นับตั้งแต่ตราประทับไป๋ลู่ของรัฐไป๋ลู่ถูกฮ่องเต้นำกลับคืนมา อำนาจในการควบคุมรัฐไป๋ลู่ก็คืนสู่ฮ่องเต้
การตายของซือชือ เดิมทีมีลูกชายอย่างเว่ยชิงและเว่ยเป่าสืบทอดตำแหน่งเจ้าครองนคร กลับนึกไม่ถึงว่าเว่ยชิงก็พบความตายเช่นกัน เหลือเพียงเว่ยเป่าที่อายุเพียงสี่ห้าขวบ
หลังจากที่เว่ยเป่าถูกฮ่องเต้รับมายังเมืองหลวง ก็ได้รับการเลี้ยงดูจากไทเฮา และถูกเลี้ยงอยู่ที่วังหลัง
ตอนนี้เว่ยเป่ายังไม่มีสถานที่อื่นให้หลบซ่อน ยังอยู่ในพระราชวังของไทเฮา
ตอนที่เซียวเฉวียนและไทเฮาต่อสู้กัน คาดว่าเว่ยเป่าคอยมองอยู่ข้าง ๆ เพียงแต่ไม่ปรากฏตัวออกมาก็เท่านั้น
เหอะ อยู่ในพระราชวังของไทเฮา... ความกล้าหาญของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ คนธรรมดาคงจะหนีไปแล้วในเวลานี้ แต่เขากลับกล้าที่จะชมความครึกครื้นอยู่ข้าง ๆ?
“ท่านปู่น้อย เว่ยเป่าหนีไปแล้วจริง ๆ ขอรับ” ในตอนนี้อี้กุยรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย เขาถือว่าได้ทำในสิ่งที่มีประโยชน์เพื่อท่านปู่น้อยบ้างแล้ว “เมื่อกบฏวังสิ้นสุดลง เว่ยเป่าก็ใช้โอกาสนี้ในการหนีออกจากวัง และได้นำคนกลุ่มหนึ่งหนีไปยังทางเหนือของเมืองหลวง ทว่าท่านปู่น้อยวางใจได้ ข้ารู้เส้นทางของเขาอย่างชัดเจน เขาไม่มีทางหนีไปได้ขอรับ”
เซียวเฉวียนพยักหน้า ปีศาจลมที่เสี่ยวเชียนชิวตามอยู่ก็ไปทางทิศเหนือเช่นกัน หรือว่าจะเป็นกลุ่มคนเดียวกัน?
“ผู้ที่คุ้มกันการหนีของเว่ยเป่า เป็นคนในวังหรือผู้พเนจรในยุทธภพ?”
เซียวเฉวียนม้วนแขนเสื้อขึ้น บิดข้อมือและข้อเท้า ทำการอุ่นร่างกายที่ทำในวิชาพละศึกษา แสงในดวงตาของเขาดับสนิท
“ตามรายงานของสายลับ ผู้คุ้มกันของเว่ยเป่าร่างกายบอบบาง ไหวพริบดี มือเท้าคล่องแคล่ว ทุกคนมีดาบอยู่ด้านหลัง ไม่เหมือนชาวแคว้นต้าเว่ย”
ผู้ที่มีความสามารถในการทหารระดับต้น ๆ ในแคว้นต้าเว่ย แม้อี้กุยไม่รู้จักก็ต้องเคยทักทายกัน คนกลุ่มนี้ที่ติดตามเว่ยเป่า จากการอธิบายรูปลักษณะของสายลับ พวกเขาถือเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง
อี้กุยลนลานเล็กน้อย “ท่านปู่น้อย ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะเป็นพวกเดียวกับคนของจวนถู หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะมีกระบี่ชีวัน ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก ท่านไม่ควรไปเสี่ยงอันตราย”
“อีกอย่าง การทดสอบระดับมณฑลกำลังมาถึง ท่านต้องคุมสอบด้วย ไม่ควรมีภัยร้ายเกิดขึ้นกับท่าน”
“อืม การทดสอบระดับมณฑลมีความสำคัญมากจริง ๆ” เซียวเฉวียนพยักหน้า สายตาที่ทอดไปไกลเหม่อลอยเล็กน้อย “ทว่า การทดสอบระดับมณฑลของปีนี้ อย่าว่าแต่ข้าที่เป็นหัวหน้าขุนนางผู้คุมสอบเลย ข้าว่าแม้แต่ผู้เข้าสอบก็มีภัยเช่นกัน”
“ข้าจะเสนอต่อฝ่าบาท ให้เปลี่ยนวิธีการสำหรับการทดสอบระดับมณฑลในปีนี้”
เซียวเฉวียนพูด พลางยืดเอวและยืดเส้นยืดสายไปด้วย เขาเผลอพูดเรื่องปฏิวัติการสอบคัดเลือกขุนนางในปีนี้กับอี้กุย
อี้กุยเป็นห่วงเพียงความปลอดภัยของเซียวเฉวียน ส่วนเรื่องการทดสอบระดับมณฑล ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย เห็นว่าเซียวเฉวียนไม่สบายใจเช่นนี้ อี้กุยก็ร้อนใจ “ท่านปู่น้อย ท่านคงไม่คิดจะไปตามหาเว่ยเป่าตอนนี้หรอกนะ?”
“พวกเขามีกระบี่ชีวัน!” อี้กุยตื่นตระหนกเล็กน้อย “ต่อให้มีเสี่ยวเชียนชิว เช่นนั้นก็ยิ่งต้องระวังเป็นอย่างมากสิขอรับ!”
เซียวเฉวียนส่ายหัว หากไม่ไปตอนนี้ จะรอฉลองปีใหม่ก่อนหรืออย่างไร? ไม่สนว่ากระบี่ชีวันจะช่ำชองเพียงใด ผู้ที่กล้ามาสะกิดเขา เว่ยเป่ายังคิดจะหนีอีกหรือ?
ฝันไปเถอะ!
ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย เซียวเฉวียนไม่ค่อยมีศัตรูที่ทะเลาะกันข้ามวันข้ามคืน เพราะศัตรูส่วนมากของเขามักถูกแก้แค้นในทันที
เซียวเฉวียนหันไปเหลือบมองโย่วควนที่นอนอยู่บนเตียง “เจ้าอยู่พักฟื้นที่นี่ก่อน เดี๋ยวข้าก็กลับมา”
“นายท่าน...” โย่วควนไม่สบายใจอย่างมาก หากคนกลุ่มนั้นเป็นพวกคนจวนถูจริง ๆ นายท่านจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ? เจี้ยนเหล่ายังไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ ตอนนี้นายท่านตัวคนเดียว จะต่อต้านกับพวกเขาได้อย่างไร?
อี้กุยและโย่วควนทั้งสองคนที่ขมวดคิ้วราวกับคนแก่ เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นนั้นของพวกเขา กลับเห็นได้ชัดว่าเซียวเฉวียนยังคิดไม่รอบคอบดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
เซียวเฉวียนจึงเกิดความไม่แน่ใจขึ้นในทันใด และได้ถามขึ้นประโยคหนึ่ง “ตอนนั้นตาเฒ่าปีศาจกวี ผู้เป็นอาจารย์ของข้า เรียนท่องคาถาอาคม ก็ไม่สามารถเอาชนะกระบี่ชีวันเล่มแรกของต้าเว่ยได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่?”
อี้กุยพยักหน้า
“ในตอนนั้นปีศาจกวีมีเซี่ยวเฟิง พู่กันเฉียนคุน ก็สู้ไม่ได้งั้นหรือ?”
อี้กุยพยักหน้าอีกครั้ง ความจริงในตอนนั้นใต้เท้าปีศาจกวีก็มีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว ทว่าก็ยังต้องร่วมกันกับท่านปู่อี้อู๋หลี่ เจี้ยนเหล่า จึงจะสามารถเอาชนะกระบี่ชีวันได้อย่างยากลำบาก
และผู้ที่คุ้มกันเว่ยเป่าในตอนนี้มีราว ๆ สิบคน ดาบที่ทุกคนพกติดตัวไว้ด้านหลังคล้ายกับกระบี่ชีวัน เนื่องจากการเดินทางของพวกเขามีความลึกลับ ดังนั้นจึงไม่เคยชักดาบออกมาเลย ดังนั้นอี้กุยเดาว่าเป็นกระบี่ชีวัน แต่ก็ยังไม่กล้ายืนยัน
แต่ถ้าหากทั้งสิบเล่มเป็นกระบี่ชีวัน อย่าว่าแต่ท่านปู่น้อยคนเดียวเลย ต่อให้มีท่านปู่น้อยเป็นสิบคน ก็ไม่สามารถทำอะไรเว่ยเป่าได้!
“เช่นนั้นหากรวมเสี่ยวเชียนชิวไปด้วย โอกาสชนะมีมากเท่าใด?”
“ข้าไม่กล้ายืนยันขอรับ... ท่านปู่น้อย! ท่านจะไปให้ได้เลยหรือ! จะไปตอนนี้เลยหรือ!” อี้กุยตกใจจนกระโดดโหยง “เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร! ข้ากลัว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...