ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 702

ตามตำรับตำราของฮว๋าเซี่ยนั้น《"ตำราประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่น·ทฤษฎีปัญจธาตุ》 ในสมัยการครองราชย์ของจิ๋นซีฮ่องเต้ปีที่ยี่สิบหก พลันมียักษ์สิบสองตัวที่มีความสูงขนาดห้าจั้ง พร้อมด้วยรอยเท้าของยักษ์ขนาดใหญ่ขนาดหกฉื่อปรากฎตัวในบริเวณเขตหลินเทาซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนของแคว้นฉิน จิ๋นซีฮ่องเต้จึงคาดว่ายักษ์เหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณมงคลก็เป็นได้ จึงได้สั่งให้ผู้คนทำลายอาวุธในใต้หล้ามากมาย เพื่อนำมาหล่อหลอมปั้นเป็นรูปยักษ์ทั้งหมดสิบสองตนเพื่อสร้างเป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขึ้นมา

หนึ่งในยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ถูกเรียกขานว่าหร่วนเวิงจ้ง

เดิมทีในรัชสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น มีบุรุษร่างใหญ่มีพละกำลังเข้มแข็งนามว่าเวิงจ้ง เขามีส่วนสูงอยู่ที่หนึ่งจั้งสามฉื่อเกือบจะถึงสี่เมตรกว่าได้ ทั้งยังมีความกล้าหาญชาญชัยมากกว่าคนทั่วไปยิ่งนัก จิ๋นซีฮ่องเต้จึงได้สั่งการให้เขาไปประจำอยู่ชายแดนหลินเทา เพื่อขับไล่ชาวซยงหนูไปให้สิ้น

หลังจากที่เวิงจ้งจากไปนั้น จิ๋นซีฮ่องเต้จึงได้สร้างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของเขาขึ้นมา พร้อมกับนำรูปปั้นไปตั้งไว้บริเวณนอกประตูเมืองวังเสียนหยาง ยามที่ชาวซยงหนูเข้ามาประชิดเมืองเสียนหยางนั้น เพียงแค่พวกเขาได้เห็นรูปปั้น ต่างก็เข้าใจว่าเป็นหร่วนเวิงจ้งตัวจริง ทั้งยังมีกล้าเข้ามาเข้าใกล้เมืองอีก

ดังนั้น คนรุ่นหลังต่างก็เรียกรูปปั้นทองแดงหรือมนุษย์หินที่ยืนอยู่หน้าพระราชวัง วัดวาอารามและสุสานของบรรพชนว่า "เวิงจ้ง"

ทว่า เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตำนานในประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน บ้างก็บอกว่าจิ๋นซีฮ่องเต้เพียงแค่ต้องการสร้างบุคคลหนึ่งขึ้นมา เพื่อเอาไว้ข่มขู่ชาวซยงหนูเท่านั้น

หากแต่ในประวัติศาสตร์ของฮว๋าเซี่ยนั้น เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยักษ์หาได้มีมากมายไม่ มีเพียงแค่เรื่องของยักษ์เวิงจ้งที่มีส่วนสูงสี่เมตรเท่านั้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่เซียวเฉวียนจะคาดเดาออกมาได้เช่นนี้

หากแต่หยางซูตกใจเป็นอย่างมาก!

เวิงจ้งเป็นผู้อารักขาของเขา อีกทั้งนี่ยังเป็นการปรากฎตัวขึ้นมาครั้งแรกอีกด้วย

แม้แต่ตัวของเวิงจ้งเองก็ยังมิได้เดินทางไปยังรัฐมนตรีการคลัง เพื่อรับชื่อแซ่ของเขารวมไปถึงการลงทะเบียนเป็นทาสอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว กองราชองครักษ์ย่อมมิอาจมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเวิงจ้งได้อย่างแน่นอน!

อาจกล่าวได้ว่า ก่อนหน้านั้นหาได้มีผู้ใดล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเวิงจ้งไม่!

