ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 750

มือเปล่าเปลี่ยนเป็นดาบเล่มหนึ่ง ความสามารถเช่นนี้เพิ่งทำให้ไทเฮาตกตะลึงจนแทบหัวใจวาย

ตอนนี้เสี่ยวเชียนชิวทำเช่นนั้นอีกครั้ง เหล่าเด็กหนุ่มที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน

ใบหน้าเรียวเล็กของเว่ยเป่าสั่นหงึก “ข้า... ข้าบอกแล้ว นางเก่งกาจมาก พวกเราต้องระวังให้ดี”

ใบหน้าอ่อนวัยของเจวี๋ยซาแฝงด้วยความดุร้าย กลับเผยความตกตะลึงที่ไม่อาจปิดซ่อนได้และความกวาดกลัวเล็ก ๆ ทว่าเมื่อครู่ได้คุยโวออกไปมากมาย เขาไม่อาจขายหน้าต่อลูกน้องของเขาเพราะเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนี้แน่

เจวี๋ยซาสุ่มชี้ไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง “ครั้งนี้ เจ้าไปก่อน”

เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นได้ยินว่าจะได้ขึ้นห้องกับสาวน้อยเป็นคนแรก ใบหน้าก็ฉีกยิ้มอย่างเริงร่า แม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะดูน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ก็ยังเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ เท่านั้น นางจะเอาชนะกระบี่ชีวันได้รึ?

เด็กหนุ่มคนนี้กำลังคิดว่าเจวี๋ยซาให้ความผาสุกแก่เขา เขาไม่ทันได้คิดว่าเจวี๋ยซากำลังใช้เขาเป็นหนูทดลอง อย่างไรเสียเจวี๋ยซาก็แข็งแกร่งมาโดยตลอด จำเป็นต้องใช้ลูกน้องเป็นหนูทดลองด้วยหรือ?

เสี่ยวเชียนชิวถือดาบไว้ อีกมือก็รับป้ายห้องมาจากมือของผู้จัดการร้าน และเดินขึ้นบันไดที่มีเสียงดังเอี๊ยด ๆ ทีละก้าว ฝีเท้านั้นแข็งแกร่งและมั่นคง หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งภายในลึก ๆ ของนาง นางคงไม่สามารถก้าวเท้าเช่นนั้นได้

ที่สำคัญก็คือ เสี่ยวเชียนชิวยังคงสงบและมีสติ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าผู้รับผลประโยชน์จากการเปิดห้อง ไม่ใช่พวกเด็กหนุ่มชั้นต่ำเลวทรามเหล่านั้น แต่เป็นตัวของนางเอง

เด็กหนุ่มคนนั้นที่เจวี๋ยซาเอ่ยเรียก เดินตามขึ้นไปต้อย ๆ ด้วยความดีใจ ดาบที่อยู่ด้านหลังเขาปล่อยลมเย็นออกมา หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้ว เด็กหนุ่มก็ปิดประตูลงอย่างดีอกดีใจ เมื่อก่อนเรื่องดี ๆ เช่นนี้ เจวี๋ยซาล้วนเป็นคนแรกเสมอ ตอนนี้เขาได้เป็นคนแรกบ้าง จะไม่ดีใจได้อย่างไร?

ผู้จัดการร้านเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตกใจจนเข่าอ่อน จบเห่แน่ ๆ ไม่สนว่าใครจะแพ้ชนะ ดูท่าว่าไม่อาจอยู่ที่โรงเตี้ยมได้อีกแล้ว

ซวยซ้ำซ้อนอะไรเช่นนี้ ร้านเก่าแก่ที่เปิดมานับสิบปีต้องมาพังลงด้วยน้ำมือเด็กกลุ่มนี้

ผู้จัดการร้านแอบย่องออกจากโรงเตี้ยม เขายกแขนเสื้อขึ้นแล้วแอบเช็ดน้ำตา เซียนต่อสู้กันแต่ต้องลำบากประชาชนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเขา เมื่อมองแวบเดียวก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็เป็นลูกสาวของขุนนางในราชสำนัก ซึ่งไม่ควรทำให้ใครขุ่นเคืองได้ทั้งนั้น!

หากยังคงอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่าชีวิตของเขาก็ไม่อาจเหลือรอดไปได้

ผู้จัดการร้านส่ายหน้า และเตรียมตัวหนี เขาเดินออกจากโรงเตี้ยมอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เมื่อถึงสวนด้านหลัง กำลังคิดจะพาลูกเมียหนีไป

เขาบังเอิญไปชนเข้ากับหน้าอกแกร่งของคนผู้หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง ผู้จัดการร้านยังไม่ทันตั้งสติ ถุงเงินที่หนักอึ้งก็ถูกยัดใส่ในมือของเขา

ทองคำ

ผู้จัดการร้านตาลุกวาว และรีบเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงคนร่างสูงใหญ่กำลังก้มหน้ามองเขาด้วยสายตาที่นิ่งสงบ สายตาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใดปรากฏออกมาเลย กลางระหว่างคิ้วของเขามีตราประทับสีแดงสด ดูมีความอาฆาตและน่าสะพรึงกลัว

“เงินนี่มากพอที่จะซื้อโรงเตี้ยมได้หรือไม่?” เซียวเฉวียนเห็นผู้จัดการร้านอึ้งไป จึงเอ่ยปากถาม ปรากฏว่าผู้จัดการร้านยังคงนิ่งอยู่ ราวกับถูกทำให้ตกใจ เซียวเฉวียนจึงถามขึ้นอีกครั้งว่า “พอหรือไม่?”

ขณะนั้นเองผู้จัดการร้านจึงได้สติกลับมา และพยักหน้ารับ “พอแล้ว ๆ!”

ทองคำที่หนักอึ้งนี้ ไม่เพียงสามารถซื้อโรงเตี้ยมไว้ได้ ต่อให้ผู้จัดการร้านเปิดโรงเตี้ยมสามร้อยปี คาดว่าอาจจะหาเงินได้ไม่มากเท่านี้

“หนีเอาชีวิตรอดไปเถอะ ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน” เซียวเฉวียนส่งสัญญาณให้เขารีบออกทางประตูหลัง “ลูกและภรรยาของเจ้า รวมถึงสหายในโรงเตี้ยม ข้าได้พาออกไปไกลสามลี้แล้ว ตอนนี้พวกนางปลอดภัยดี”

ผู้จัดการร้านตกใจ และรีบคุกเข่าโค้งคำนับ อาจเป็นเพราะตกใจกลัวเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น และตอนนี้มีคนเข้ามาช่วยไว้ ผู้จัดการร้านจึงตื้นตันใจเสียจนน้ำตาคลอเบ้า “ขอบพระคุณท่านผู้กล้าที่ช่วยชีวิตข้าไว้! ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดตอบแทน! ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย”

“ทั้งชีวิตของข้าน้อยยังไม่เคยพบเจอคนดีเยี่ยงท่าน ท่านผู้กล้า! ท่านคือพ่อแม่ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้า! แม้ชาติหน้าข้าจะเกิดเป็นวัวเป็นควาย ข้าก็จะตอบแทนท่านผู้กล้าขอรับ!”

ในที่สุดเซียวเฉวียนก็เข้าใจว่าเหตุใดตัวประกอบในละครต่างต้องตาย เวลาสำคัญในการหนีเอาชีวิตรอด ผู้จัดการร้านคนนี้ยังเอาเวลามาโค้งคำนับ และยังกล่าวคำขอบคุณที่ได้รับการช่วยชีวิตอีก!

“รีบไปเถอะ”เซียวเฉวียนมองไปรอบด้าน และพูดอย่างเหนื่อยหน่าย

เซียวเฉวียนดูมีความน่ากลัวและน่าเกรงขาม ทว่าเวลาพูดหรือทำสิ่งใดกลับเหมือนคนดีคนหนึ่ง ผู้จัดการร้านลุกขึ้นด้วยท่าทางเงอะงะ “ไม่ทราบว่าท่านผู้กล้ามีนามว่ากระไร?”

