช่นนี้ อีกทั้งหอเทียนหมิงยังเป็นเหลาอาหารที่สามารถมาร่ำสุราเคล้านารีได้เช่นนี้อีก ฉะนั้นแล้ว แขกเรือผู้อื่นที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาหาได้นึกแปลกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่
อีกทั้ง หยางอวี้หวนยังมีสถานะเป็นทาสคุนหลุนที่วรรณะต่ำต้อยจนมิอาจเทียบเท่ากับสถานะของสตรีที่เกิดในครอบครัวชนชั้นธรรมดาได้เสียด้วยซ้ำ หากหยางซูมิยอมรับนางละก็ นางย่อมต้องมีชะตากรรมถูกคนอื่นรังแกเช่นนี้
ชีวิตของนางตกอยู่ในกำมือของหยางซูแล้ว
เนื่องจากนางเป็นทาสของเขา
หยางซูที่กำลังนึกสนุกกับความรู้สึกที่ได้ควบคุมโชคชะตาของผู้อื่นนั้น ดูสิ สตรีนางหนึ่งกลับมีท่าทีอ่อนแอและบอบบางเช่นนี้ อีกทั้งเขายังเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยนางออกมาได้อีกด้วย
เหล่าปัญญาชนเหล่านี้ พยายามที่จะเข้าหาหยางซูพร้อมกับเอื้อมมือมาแตะเนื้อต้องตัวผู้หยางอวี้หวนอยู่บ่อยครั้ง ทว่า หยางอวี้หวนกลับหลบหลีกได้ตลอด นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหยางซูจะสามารถช่วยนางได้ นางหวังว่าหยางซูจักเห็นถึงความสัมพันธ์ในวันวาน เพื่อยื่นมือออกมาช่วยเหลือนางและสั่งให้คนเหล่านั้นหยุดมือ
แต่เขาก็มิได้ทำเช่นนั้น
แม้แต่ในยามนี้ หยางอวี้หวนก็ยังคงเชื่อสุดหัวใจว่า คุณชายกำลังโกรธโมโหนาง ถึงได้ลงมือลงโทษนางเช่นนี้
ทว่า เหล่าปัญญาชนกลุ่มนั้นกลับผลักนางให้เข้าไปภายในห้องรับรองห้องหนึ่งแทน
มันคือห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความงามภายในหอเทียนหมิง หากแขกเรือท่านใดตกหลุมรักสตรีนางไหน ก็สามารถเข้ามาใช้ห้องรับรองนี้เพื่อให้เหล่าสาวใช้ปรนนิบัติพัดวีได้อย่างเต็มที่ บางทีอาจจะมีเพียงการร้องรำทำเพลงเพื่อให้แขกเรือพึงพอใจ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นห้องที่มีหน้าที่ทำให้แขกพึงพอใจในเรือนร่างของสตรีเท่านั้น
หยางอวี้หวนจับกลอนประตูเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีแตกสลายว่า "คุณชาย! ท่านจักทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ! ท่านมิต้องการข้าอีกต่อไปแล้วหรือ?"
นางร้องไห้ไปพลางเอ่ยขอร้องออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย ทั้งยังเอาแต่เอ่ยกลับไปกลับมาว่า "อวี้หวนบริสุทธิ์! อวี้หวนบริสุทธิ์จริง ๆ เจ้าค่ะ!"
“พวกเจ้าอย่ามาแตะต้องตัวข้า!” หยางอวี้หวนพยายามผลักผู้ที่อยู่โดยรอบออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่นางมี “อย่ามาแตะตัวข้า!”
พลางชักปิ่นปักผมที่อยู่บนหัวของตนเองออกมาแล้วจ่อที่ลำคอของตนเองว่า "หากพวกเจ้ากล้าแตะตัวข้า! ข้าจักตายต่อหน้าพวกเจ้าให้ดู!"
“พี่หยาง มัน…..” เหล่าปัญญาชนต่างก็ชะงักไปในทันที ก่อนจะหันมาขอความเห็นต่อหยางซู พวกเขาเพียงแค่ต้องการจะรังแกสร้างความอับอายให้แก่หยางอวี้หวนเท่านั้น หาได้ต้องการเอาชีวิตไม่
ถึงอย่างไร พวกเขาก็ยังอยากมีหน้ามีตาในสังคมอยู่ อีกทั้งในยามนี้หยางอวี้หวนยังเป็นคนของเซียวเฉวียนอีก หากนางตกตาย ไปขึ้นมา เซียวเฉวียนจักไม่มาจัดการพวกเขาหรือ?
“นางเป็นทาสของฉัน ข้าจะทำอะไรก็ย่อมได้!” หยางชูพลันลุกขึ้นตบโต๊ะขึ้นมาในทันที แคว้นมีกฎหมายของแคว้น ตระกูลยังมีกฎของตระกูล เขาจักทำอันใดกับทาสคุนหลุนของตนเองนั้นก็ย่อมได้! ถึงแม้ว่าเซียวเฉวียนจักเป็นขุนนางในราชสำนักแล้วอย่างไร เขาก็หาได้มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวไม่!
“ก็แค่ทาสคุนหลุนคนเดียว จักตกตายไปสักคนก็หาได้เป็นอันใดไม่ ชีวิตดั่งต้นหญ้าเช่นนี้ ข้าไม่กลัว! พวกเจ้าจักต้องกลัวอันใดเล่า!”
หยางซูตบโต๊ะไปพลางยกจอกสุราเข้าปาก ทำเอาหัวใจของหยางอวี้หวนแตกสลายยิ่งนัก
ปรากฏว่าสิ่งที่ใต้เท้าเซียวเอ่ยออกมานั้น พูดถูกต้องทุกอย่าง หยางซูในยามนี้เปลี่ยนไปแล้ว หยางซูมิต้องการนางอีกต่อไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...