ทว่า เซียวเฉวียนกลับรู้จักชื่อของเขาจริงๆ!

“เซียวเฉวียน! เจ้ายังกล้ากล่าวว่าตนเองมิได้คิดวางแผนชั่วเพื่อแก้แค้นแก่เหล่าปัญญาชนอีกหรือ? เจ้าคอยสอดแนมข้าใช่หรือไม่?”

หยางซูรู้สึกประหลาดใจและก็หวาดกลัวไปในเวลาเดียวกัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่เหล่าปัญญาชนพวกนั้นจะถูกเซียวเฉวียนสังหารลงไปจริงๆ?

มิเช่นนั้นเซียวเฉวียนจักรู้จักเวิงจ้งได้อย่างไร?

เซียวเฉวียนได้แต่กลอกตาไปมา เพียงแค่รู้เรื่องเล็กน้อยก็กล่าวโทษคนอื่นไปทั่วเช่นนี้ หากเป็นในยุคปัจจุบันแล้วละคอมพิวเตอร์จักมิถูกฆ่าตายเป็นหมื่นครั้งแล้วหรือ? เจ้าพวกกบในกะลา!

นับว่าเซียวเฉวียนได้เปิดโลกขึ้นมาจริง ๆ นับตั้งแต่ที่เข้าได้มาเยือนเริ่มต้าเว่ยนั้น ก็มีไป๋ฉี่ กวีสมุทรคุนหลุน จากนั้นก็รากเหง้าการฝึกตน รวมไปถึงเซี่ยวเฟิงกับกิเลน พร้อมด้วยคนเช่นชิงหลงและเสี่ยวเชียนชิว พวกคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่มาปรากฎตัวทำลายความรู้ความเข้าใจของเซียวเฉวียนทั้งนั้น

เนื่องจากต้าเว่ยคือเรื่องราวเทพเซียนของฮว๋าเซี่ย เช่นนั้นเรื่องราวเหล่านี้หาใช่สิ่งที่เขาควรจะละเลยไปไม่

การปรากฎตัวของเวิงจ้งนั้น นับว่าเป็นการช่วยยืนยันการคาดเดาของเซียวเฉวียนได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากบุคคลในประวัติศาสตร์แล้วนั้น เรื่องเทพเซียนของฮว๋าเซี่ยเองหรือตำนานเรื่องราวและนิทานต่าง ๆ ล้วนแต่มาปรากฎอยู่ในต้าเว่ย ทั้งหมด

อย่างเช่นตำราขุนเขามหาสมุทร ทั้งยังมีสัตว์ในตำนานที่รู้จักอย่างเซี่ยวเฟิงและกิเลน

นอกเหนือจากนั้นยังมี เจ้าของคนก่อนของพู่กันจินหลุนเฉียนคุนและภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนที่มีนามว่าฉยงฉีและจูหลงอีกด้วย

ในฐานะชายหนุ่มผู้อยากรู้อยากเห็นในโลกศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้น เมื่อเซียวเฉวียนเห็นว่าเวิงจ้งมิได้มีท่าทีตื่นตระหนกอันใดเฉกเช่นหยางชู เซียวเฉวียนจึงมองสำรวจซ้ายขวา ขึ้นลง พร้อมทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมมากมาย จากท่าทีและลักษณะของเวิงจ้งแล้วนั้น เขาดูมิเหมือนมาเพื่อต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนมาเพื่อจัดนิทรรศการของตนเองเสียมากกว่า

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ความสูงนี้ กล้ามเนื้อนี้ รูปร่างนี้” เซียวเฉวียนเอ่ยชื่นชมออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ยังอยู่ที่นี่ละก็ เขาจักมิได้ดีใจจนตายหรืออย่างไรกัน? เซียวเฉวียนตบเอวอันแข็งแกร่งของเวิงจ้งพลางกล่าวว่า "รูปร่างดีไม่น้อย น้องชาย เจ้าคงหาฮูหยินมาตบแต่งด้วยยากใช่หรือไม่? มียักษ์สตรีหรือไม่เล่า?"