สรุปว่าเจ้าจะไปหรือไม่ไป... เซียวเฉวียนแทบอยากขำกลิ้งกับความโง่เขลาของผู้จัดการร้าน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เซียวเฉวียน”

เซียวเฉวียน!

ของสองสิ่งลอยออกมาอยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียนอย่างไร้เรี่ยวแรง และหวาดกลัวอย่างมาก

เซียวเฉวียนเลิกคิ้ว “ให้เจ้าไปดูแลภรรยาและของข้า เจ้ากลับมาได้อย่างไร?”

แท้จริงแล้ว ปีศาจลมที่นำเสี่ยวเชียนชิวมาที่นี่ ก็คือพู่กันจินหลุนเฉียนคุน

มันไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าเซียวเฉวียนโดยตรง จึงแอบทำงานอย่างเงียบ ๆ เมื่อเจ้านายเห็นว่าแม้ไม่มีความดีความชอบ แต่ยังคงตรากตรำทำงาน ก็อาจจะไม่ลงโทษมัน

“นายท่านของข้า องค์หญิงให้ข้านำจดหมายกลับมาส่งให้ท่าน”

พู่กันเฉียนคุนไม่กล้าพูดในต้าเว่ย เกรงว่าคนอื่นจะจับได้ว่ามันเป็นของชนิดเดียวกันกับกระบี่ชีวัน มันทำท่าทางอยู่กลางอากาศ และนำจดหมายขององค์หญิงกลับคืนสู่สภาพเดิมในกระดาษสีขาวที่อยู่บนพื้น

เป็นลายมือและน้ำเสียงขององค์หญิงไม่ผิดแน่

ข้อความด้านในจดหมายเรียบง่ายมาก องค์หญิงเพียงแค่ต้องการแสดงความคิดถึง บอกว่าตัวเองสบายดีทุกประการ แต่ด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก จึงได้ส่งพู่กันเฉียนคุนให้นำจดหมายกลับมา

กลลวงเล็ก ๆ ขององค์หญิงและพู่กันเฉียนคุน เซียวเฉวียนจะไม่รู้ได้อย่างไร องค์หญิงเป็นห่วงเขา จึงได้หาเหตุผลเพื่อส่งตัวพู่กันเฉียนคุนกลับมา

ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ช่างปะไร เซียวเฉวียนเชื่อว่าองค์หญิงอยู่ที่ซินเจียงจะไม่มีอันตรายใด ๆ

ผู้ที่อันตรายก็คือพู่กันเฉียนคุนและเซียวเฉวียน หากถูกคนเห็นเข้าคงแย่แน่?

“โจโฉ เจ้าจำไว้ให้มั่น ไม่ควรพูดออกมาแม้แต่คำเดียว เจ้าก็คือพู่กันหนึ่งด้ามและอาวุธสงครามหนึ่งชิ้น เข้าใจหรือไม่?” เซียวเฉวียนพูดเสียงต่ำ ขอเพียงพู่กันเฉียนคุนไม่พูด ก็ไม่น่าจะมีผู้ใดพบเห็นได้

พู่กันเฉียนคุนสองด้ามสะบัดตัวไปมา เพื่อแสดงความยินยอม

“รอให้เรื่องวันนี้จบลง ข้าค่อยจัดการกับเจ้า” เซียวเฉวียนเหลือบมองพู่กันเฉียนคุน พู่กันเฉียนคุนรีบถอยห่างเล็กน้อย นายท่านอภัยให้ข้าด้วย

“วางใจได้ ข้าไม่จัดการเจ้าตอนนี้หรอก” เซียวเฉวียนมองไปยังโรงเตี้ยมเล็ก ๆ ด้วยความอำมหิต “ด้านในมีกระบี่ชีวัน ชนิดเดียวกันกับเจ้า ไป พวกเราไปเจอกันหน่อย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย