มือเปล่าเปลี่ยนเป็นดาบเล่มหนึ่ง ความสามารถเช่นนี้เพิ่งทำให้ไทเฮาตกตะลึงจนแทบหัวใจวาย
ตอนนี้เสี่ยวเชียนชิวทำเช่นนั้นอีกครั้ง เหล่าเด็กหนุ่มที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน
ใบหน้าเรียวเล็กของเว่ยเป่าสั่นหงึก “ข้า... ข้าบอกแล้ว นางเก่งกาจมาก พวกเราต้องระวังให้ดี”
ใบหน้าอ่อนวัยของเจวี๋ยซาแฝงด้วยความดุร้าย กลับเผยความตกตะลึงที่ไม่อาจปิดซ่อนได้และความกวาดกลัวเล็ก ๆ ทว่าเมื่อครู่ได้คุยโวออกไปมากมาย เขาไม่อาจขายหน้าต่อลูกน้องของเขาเพราะเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนี้แน่
เจวี๋ยซาสุ่มชี้ไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง “ครั้งนี้ เจ้าไปก่อน”
เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นได้ยินว่าจะได้ขึ้นห้องกับสาวน้อยเป็นคนแรก ใบหน้าก็ฉีกยิ้มอย่างเริงร่า แม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะดูน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ เท่านั้น นางจะเอาชนะกระบี่ชีวันได้รึ?
เด็กหนุ่มคนนี้กำลังคิดว่าเจวี๋ยซาให้ความผาสุกแก่เขา เขาไม่ทันได้คิดว่าเจวี๋ยซากำลังใช้เขาเป็นหนูทดลอง อย่างไรเสียเจวี๋ยซาก็แข็งแกร่งมาโดยตลอด จำเป็นต้องใช้ลูกน้องเป็นหนูทดลองด้วยหรือ?
เสี่ยวเชียนชิวถือดาบไว้ อีกมือก็รับป้ายห้องมาจากมือของผู้จัดการร้าน และเดินขึ้นบันไดที่มีเสียงดังเอี๊ยด ๆ ทีละก้าว ฝีเท้านั้นแข็งแกร่งและมั่นคง หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งภายในลึก ๆ ของนาง นางคงไม่สามารถก้าวเท้าเช่นนั้นได้
ที่สำคัญก็คือ เสี่ยวเชียนชิวยังคงสงบและมีสติ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าผู้รับผลประโยชน์จากการเปิดห้อง ไม่ใช่พวกเด็กหนุ่มชั้นต่ำเลวทรามเหล่านั้น แต่เป็นตัวของนางเอง
เด็กหนุ่มคนนั้นที่เจวี๋ยซาเอ่ยเรียก เดินตามขึ้นไปต้อย ๆ ด้วยความดีใจ ดาบที่อยู่ด้านหลังเขาปล่อยลมเย็นออกมา หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้ว เด็กหนุ่มก็ปิดประตูลงอย่างดีอกดีใจ เมื่อก่อนเรื่องดี ๆ เช่นนี้ เจวี๋ยซาล้วนเป็นคนแรกเสมอ ตอนนี้เขาได้เป็นคนแรกบ้าง จะไม่ดีใจได้อย่างไร?
ผู้จัดการร้านเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตกใจจนเข่าอ่อน จบเห่แน่ ๆ ไม่สนว่าใครจะแพ้ชนะ ดูท่าว่าไม่อาจอยู่ที่โรงเตี้ยมได้อีกแล้ว
ซวยซ้ำซ้อนอะไรเช่นนี้ ร้านเก่าแก่ที่เปิดมานับสิบปีต้องมาพังลงด้วยน้ำมือเด็กกลุ่มนี้
ผู้จัดการร้านแอบย่องออกจากโรงเตี้ยม เขายกแขนเสื้อขึ้นแล้วแอบเช็ดน้ำตา เซียนต่อสู้กันแต่ต้องลำบากประชาชนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขา เมื่อมองแวบเดียวก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็เป็นลูกสาวของขุนนางในราชสำนัก ซึ่งไม่ควรทำให้ใครขุ่นเคืองได้ทั้งนั้น!
หากยังคงอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่าชีวิตของเขาก็ไม่อาจเหลือรอดไปได้
ผู้จัดการร้านส่ายหน้า และเตรียมตัวหนี เขาเดินออกจากโรงเตี้ยมอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เมื่อถึงสวนด้านหลัง กำลังคิดจะพาลูกเมียหนีไป
เขาบังเอิญไปชนเข้ากับหน้าอกแกร่งของคนผู้หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง ผู้จัดการร้านยังไม่ทันตั้งสติ ถุงเงินที่หนักอึ้งก็ถูกยัดใส่ในมือของเขา
ทองคำ
ผู้จัดการร้านตาลุกวาว และรีบเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงคนร่างสูงใหญ่กำลังก้มหน้ามองเขาด้วยสายตาที่นิ่งสงบ สายตาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใดปรากฏออกมาเลย กลางระหว่างคิ้วของเขามีตราประทับสีแดงสด ดูมีความอาฆาตและน่าสะพรึงกลัว
“เงินนี่มากพอที่จะซื้อโรงเตี้ยมได้หรือไม่?” เซียวเฉวียนเห็นผู้จัดการร้านอึ้งไป จึงเอ่ยปากถาม ปรากฏว่าผู้จัดการร้านยังคงนิ่งอยู่ ราวกับถูกทำให้ตกใจ เซียวเฉวียนจึงถามขึ้นอีกครั้งว่า “พอหรือไม่?”
ขณะนั้นเองผู้จัดการร้านจึงได้สติกลับมา และพยักหน้ารับ “พอแล้ว ๆ!”
ทองคำที่หนักอึ้งนี้ ไม่เพียงสามารถซื้อโรงเตี้ยมไว้ได้ ต่อให้ผู้จัดการร้านเปิดโรงเตี้ยมสามร้อยปี คาดว่าอาจจะหาเงินได้ไม่มากเท่านี้
“หนีเอาชีวิตรอดไปเถอะ ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน” เซียวเฉวียนส่งสัญญาณให้เขารีบออกทางประตูหลัง “ลูกและภรรยาของเจ้า รวมถึงสหายในโรงเตี้ยม ข้าได้พาออกไปไกลสามลี้แล้ว ตอนนี้พวกนางปลอดภัยดี”
ผู้จัดการร้านตกใจ และรีบคุกเข่าโค้งคำนับ อาจเป็นเพราะตกใจกลัวเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น และตอนนี้มีคนเข้ามาช่วยไว้ ผู้จัดการร้านจึงตื้นตันใจเสียจนน้ำตาคลอเบ้า “ขอบพระคุณท่านผู้กล้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้! ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดตอบแทน! ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย”
“ทั้งชีวิตของข้าน้อยยังไม่เคยพบเจอคนดีเยี่ยงท่าน ท่านผู้กล้า! ท่านคือพ่อแม่ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้า! แม้ชาติหน้าข้าจะเกิดเป็นวัวเป็นควาย ข้าก็จะตอบแทนท่านผู้กล้าขอรับ!”
ในที่สุดเซียวเฉวียนก็เข้าใจว่าเหตุใดตัวประกอบในละครต่างต้องตาย เวลาสำคัญในการหนีเอาชีวิตรอด ผู้จัดการร้านคนนี้ยังเอาเวลามาโค้งคำนับ และยังกล่าวคำขอบคุณที่ได้รับการช่วยชีวิตอีก!
“รีบไปเถอะ”เซียวเฉวียนมองไปรอบด้าน และพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
เซียวเฉวียนดูมีความน่ากลัวและน่าเกรงขาม ทว่าเวลาพูดหรือทำสิ่งใดกลับเหมือนคนดีคนหนึ่ง ผู้จัดการร้านลุกขึ้นด้วยท่าทางเงอะงะ “ไม่ทราบว่าท่านผู้กล้ามีนามว่ากระไร?”
สรุปว่าเจ้าจะไปหรือไม่ไป... เซียวเฉวียนแทบอยากขำกลิ้งกับความโง่เขลาของผู้จัดการร้าน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เซียวเฉวียน”
เซียวเฉวียน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...