หากหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกของเซียวเฉวียนในตอนนี้ มันคงเป็นคำว่า แตกสลาย
บางอย่างที่เต้นอยู่ภายในเชื่อมต่อกับอวัยวะทุกแขนง สูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย เซียวเฉวียนสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นกำลังแตกสลาย
ความรู้สึกแปลกกๆ ที่ถาโถมเข้ามานี้ ทำให้เซียวเฉวียนถึงกับยกมือกุมหน้าอก หรือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่านแม่?
ไม่มีทาง แม้เสี่ยวเซียนชิวจะมีพลังมาก แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านแม่อย่างแน่นอน หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาจะรับรู้ได้ทันที
เหงื่อเย็นไหลย้อยหยดลงมาจากหน้าผาก เซียวเฉวียนรู้จักคำที่เรียกว่ากระแสจิตดี เมื่อไหร่ก็ตามที่มีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวหรือญาติสนิท ผู้คนที่ได้รับกระแสจิตจะเป็นเช่นนี้
ครั้งสุดท้ายที่เซียวเฉวียนรู้สึกเช่นนี้คือตอนที่คุรปู่ของเขาเสียชีวิต ในขณะนั้นเขากำลังสอบปลายภาคอยู่ และเกิดอาการเจ็บหน้าอกเช่นนี้ขึ้น
ในเวลานั้น เซียวเฉวียนคิดว่าตนเองเครียดเกินไปกับการสอบปลายภาค และการนอนดึก จึงทำให้เขาเกิดอาการนี้ขึ้น
จนเดินออกจากห้องสอบแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาก็พบว่าครอบครัวโทรหาเขาประมาณสิบครั้งแต่ก็ไม่ได้รับ ครอบครัวของเขาจึงต้องส่งข้อความมาบอกเขาว่าคุณปู่เกิดอุบัติเหตุ รีบกลับให้ไวที่สุด
เซียวเฉวียนไม่สามารถกลับไปได้ เขาจึงไม่ได้พบคุณปู่เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นท่านก็เสียไป
เซียวเฉวียนยังคงจำความโสกเศร้านั้นได้เป็นอย่างดี ภายใต้ท้องฟ้าสีครามและเเสงแดดสีขาว ตัวเขากลับรู้สึกเหมือนอยู่ในความมืดมิด เขามองไม่เห็นสิ่งใด ไม่ได้ยินเสียงใด และไร้ซึ่งความรู้สึก
เช่นเดียวกับตอนนี้...
เซียวเฉวียนจับหน้าอกที่เจ็บปวด เขากัดฟันทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สร้างภาพลวงตาให้แก่ตัวเอง เขามุ่งตรงไปยังผนึกตราประทับสีขาวที่อยู่ตรงหน้าเพื่อช่วยฮ่องเต้!
เขาจ้องมองไปยังผนึกตราประทับสีขาว ทุกสิ่งพึ่งพาอาศัยกัน และทุกอย่างนั้นไม่มีศัตรู
ตราบใดที่เข้าใจจุดอ่อนของผนึกตราประทับสีขาวนี้ ก็จะสามารถช่วยเหลือฮ่องเต้ได้อย่างแน่นอน
เซียวเฉวียนหน้าซีดเผือก อาการเจ็บที่หน้าอกของเขาไม่ทุเลาเลยแม้แต่น้อย
วันนี้จะถูกจารึกลงหน้าประวัติศาสตร์ เพราะวันนี้ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้ต้องทนทุกข์ทรมาน เซียวเฉวียนก็ไม่แพ้กัน
ในฤดูใบไม้ร่วงปีที่สี่สิบสองของราชวงศ์ต้าเว่ย มีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นในพระราชวังของราวงศ์ต้าเว่ย และตระกูลเซียวถูกสังหารหมู่
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วจวนเซียว ไม่มีใครในตระกูลเหลือรอดแม้แต่คนเดียว
"นาย...ท่าน…"
เว่ยหยู้ชี้ไปที่จวน หลังจากที่สวีซูผิงผลักประตูไป เจ้าเก้าที่ล้มอยู่บนพื้นก็คิดว่าเซียวเฉวียนกลับมาแล้ว ใบหน้าที่เปื้อนเลือดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเขาเห็นว่าคนที่มาคือสวีซูผิง แสงในตาของเขาก็มืดดับทีละน้อย ศรีษะของเขากระแทกพื้นอย่างแรง เขารอเจ้านายของเขาไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าเก้า!”
สวีซูผิงตะโกนเสียงดัง แต่เจ้าเก้าก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
ไม่......
สวีซูผิงหันหน้าหนี ไม่กล้ามองภาพตรงหน้า
ในห้องเล็กๆ นี้มีศพหลายสิบศพซ้อนทับกัน
ผู้อารักขาเสียชีวิตอยู่ที่นี้ บางคนกระดูกหัก บาดแผลจากคมดาบทั่วร่างกาย เลือดไหลอาบพื้นจนแดงฉาน
พวกเขาเสียชีวิตอย่างอนาถ ในมือถือดาบจิงหุนไว้แน่น พวกเขาคงต่อสู้อย่างสุดความสามารถจนตัวตาย
มือของสวีซูผิงสั่นเทาในขณะที่เขานับศพในห้องนั้น: "หนึ่ง... สอง ... "
“สิบ...สิบเอ็ด...”
ที่นับได้คือสิบห้า
ผู้อารักขาตั้งแต่รุ่รแรกๆ จนถึงตอนนี้ก็สิบกว่าคน และอยู่ตรงนี้สิบคน
ลุงสิบหก ต่งจัวแลัเถ๋าจี๋ที่กลับมาจากเกาะจูเสิน เท่ากับสิบสามคน
ที่เหลือคือ เยาเหล่าและจิ่นเซ่อ
รวมเป็นสิบห้า
มือของสวีซูผิงเลื่อนลงมาและชี้ไปทางจิ่นเซ่อ หัวใจของเขาแหลกสลายทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...