บทที่ 705 ฉ้อโกงหลอกลวงสารพัด – ตอนที่ต้องอ่านของ ซูเปอร์ลูกเขย
ตอนนี้ของ ซูเปอร์ลูกเขย โดย ชิงเฉิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 705 ฉ้อโกงหลอกลวงสารพัด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
”ฉลาดมาก! เขานั่นแหละ!”
อี้กุยได้ยินปุ๊บ เขาทำหน้าเหมือนอย่างฟ้าจะถล่ม "ท่าน ๆ ๆ ๆ ! ฉลาดอะไรกันอีก! ลุงปู่! ท่าน!"
อี้กุยเดือดเนื้อร้อนใจจนไม่รู้จะพูดอะไร เจ้าเด็กโง่ตบหัวตัวเองอย่างแรง "ลุงปู่! ท่าน! นี่ท่านไม่ใช่จงใจหาเรื่องหรือ? ท่านรู้อยู่แล้วว่ามีคนกำลังจะเอาเรื่องของหยางซูทำร้ายท่าน !”
“แล้วถ้าข้าไม่หาเรื่อง เรื่องจะไม่มาหาข้าหรือ ?” เซียวเฉวียนนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าไม่แยแส ดื่มชาร้อนหนึ่งแก้ว ทุบตีเวิงจ้งมาตลอดทางจนปากคอเหือดแห้ง “ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะจัดการมันเอง พวกเจ้าล้วนไม่ต้องมายุ่ง”
ไม่ต้องยุ่ง?
อี้กุยส่ายหัว "แต่ครั้งนี้เจ้าตัวการนั้นคือไทเฮา เป็นลูกหลานครอบครัวยากจน ไม่ใช่ผู้มีอำนาจอย่างแต่ก่อน"
“เรื่องเล็ก” เซียวเฉวียนโบกมือ ตัวเองมีวงแหวนรัศมีพระเอกเพียงเล็กน้อยก็จริง แต่ถือว่ายังมีอยู่ ไม่ตายง่ายๆ “อาหมานเป็นยังไงบ้าง?”
“เพิ่งไปดูเธอมา อาการดีขึ้น แต่ถึงแม้ท่านจะลำเลียงพลังหนาวเย็นทิ้งแล้ว แต่สภาพร่างกายของเธอแย่มาก อาการบาดเจ็บสาหัสเกินไป ตอนนี้เธอนอนหลับทุกวันและจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างดี”
”ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลเธอให้ดี เธอก็ทรมานเหมือนกัน ฝากเวิงจ้งไว้ให้เจ้า ข้าจะไปแล้ว”
เซียวเฉวียนปัดก้นแล้วกำลังจะจากไป อี้กุยเรียกเขาหยุดแล้วพูดว่า "โอ้ ข้าเกือบลืมไปเลย เว่ยอวี๋พูดไม่ดีเกี่ยวกับท่านในวังทุกวันเพราะจะใกล้ชิดหาไทเฮา หากท่านได้ยินอะไรเข้า อย่าไปถือสานะ”
"อื่ม" เซียวเฉวียนยิ้ม "ข้าจะไม่รู้เจ้าหมอนี่หรือ เขาไม่มีวันทรยศข้าหรอก เจ้าต่างหาก ต้องรักษาหอคุนหวูให้ดี ช่วงนี้จวนเซียวถูกใส่ร้ายป้ายสี เจ้าอย่ามาอยู่ใกล้ตัวข้ามากเกินไป เดี๋ยวจะเดือดร้อนถึงเจ้า”
พอเซียวเฉวียนพูดเช่นนี้ อี้กุยเริ่มไม่พอใจทันที "ทำไมลุงปู่ถึงอยากให้ข้าอยู่ห่างๆ แต่ไม่ใช่เว่ยอวี๋"
อะไรนะ?
เซียวเฉวียนจ้องตา ยื่นมือออกมาตบหัวเขา "นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร! นี่เป็นภัยพิบัตินะ! เจ้ากระตือรือร้นจะรนหาภัยใส่ตัวหรือไง?"
“ข้าไม่อยากอยู่ห่าง! ข้าจะแบ่งปันความยากลำบากกับลุงปู่!” อี้กุยส่ายหัว ลุงปู่จะผลักไสเขาหรือ ไม่มีทาง!
เซียวเฉวียนก่ายหน้าผาก "เจ้ารู้จักการถ่ายโอนความเสี่ยงไหม คือใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียวกันไม่ได้ไง"
“ข้าไม่เข้าใจ” อี้กุยส่ายหัว “ขอฟังรายละเอียดหน่อยสิ”
เซียวเฉวียนสำลักด้วยความโมโห "เจ้าเข้าใจกระต่ายเจ้าเล่ห์มีที่ซ่อนสามโพรงไหม?"
กระต่ายที่เจ้าเล่ห์มักจะเตรียมที่ซ่อนหลายแห่งเพื่อให้ตัวเองมีทางหนี ไม่ยอมให้ใครมาตีถูกตัวเด็ดขาด
“ข้าเข้าใจความจริงข้อนี้ แต่ข้าไม่อยากทิ้งลุงปู่”
อี้กุยเกิดดื้อรั้นขึ้นมาก็ไม่แพ้ไป่ฉี แต่การตามไล่สังหารจากไทเฮา มันล้อเล่นได้ซะที่ไหน?
เซียวเฉวียนคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องให้อี้กุยมาติดแห? เซียนชิวตัวน้อยซึ่งเป็นเด็กซุกซนที่เขาเพิ่งรู้จัก เซียวเฉวียนยังไม่อยากให้เธอติดตามเขาไปเสี่ยงภัยเลย นับประสาอะไรกับอี้กุยซึ่งเป็นต้นกล้าต้นเดียวที่เหลืออยู่?
แต่อย่างว่า การสื่อสารกับเด็กๆ ต้องใช้ทักษะและตรรกะนิดหน่อย บังคับไม่ได้
“จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันใช่ไหม?” เซียวเฉวียนตบไหล่อี้กุย “ถ้าอย่างนั้นลุงปู่มีงานสำคัญอีกอย่างที่ต้องไหว้วานเจ้า”
”ลุงปู่ว่ามาเลย!” ดวงตาของอี้กุยเป็นประกาย ใบหน้าดูมีความสุขที่เขาก็สามารถรับใช้ลุงปู่ได้ในที่สุด
เซียวเฉวียนดีดนิ้ว “ป๊อก” เหมิงเอ้าก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีพร้อมถือกระถางดอกไม้ในมือ "เจ้านาย"
เซียวเฉวียนแค่ใจคิด เหมิงเอ้าก็ปรากฏตัว ปรากฏตัวทั้งรวดเร็วและทันใด ผู้คนรอบ ๆ เซียวเฉวียนคุ้นเคยกับมันมานาน แต่เวิงจ้งตกใจหน้าซีด นี่มัน...... ความเร็วแบบไหนกัน?
ดวงตาของเวิงจ้งแสดงความหวาดกลัว ตกตะลึง ยิ่งระแวงสงสัยเกี่ยวกับเซียวเฉวียนมากขึ้น
เซียวเฉวียนหยิบต้นหญ้าอสุราที่เหมิงเอ้าส่งมายัดไปในมือของอี้กุย “เสี่ยวอี้ นี่คือของรักของหวงของลุงปู่ มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของลุงปู่! เดิมทีเราจะเลี้ยงดูมันเอง แต่ไม่คิดว่าไทเฮามาก่อเหตุพันกันยุ่งอย่างนี้ ข้ากลัวว่ามันจะมีอันเป็นไป ขอมอบให้เจ้าไปช่วยดูแลให้หน่อยตอนนี้”
ใบหญ้าต้นหนึ่ง?
มาอำอะไรข้าไหมเนี่ย?
“ข้าบอกแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าจะทำของข้าเอง”
”ทำไมละเจ้านาย!” เหมิงเอ้ากระทืบเท้า “หรือว่าท่านจะจัดการกับนางเพียงลำพังหรือ?”
เซียวเฉวียนประสานมือไว้ด้านหลังแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างสบาย ๆ “เหมิงเอ้า มีคำพูดในลัทธิเต๋ากล่าวไว้ว่า นิ่งไว้เพื่อเผชิญสถานการณ์ทุกอย่าง กล่าวคือ เมื่อทำสิ่งต่าง ๆ ต้องใส่ใจสังเกตการเปลี่ยนแปลง ไม่ตื่นตระหนกกับการเปลี่ยนแปลง ร้อนใจไปไม่เกิดประโยชน์อะไร”
“ลัทธิเต๋าคืออะไร” เหมิงเอ้าส่ายหัวด้วยความสับสน เขาเคยได้ยินแต่คำลัดเลาะลัดแลง ลัทธิเต๋ามันคืออะไร?
”ลัทธิเต๋าเป็นกลุ่มไอดอลในบ้านเกิดของข้า ใครๆ ก็เคารพศรัทธา ในนั้นมีหวางตี้ มีเล่าจื่อ มีกุ่ยกู๋จือ ซึ่งเป็นดารายอดนิยมของพวกเราที่นั่น”
เซียวเฉวียนอธิบายเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง "พูดสั้นๆ อย่าเพิ่งไปสนใจนางตอนนี้ รอดูกันว่านางจะมีกลอุบายอะไรอีกบ้าง ข้าต้องทำอะไรก็ต้องทำเหมือนเดิม ข้าต้องเป็นเจ้าหน้าที่คุมสอบ ก็ต้องเป็นเจ้าหน้าที่คุมสอบเหมือนเดิม”
”ถ้างั้น เจ้านายไม่สนใจต่อข่าวลือแล้วหรือ?”
“ในเมื่อมันเป็นข่าวลือ จะไปสนใจมันทำไม?”
“ข้าเห็นว่า หยางซูนั่นคงเกลียดท่านให้ตายแน่ๆ “
เมื่อพูดถึงหยางซู ตาของเซียวเฉวียนก็สว่างขึ้นจนได้ เหมิงเอ้าพยักหน้า ทีนี้นายท่านคงตื่นเต้นแล้วละสิ
“ไอ้ยา เจ้าไม่บอก ข้าคงลืมไปแล้ว ตอนนี้นางหนูหยางคงเสียใจมาก ข้าต้องไปดูแลเธอสักหน่อย!”
พูดจบ เซียวเฉวียนก็หายแวบไปกับตาอย่างไร้ร่องรอย
"......"
เหมิงเอ้ามองดูอย่างพูดไม่ออก แล้ววิ่งตามเขาไป "เจ้านาย! รอข้าด้วย! ข้าสำคัญสู้หญิงงามคนหนึ่งไม่ได้หรือ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...