เวิงจ้งก้มหน้าลงเล็กน้อย หัวของเขาใหญ่กว่าคนปกติอยู่มาก พร้อมกับแววตาที่ฉายให้เห็นถึงความไม่พอใจ!

มีผู้ใดพบเห็นเขาแล้วไม่แสดงท่าทีตกใจหวาดกลัวออกมาบ้างเล่า หากแต่เซียวเฉวียนกลับเอื้อมมาสัมผัสตัวเขา? หากว่าแตะตัวเขาก็พอแล้ว หากแต่สัมผัสที่เซียวเฉวียนลูบเขานั้น คล้ายกับกำลังลูบสุนัขก็ไม่ปาน นั่นจึงทำให้เวิงจ้งคล้ายกับรู้สึกว่าตนเองโดนดูถูกอย่างไรอย่างนั้น!

หยางซูกลับกำหมัดของเขาเอาไว้แน่น เซียวเฉวียน เจ้าช่วยแสดงท่าทีเคารพข้าหน่อยได้หรือไม่!

“เจ้าคือผู้อารักขาเช่นนั้นหรือ?” ความสนใจของเซียวเฉวียนหาได้อยู่ที่หยางซูไม่ หากแต่เขากลับมองไปที่เวิงจ้งด้วยสายตาที่เปล่งประกายสดใสแทน “ข้าคือรองหัวหน้ากองราชองครักษ์ โอ้ะ หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า อีกทั้งเจ้ายังมีพี่ใหญ่อีกคนหนึ่งนามว่าหลี่มู่ เจ้ารู้จักเขาหรือไม่?”

เวิงจ้งก้มหน้าลงมาหา เนื่องจากเขามีความสูงกว่าสี่เมตร ถึงแม้ว่าร่างกายของเซียวเฉวียนเองจะเติบโตขึ้นได้ไม่นาน แต่เขาก็มีส่วนสูงเพียงหนึ่งเมตรเก้าเซนติเมตรเท่านั้น แต่ก็ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของความสูงของเวิงจ้ง

สายตาของเวิงจ้งเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนมากมาย พร้อมกับเขาที่พ่นลมหายใจออกมาจากจมูกราวกับสายลมเล็กๆ ว่า "ฮึ่ม ข้าไม่รู้จักคุณ!"

ไม่รู้จัก?

หลังจากที่ได้ฟื้นฟูระบบราชองครักษ์แล้วนั้น เหล่าผู้อารักขาและองครักษ์ที่อยู่ในเมืองหลวงทั้งหลาย มีผู้ใดมิรู้จักหลี่มู่และเซียวเฉวียนจากกองราชองครักษ์บ้าง?

ท้ายที่สุดไม่ว่าอย่างไร เหล่าผู้อารักขาและองครักษ์ทุกคนก็จะต้องไปขอนามกับรัฐมนตรีการคลัง ทั้งยังต้องไปลงทะเบียนกับกองราชองครักษ์อีกด้วย

“ที่แท้เจ้าก็เป็นคนไร้สัญชาตินี่เอง!” เซียวเฉวียนได้แต่ส่ายหัวไปมา เป็นเช่นนี้ไม่ได้แล้ว คนเช่นนี้จักมาเป็นคนไร้สัญชาติได้อย่างไรกัน "น้องชาย เจ้ารีบไปรัฐมนตรีการคลังเพื่อขอนามของเจ้าเดี๋ยวนี้ แล้วค่อยมาหาข้าที่กองราชองครักษ์เพื่อลงทะเบียน มิเช่นนั้นเจ้าจักถูกกองราชองครักษ์จับเข้าคุกเอาได้!”

บุรุษที่มีร่างกายแข็งแกร่งกำยำเช่นเวิงจ้งนั้น ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าหยางซูคงเพื่องจะเลี้ยงดูเขาได้ไม่นานกระมัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย